พระสมณสาสน์ 3ฉบับเกี่ยวกับพระหฤทัย
กระนั้นก็ดี
ความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าได้แผ่ขยายในชีวิตส่วนตัวของคริสตชนมากกว่าในชีวิตส่วนรวม
ผู้มีอำนาจปกครองพระศาสนจักรติดตามการแผ่ขยายความเลื่อมใสศรัทธานี้ ด้วยจิตตารมณ์ของนักอภิบาลที่มีวิจารณญาณ
นักบุญมาร์การีตา มารีย์ อาลาก๊อก
เคยส่งเสริมความเลื่อมใสศรัทธาต่อรูปของพระหฤทัย
คือรูปดวงใจที่มีแผลเพราะถูกทิ่มแทง มีหนามล้อมรอบ
ด้านบนดวงใจมีเปลวไฟและไม้กางเขน รายละเอียดของรูปนี้บ่งบอกว่าดวงใจนั้นต้องเป็นพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าอย่างแน่นอน
แม้รูปนั้นมีแต่พระหฤทัยดวงเดียวที่ปราศจากพระพระพักตร์และพระวรกายของพระองค์ กระนั้นก็ดีรูปนี้ชวนสัตบุรุษให้มองพระหฤทัยที่แยกจากพระบุคคลของพระเยซูเจ้า
และส่งเสริมให้นมัสการเพียงส่วนหนึ่งของพระวรกายของพระองค์ ผู้มีอำนาจปกครองพระศาสนจักรจึงไม่ยอมรับรองความเลื่อมใสศรัทธาต่อรูปพระหฤทัยนี้อย่างเป็นทางการเลย
ในปี 1687 สันตะสำนักปฏิเสธไม่ยอมอนุญาตให้มีวันฉลองพระหฤทัย
เพราะผู้ขอให้แต่งตั้งวันฉลองทางพิธีกรรมไม่ได้ปฏิบัติตามกระบวนการที่ถูกต้อง
ต่อมาในปี 1697 สันตะสำนักอนุญาตให้ทำวันฉลองพระหฤทัยได้
โดยใช้มิสซาและบททำวัตรประจำวันของวันฉลองรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 5 ของพระเยซูเจ้า ในปี 1729 คุณพ่อกาลลีเฟต์
ขอให้สันตะสำนักรับรองบททำวัตรเฉพาะที่ท่านได้แต่งขึ้นสำหรับวันฉลองพระหฤทัย แต่ก็ไม่ได้รับการอนุมัติ
เพราะข้อความที่ท่านเขียนนั้นแสดงความคิดที่ว่า ดวงใจเป็นอวัยวะที่ใช้เพื่อรัก
ดังที่เราใช้ตาเป็นอวัยวะเพื่อมองเห็น
เพียงแต่ในปี 1765
เมื่อบรรดาพระสังฆราชแห่งประเทศโปแลนด์ขอสันตะสำนักอนุมัติให้คริสตชนชาวโปแลนด์ทำวันฉลองพระหฤทัยทางพิธีกรรมโดยมีบททำวัตรโดยเฉพาะ
ต่อมาในปี 1856 สันตะสำนักอนุญาตให้คริตสชนทั่วโลกทำวันฉลองพระหฤทัย
และตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมาสมเด็จพระสันตะปาปาทุกพระองค์ทรงส่งเสริมความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยอย่างเป็นทางการ
ในปี 1899 สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 13 ทรงประกาศพระสมณสาสน์
ปีศักดิ์สิทธิ์ (Annum Sacrum) ซึ่งเป็นพระสมณสาสน์เกี่ยวกับพระหฤทัยฉบับแรกในประวัติศาสตร์
สมเด็จพระสันตะปาปาทรงอธิบายหลักการทางเทววิทยาของการมอบถวายตน (consecration)
แด่พระหฤทัยของพระเยซูเจ้า โดยเน้นเป็นพิเศษว่า
กิจการใดๆที่แสดงความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยของพระเยซูเจ้านั้น “เป็นการแสดงความเคารพต่อพระบุคคลของพระเยซูเจ้าโดยตรงอย่างแท้จริง” และในวันที่ 11 มิ.ย. 1899
สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 13 ประกอบพิธ๊ถวายโลกแด่ดวงพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้าอย่างเป็นทางการ
ในปี 1928 สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 11 ทรงประกาศพระสมณสาสน์
พระผู้ไถ่ผู้ทรงเมตตากรุณาอย่างยิ่ง (Miserentissimus Redemptor)
ในสมณสาสน์ฉบับนี้ พระองค์ทรงย้ำคำสอนของสมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 13
เกี่ยวกับการมอบถวายตนแด่พระหฤทัยของพระเยซูเจ้า
และทรงอธิบายเพิ่มเติมว่า ความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยยังต้องมีลักษณะเป็นการชดเชยบาป
นอกจากนั้น พระองค์ยังทรงนิยามคารวะกิจต่อพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าว่า เป็น “แก่นแท้ของศาสนาคริสต์ทั้งหมด
และยังเป็นบรรทัดฐานการดำเนินชีวิตที่สมบูรณ์แบบ” เพราะความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยกระตุ้นใจเราให้รักพระเยซูเจ้าอย่างร้อนรนยิ่งขึ้น
และชวนเราให้ปฏิบัติตามพระฉบับของพระองค์ด้วยใจกว้าง
ในปี 1956 สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ทรงประกาศพระสมณสาสน์
จงตักน้ำ (Haurietis Aquas) ซึ่งเป็นพระสมณสาสน์ฉบับที่
3 เกี่ยวกับคารวะกิจต่อพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า
พระองค์ทรงปกป้องความถูกต้องของคารวะกิจนี้จากผู้ที่ไม่ยอมรับ และทรงชี้แนะแนวทางแห่งการปฏิรูปความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัย
เพราะทรงยอมรับว่าวิธีปฏิบัติของคริสตชนหลายครั้งมีข้อบกพร่องและอาจจะเสี่ยงต่อข้อความเชื่อของพระศาสนจักร
สำหรับพระสันตะปาปาปีโอที่ 12 คารวะกิจต่อพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าเป็น “การยืนยันและการปฏิบัติศาสนาคริสต์อย่างถูกต้อง”
เพราะเป็นการเคารพความรักของพระเจ้า ที่พระเยซูเจ้าทรงสำแดงแก่เรา
และเป็นแสดงความรักของเราต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์
ถึงกระนั้นก็ดี
ความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยดังที่ปฏิบัติกันมาอาจมีข้อบกพร่องบ้าง
สมเด็จพระสันตะปาปาจึงทรงชี้แนะวิธีการปฏิรูป ทรงเขียนไว้ว่า “จากสิ่งที่เราได้อธิบายมาจนถึงนี้ ก็เป็นสิ่งที่ชัดเจนว่า
บรรดาสัตบุรุษต้องแสวงหาความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพระเยซูเจ้าจากพระคัมภีร์
จากธรรมประเพณี และจากพิธีกรรม ประดุจจากสายน้ำใสบริสุทธิ์
หากเขาอยากรู้ซึ้งถึงธรรมชาติแท้ของความศรัทธานี้
และอยากได้รับอาหารเลี้ยงความกระตือรือร้นและความมั่นคงในศาสนา”
(100)
ที่มา - http://www.catholic.or.th/spiritual/article/article2009/article20.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น