วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2559

นักบุญปีเตอร์ จูเลียน เอียมาร์ด-2

ถ้าจะมีคำใดที่ใช้บรรยายชีวิตของ น. ปีเตอร์ จูเลียน เอียมาร์ด Saint Peter Julian Eymard ได้แล้วก็คงเป็นคำว่า “เข็นครกขึ้นภูเขา” นั่นแหละ 
--------------------------------------------------------------------------------------------------

ปีเตอร์สมัครไปทำงานให้กับพระสงฆ์ท่านหนึ่งในโรงพยาบาลที่เมืองเกรโนเบิล Grenoble  โดยได้รับอนุญาตว่าในเวลาว่างเขาสามารถไปเรียนที่โรงเรียนสอนภาษาลาตินได้  นี่เป็นอุปสรรคอันใหญ่ที่จะต้องพิชิตให้ได้ถ้าต้องการเป็นพระสงฆ์  แต่โรงพยาบาลนั้นเป็นโรงพยาบาลโรคจิต  และก็ไม่มีเวลาว่างให้ปีเตอร์ที่จะศึกษาภาษาลาตินได้  ปีเตอร์จึงต้องเรียนภาษาลาตินด้วยตัวเอง เขาไม่มีความสุขเลยในสถานการณ์เช่นนี้  แต่ก็ตัดสินใจที่จะเรียนภาษาลาตินต่อไป  เขายอมรับสภาพที่เป็นอยู่ในโรงพยาบาล  และแล้ววันหนึ่งเขาก็ต้องตกใจเมื่อทราบข่าวว่ามารดาของเขาเสียชีวิตแล้ว  เขาเป็นทุกข์ใจมาก  เพราะมารดาเป็นผู้ที่ให้การสนับสนุนเขามากที่สุดโดยช่วยพูดคุยกับบิดาเพื่อเขา  ถึงแม้จะไม่ได้ผลก็ตาม

ปีเตอร์รีบกลับบ้านที่เมือง ลามูร์ La Mure  แต่เมื่อไปถึงมารดาของเขาก็อยู่ใต้ผืนดินเรียบร้อยแล้ว  และผู้เป็นบิดาเป็นทุกข์โศกเศร้า  ปีเตอร์อยู่กับครอบครัวต่อไปสักพัก  จนกระทั่งมีพระสงฆ์ท่านหนึ่งจากคณะ Oblates of Mary เดินทางมาที่เมืองลามูร์นี้เพื่อเทศน์เตรียมจิตใจในช่วงเทศกาลมหาพรต  และพระสงฆ์ท่านนี้สังเกตเห็นปีเตอร์ในเวลาที่มาร่วมฟังการเทศน์ของท่าน  ท่านกล้าไปหาปีเตอร์ที่บ้านของบิดาปีเตอร์ทีเดียว  เพื่อขออนุญาตบิดาให้ปีเตอร์เข้าเป็นเณรในคณะ Oblates of Mary นี้  ถึงแม้ที่ผ่านมาผู้เป็นบิดาจะดื้อแพ่งไม่อนุญาตเป็นเวลาหลายปี  แต่ปีเตอร์เวลานี้อายุ 18 ปีแล้ว  และเขาตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะทำตามกระแสเรียกของเขา  ดังนั้นบิดาจึงจำใจต้องอนุญาติในที่สุด

ปีเตอร์และแม่พระ


ปีเตอร์กลับไปที่อาสนวิหารแม่พระแห่งเลาส์อีกครั้งหนึ่ง  เพื่อขอบคุณแม่พระที่ทรงช่วยทำให้หัวใจของบิดาอ่อนลง  หลังจากนั้นเขามุ่งหน้าไปที่เมืองมาร์เซยส์  และเข้าเป็นโนวิสของคณะ Oblates of Mary  นั่นเป็นเดือนมิถุนายน 1829  คงจำได้ว่าปีเตอร์ต้องต่อสู้อย่างหนักและใช้เวลานานเพียงไรเพื่อจะได้ทำความฝันของเขาให้เป็นจริงในการเป็นพระสงฆ์  แต่เรื่องก็ยังไม่สิ้นสุดลงเมื่อเขาได้เข้าเป็นโนวิสแล้ว  ภายในเวลา 5 เดือนต่อมา ปีเตอร์ก็ล้มป่วยอย่างหนักและเขาถูกส่งตัวกลับไปบ้านที่ลามูร์อีกครั้ง  อันที่จริงอธิการของคณะคิดว่าเขาคงจะต้องเสียชีวิตแน่จึงส่งเขากลับบ้านเพื่อให้เขาสิ้นใจอย่างสงบ  อย่างไรก็ตาม  พี่สาวของเขาได้พยาบาลปีเตอร์ตลอดเวลาและด้วยความช่วยเหลือจากแม่พระแห่งเลาส์  สุขภาพของปีเตอร์จึงกลับคืนมา  นี่ถือว่าเป็นเรื่องดี  แต่มันก็ไม่ได้ดีเสียทีเดียว  เพราะพี่สาวเอาใจใส่และมีบุญคุณต่อปีเตอร์มากและเป็นการยากในการตัดสินใจที่จะจากพี่สาวไป

ในระหว่างเวลานี้เอง  บิดาของปีเตอร์ ผู้ซึ่งถึงแม้จะมีสุขภาพที่ดีมาก  แต่มีความโศกเศร้าจากการเสียชีวิตของภรรยา  ได้เสียชีวิตไปด้วย  เป็นเวลาเพียงแค่สองปีหลังจากที่มารดาของปีเตอร์เสียชีวิต  พี่สาวของปีเตอร์เข้าใจในความตั้งใจของน้องชายดี  จึงคอยช่วยเหลือปีเตอร์และเป็นที่ปรึกษาแก่เขา  ดังนั้นปีเตอร์จึงตัดสินใจสมัครเข้าสามเณราลัยของสังฆมณฑลที่เกรโนเบิล  เพราะพี่สาวคิดว่าจะเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า  อันที่จริงพวกเขามีแรงจูงใจที่ซ่อนอยู่  เพราะในการเป็นพระสงฆ์ของสังฆมณฑล  พวกเขาอาจพูดชักจูงพระสังฆราช  เพื่ออนุญาติให้ปีเตอร์เป็นพระสงฆ์ประจำโบสถ์ที่อยู่ใกล้บ้านได้  และพี่สาวก็สามารถดูแลน้องชายได้  เวลาผ่านไประยะหนึ่ง  ปีเตอร์ได้เข้าสามเณราลัยตามที่ตั้งใจไว้  แต่ปีเตอร์คิดว่าเขาไม่จำเป็นต้องเป็นพระสงฆ์ในสังฆมณฑล  สิ่งนี้เห็นได้จาก  การบวชเป็นพระสงฆ์ในปี 1834 ที่อาสนวิหารในเกรโนเบิล  หลังจากนั้นปีเตอร์เลือกที่จะประกอบพิธีมิสซาครั้งแรกที่น้อตเตอร์แดม Notre Dame de l’Ossier แทนที่จะเป็นโบสถ์ในเมืองลามูร์  หรือที่อาสนวิหารแห่งเลาส์  เรื่องนี้ทำให้พี่สาวของเขาประหลาดใจ

เหตุผลของปีเตอร์ในเรื่องนี้ก็ง่ายๆ  ที่น้อตเตอร์แดมซึ่งไม่ได้มีความผูกพันอะไรต่อเขาในชีวิตที่ผ่านมานั้น  เป็นโบสถ์ที่อยู่ในความดูแลของพระสงฆ์คณะ Oblates of Mary  จึงเห็นได้ว่าเขายังมีความคิดที่จะเข้าร่วมในคณะนี้อยู่  กระนั้นก็ดี ทางคณะยังไม่ได้พิจารณาที่จะรับเขาไว้  อันเนื่องมาจากสุขภาพที่ไม่ค่อยดีของเขา  ในขณะเดียวกันพี่สาวของปีเตอร์ก็ติดต่อกับพระสังฆราชและขออนุญาติท่านให้ปีเตอร์มาอยู่ที่โบสถ์ใกล้บ้าน  เพื่อที่เธอจะสามารถดูแลปีเตอร์ได้  ปีเตอร์ได้รับมอบหมายงานครั้งแรกให้ไปทำหน้าที่อภิบาลอยู่ที่เมือง ชาตต์ Chatte ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของเขาประมาณ 90 กิโลเมตร  เป็นระยะทางที่ไกลทีเดียว  ดังนั้นเขาจึงพบพี่สาวไม่บ่อยนัก  เขาอยู่ที่ชาตต์ประมาณสองปีครึ่ง  ที่นี่เขาปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่  แต่สุขภาพของเขาไม่สู้ดี  บางครั้งไอและอาเจียนออกมาเป็นเลือด  และนี่เป็นเหตุผลที่ดีสำหรับพี่สาวของเขาในการขออนุญาติต่อพระสังฆราชให้ส่งปีเตอร์มาอยู่ที่โบสถ์ใกล้ๆบ้าน  งานที่ได้รับมอบหมายครั้งต่อไปของปีเตอร์จึงอยู่หมู่บ้านเล็กๆชื่อ มอนทรียาร์ด Monteynard  อยู่ห่างจากลามูร์ประมาณ 15 กิโลเมตร  อยู่ใกล้พอที่พี่สาวจะมาช่วยเหลือปีเตอร์ง่ายขึ้น  โบสถ์เล็กๆที่หมู่บ้านนี้รกร้างมานานแล้ว  เพราะไม่มีพระสงฆ์อยู่ดำเนินงานหลายปี  เมื่อปีเตอร์มาอยู่  เขาต้องทำงานอภิบาลทุกอย่างด้วยตัวเอง  เขาทำงานทุกอย่างเท่าที่สามารถทำได้สำหรับชุมชนเล็กๆแห่งนี้  และเขาก็ได้รับเสื้อของพระสงฆ์ชุดใหม่สำหรับประกอบพิธี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น