วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

นักบุญยอห์นบอสโก นักบุญโดมินิก ซาวีโอ และความฝันเกี่ยวกับสวรรค์


น. ยอห์น บอสโกเคยเห็นนิมิตของสวรรค์ในรูปแบบของความฝัน ท่านเล่าเรื่องนี้ให้เด็กของท่านฟังในเวลาก่อนนอนซึ่งเป็นเวลาที่เรียกกันว่า “การให้คำแนะนำก่อนนอน”

ในปี 1876 น. โดมินิก ซาวีโอ ซึ่งเพิ่งเสียชีวิตไปไม่นานได้มาปรากฏแก่คุณพ่อบอสโกในความฝัน  และคุณพ่อได้เล่าเรื่องนี้ให้บรรดาเด็กของท่านฟังดังนี้

ตามที่พวกลูกรู้  ความฝันเกิดขึ้นในเวลาที่เรานอนหลับ  ในตอนกลางคืนของวันที่ 6 ธ.ค. ขณะที่พ่ออยู่ในห้องพัก พ่อกำลังอ่านหนังสือหรือพิงหลังบนโต๊ะหรือนอนอยู่ที่เตียงของพ่อ  พ่อก็ไม่แน่ใจ  แต่พ่อได้เริ่มฝัน

สวนอันน่ามหัศจรรย์

ดูเหมือนพ่อจะไปยืนอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆแห่งหนึ่ง  ซึ่งอยู่บนชายขอบของที่ราบกว้างใหญ่ไกลจนสุดสายตาไม่มีที่สิ้นสุด  สิ่งต่างๆเป็นสีฟ้าเหมือนสีของทะเลที่เงียบสงบ  แต่มันไม่ใช่น้ำ มันดูคล้ายกับทะเลแก้วกระจกที่แวววาว  สิ่งที่อยู่ทางด้านล่าง ข้างหลัง  และทุกๆด้านของพ่อดูคล้ายกับชายทะเล

มีถนนที่กว้างใหญ่ตัดแบ่งที่ราบกว้างใหญ่นี้  ด้านหนึ่งของที่ราบเป็นสวนขนาดใหญ่มหึมาที่สวยงามจนสุดบรรยาย  ถูกแบ่งเป็นแปลงดอกไม้หลายแปลง  แต่ละแปลงมีดอกไม้ขึ้นหนาแน่นและมีการตกแต่งเป็นอย่างดี  ดอกไม้มีสีสันและรูปทรงหลายอย่างแตกต่างกัน

พืชที่เรารู้จักนั้นไม่อาจนำมาเทียบกับพืชที่อยู่ในสวนนั้นได้เลย  ถึงแม้จะมีพืชบางชนิดที่อาจดูคล้ายๆกับพืชที่เรารู้จักก็ตาม พืชทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นหญ้  ดอกไม้  ต้นไม้ และ ผลไม้  ทุกชนิดมีเอกลักษณ์และความสวยงามเฉพาะของมัน  ใบไม้เป็นทองคำ  ลำต้นและกิ่งก้านเป็นอัญมณี  แม้แต่สิ่งที่เป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของต้นไม้ก็ยังเป็นของที่มีค่า  มีต้นไม้หลายหลากชนิดมากมายจนนับไม่ถ้วน

ต้นไม้แต่ละชนิดแต่ละต้นส่องแสงประกายแวววาวตามชนิดของมัน  ทำให้สวนสว่างกระจ่างจ้าพร่างพราวไปทั่วพื้นที่ราบนั้น  พ่อมองเห็นอาคารจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกออกแบบอย่างสวยงามและกลมกลืนกันอยู่บนที่ราบนั้นด้วย  ขนาดและความโอ่อาของแต่ละอาคารมีความพิเศษเฉพาะตัว  จนไม่อาจมีทรัพย์สมบัติของโลกใดๆสามารถนำมาเปรียบเทียบกับอาคารเหล่านี้ได้แม้แต่อาคารเดียว  พ่อพูดกับตัวเองว่า ถ้าหากเด็กๆของพ่อจะมีบ้านแบบนี้บ้าง  พวกเขาจะต้องรักมัน  พวกเขาจะมีความสุขความพอใจเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาจะยินดีที่จะอยู่ที่นั่น  ขณะที่พ่อจ้องมองภายนอกอาคารเหล่านั้น  พ่อก็คิดว่า ภายนอกอาคารยังสวยงามถึงเพียงนี้  แล้วภายในจะสวยงามมากสักเพียงไหน

เสียงเพลงที่ไพเราะ

ขณะที่พ่อยืนอยู่ที่นั่น  และรู้สึกมีความสุขกับสวนอันสวยงามเหล่านั้น  ทันใดพ่อก็ได้ยินเสียงเพลงที่อ่อนหวาน – ซึ่งทำให้เกิดความยินดี และมีทำนองที่ไพเราะมากซึ่งพ่อไม่เคยได้ยินมาก่อนและไม่อาจบรรยายได้.....เครื่องดนตรีนับพันชิ้นกำลังบรรเลงเป็นเพลง  แต่ละชนิดให้เสียงเฉพาะของมันไม่ซ้ำกันและแตกต่างกับเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆ  เสียงเพลงที่กระจายไปในอากาศทำให้บรรยากาศมีชีวิตชีวาด้วยคลื่นเสียงของมัน

เสียงเพลงที่ร้องในโบสถ์ประสานไปกับทำนองเพลงจากเครื่องดนตรี ในสวนนั้นพ่อมองเห็นประชาชนจำนวนมากมายมหาศาลกำลังชื่นชมยินดีและมีความสุข  บางคนกำลังร้องเพลง  บางคนกำลังเล่น  โน้ตเพลงทุกตัวเป็นผลมาจากเครื่องดนตรีที่แตกต่างกันนับพันชิ้นซึ่งเล่นพร้อมกันในเวลาเดียวกัน  ถ้าลูกสามารถจินตนาการได้  ลูกจะได้ยินโนตเพลงทุกตัวในระดับเสียงต่างกัน  ตั้งแต่เสียงต่ำไปจนถึงเสียงสูง และทุกเสียงนั้นก็ประสานกันเป็นอย่างดี  ถูกแล้วไม่มีสิ่งใดบนโลกที่สามารถเปรียบเทียบกับเพลงเหล่านั้น

ความสุขไม่มีที่ใดเปรียบได้

เราสามารถบอกได้ถึงความสุขของพวกเขาจากใบหน้าของพวกเขา  ผู้ที่ร้องเพลงไม่เพียงแต่มีความพึงพอใจสูงสุดในการร้องเพลงเท่านั้น  แต่ยังมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งจากการฟังผู้อื่นร้องเพลงด้วย  ยิ่งร้องเพลงมากเพียงใด  พวกเขายิ่งอยากร้องเพลงมากขึ้นเพียงนั้น  ยิ่งฟังมากเพียงใด  พวกเขายิ่งอยากฟังมากขึ้นเพียงนั้น...

ขณะที่พ่อกำลังฟังเพลงขับร้องประสานเสียงแห่งสวรรค์นี้  พ่อมองเห็นเด็กชายจำนวนมากมายกำลังเดินเป็นขบวนมาหาพ่อ  พ่อสามารถจำบางคนได้ว่าเขาเคยอยู่ที่บ้านพักและโรงเรียน  แต่คนที่อยู่ไกลออกไปส่วนใหญ่จะแปลกหน้าสำหรับพ่อ  ขบวนที่ยาวไม่มีที่สิ้นสุดนี้เข้ามาใกล้พ่อทุกที  มินิก  ซาวีโอ เดินอยู่ข้างหน้าสุดเขาเดินน้ำหน้าขบวน  ติดตามมาด้วยคุณพ่อ อาลาโซแนตติ , คุณพ่อ เชียลิ, คุณพ่อ กุยลิตโต  และนักบวชและพระสงฆ์อีกมากมาย  แต่ละท่านเดินนำหน้าขบวนของเด็กชาย

ความชื่นชมยินดี

ต่อมาขบวนของเด็กชายเดินมาอยู่ห่างจากพ่อประมาณแปดถึงสิบก้าว  แล้วก็หยุด  มีแสงสว่างเจิดจ้าจากพวกเขามากยิ่งกว่าในตอนแรกเสียอีก  เสียงเพลงหยุดลง  มีความเงียบไปทั่วบริเวณนั้น  สามารถมองเห็นความชื่นชมยินดีที่แสดงออกมาจากบรรดาเด็กชายเหล่านั้น  ดวงตาของพวกเขาเปล่งประกายด้วยความยินดีและความสุขอันล้นเหลือ  พวกเขามองมาที่พ่อและยิ้มให้อย่างอิ่มเอมใจ เหมือนกับจะพูดกับพ่อ  แต่ไม่มีใครพูดแม้แต่คำเดียว 

ดอมินิก ซาวีโอ ก้าวเดินออกมาข้างหน้า  เขายืนอยู่ห่างจากพ่อหนึ่งถึงสองก้าว  เขายืนอยู่ใกล้พ่อจนพ่อสามารถยื่นมือไปถึงเขาได้  พ่อสัมผัสเขาได้จริงๆ  เขาไม่ได้พูดอะไร เขาจ้องมองพ่อและยิ้มให้

ในที่สุด ดอมินิก ซาวีโอ ก็พูด “ทำไมคุณพ่อจึงยืนอยู่อย่างเงียบๆเหมือนหุ่นละครับ?”  แล้วเขาพูดต่อว่า “คุณพ่อไม่ใช่หรือที่ครั้งหนึ่งไม่เคยกลัวสิ่งใดเลย ไม่ว่าจะเป็น การถูกใส่ร้าย  การถูกเบียดเบียน ไม่ว่าจะเป็นศัตรู หรือ ความยากลำบาก และอันตรายทุกชนิด? แล้วตอนนี้ความกล้าหายไปไหนล่ะครับ? พูดอะไรบ้างสิครับ”

ความรักที่แสนอบอุ่น

พ่อบังคับตัวเองให้ตอบอย่างตะกุกตะกัก “พ่อไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี  เธอคือ ดอมินิก ซาวีโอ ใช่ไหม?”

“ใช่ครับ ผมเอง คุณพ่อไม่รู้จักผมแล้วหรือครับ?”

“เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” พ่อถามด้วยความสงสัย

ซาวีโอตอบด้วยความรัก “ผมมาเพื่อพูดคุยกับคุณพ่อครับ  ตอนที่อยู่ในโลกเราเคยพูดคุยกันบ่อยครั้ง   คุณพ่อจำไม่ได้หรือ  คุณพ่อรักผมมาก และให้ความเป็นมิตรและให้ความเมตตากรุณาต่อผมไม่ใช่หรือ? แล้วผมจะไม่กลับมาสู่ความอบอุ่นในความรักของคุณพ่อได้อย่างไร? ผมวางใจคุณพ่อมาก  ดังนั้นทำไมคุณพ่อจึงเงียบล่ะครับ?  ทำไมคุณพ่อจึงสั่นกลัว? ถามคำถามผมมาเถิด หนึ่งหรือสองคำถามก็ได้”

สถานที่แห่งความสุข

พ่อรวบรวมความกล้า และตอบไปว่า “พ่อตัวสั่นเพราะพ่อไม่รู้ว่าพ่ออยู่ที่ไหน”

“คุณพ่อกำลังอยู่ในดินแดนแห่งความสุขครับ” ซาวีโอตอบ”สถานที่ซึ่งคนเราจะมีแต่ความสุข มีแต่ความชื่นชมยินดี”

“นี่เป็นรางวัลของผู้ชอบธรรมหรือ?”

“ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกครับ  ที่นี่เราไม่ได้มีความสุขและความยินดีที่เหนือธรรมชาติ  แต่เป็นความสุขความยินดีตามธรรมชาติ  เพียงแต่มีปริมาณที่มากกว่ามากเท่านั้น”

“เธอจะให้พ่อได้เห็นแสงที่เหนือธรรมชาติสักเล็กน้อยได้ไหม?”

“ไม่มีใครสามารถเห็นได้จนกว่าเขาจะได้มาเห็นพระเป็นเจ้าตามที่พระองค์ทรงเป็นเสียก่อน  รังสีแสงเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้เขาตายได้ทันที  เพราะประสาทสัมผัสของมนุษย์ไม่อาจทนทานได้ครับ

              น. ยอห์น บอสโกจบความฝันของท่านเพียงเท่านี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น