ถ้าจะมีคำใดที่ใช้บรรยายชีวิตของ
น. ปีเตอร์ จูเลียน เอียมาร์ด
Saint Peter Julian Eymard
ได้แล้วก็คงเป็นคำว่า “เข็นครกขึ้นภูเขา” นั่นแหละ
ปีเตอร์สมัครไปทำงานให้กับพระสงฆ์ท่านหนึ่งในโรงพยาบาลที่เมืองเกรโนเบิล
Grenoble โดยได้รับอนุญาตว่าในเวลาว่างเขาสามารถไปเรียนที่โรงเรียนสอนภาษาลาตินได้
นี่เป็นอุปสรรคอันใหญ่ที่จะต้องพิชิตให้ได้ถ้าต้องการเป็นพระสงฆ์ แต่โรงพยาบาลนั้นเป็นโรงพยาบาลโรคจิต และก็ไม่มีเวลาว่างให้ปีเตอร์ที่จะศึกษาภาษาลาตินได้ ปีเตอร์จึงต้องเรียนภาษาลาตินด้วยตัวเอง
เขาไม่มีความสุขเลยในสถานการณ์เช่นนี้
แต่ก็ตัดสินใจที่จะเรียนภาษาลาตินต่อไป
เขายอมรับสภาพที่เป็นอยู่ในโรงพยาบาล
และแล้ววันหนึ่งเขาก็ต้องตกใจเมื่อทราบข่าวว่ามารดาของเขาเสียชีวิตแล้ว เขาเป็นทุกข์ใจมาก
เพราะมารดาเป็นผู้ที่ให้การสนับสนุนเขามากที่สุดโดยช่วยพูดคุยกับบิดาเพื่อเขา ถึงแม้จะไม่ได้ผลก็ตาม
--------------------------------------------------------------------------------------------------
ปีเตอร์รีบกลับบ้านที่เมือง
ลามูร์ La Mure แต่เมื่อไปถึงมารดาของเขาก็อยู่ใต้ผืนดินเรียบร้อยแล้ว และผู้เป็นบิดาเป็นทุกข์โศกเศร้า ปีเตอร์อยู่กับครอบครัวต่อไปสักพัก จนกระทั่งมีพระสงฆ์ท่านหนึ่งจากคณะ Oblates
of Mary เดินทางมาที่เมืองลามูร์นี้เพื่อเทศน์เตรียมจิตใจในช่วงเทศกาลมหาพรต
และพระสงฆ์ท่านนี้สังเกตเห็นปีเตอร์ในเวลาที่มาร่วมฟังการเทศน์ของท่าน ท่านกล้าไปหาปีเตอร์ที่บ้านของบิดาปีเตอร์ทีเดียว เพื่อขออนุญาตบิดาให้ปีเตอร์เข้าเป็นเณรในคณะ Oblates
of Mary นี้
ถึงแม้ที่ผ่านมาผู้เป็นบิดาจะดื้อแพ่งไม่อนุญาตเป็นเวลาหลายปี แต่ปีเตอร์เวลานี้อายุ 18 ปีแล้ว
และเขาตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะทำตามกระแสเรียกของเขา ดังนั้นบิดาจึงจำใจต้องอนุญาติในที่สุด
ปีเตอร์และแม่พระ
ปีเตอร์กลับไปที่อาสนวิหารแม่พระแห่งเลาส์อีกครั้งหนึ่ง
เพื่อขอบคุณแม่พระที่ทรงช่วยทำให้หัวใจของบิดาอ่อนลง หลังจากนั้นเขามุ่งหน้าไปที่เมืองมาร์เซยส์ และเข้าเป็นโนวิสของคณะ Oblates of Mary นั่นเป็นเดือนมิถุนายน 1829
คงจำได้ว่าปีเตอร์ต้องต่อสู้อย่างหนักและใช้เวลานานเพียงไรเพื่อจะได้ทำความฝันของเขาให้เป็นจริงในการเป็นพระสงฆ์
แต่เรื่องก็ยังไม่สิ้นสุดลงเมื่อเขาได้เข้าเป็นโนวิสแล้ว ภายในเวลา 5 เดือนต่อมา
ปีเตอร์ก็ล้มป่วยอย่างหนักและเขาถูกส่งตัวกลับไปบ้านที่ลามูร์อีกครั้ง
อันที่จริงอธิการของคณะคิดว่าเขาคงจะต้องเสียชีวิตแน่จึงส่งเขากลับบ้านเพื่อให้เขาสิ้นใจอย่างสงบ อย่างไรก็ตาม
พี่สาวของเขาได้พยาบาลปีเตอร์ตลอดเวลาและด้วยความช่วยเหลือจากแม่พระแห่งเลาส์ สุขภาพของปีเตอร์จึงกลับคืนมา นี่ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่มันก็ไม่ได้ดีเสียทีเดียว
เพราะพี่สาวเอาใจใส่และมีบุญคุณต่อปีเตอร์มากและเป็นการยากในการตัดสินใจที่จะจากพี่สาวไป
ในระหว่างเวลานี้เอง
บิดาของปีเตอร์ ผู้ซึ่งถึงแม้จะมีสุขภาพที่ดีมาก แต่มีความโศกเศร้าจากการเสียชีวิตของภรรยา ได้เสียชีวิตไปด้วย
เป็นเวลาเพียงแค่สองปีหลังจากที่มารดาของปีเตอร์เสียชีวิต
พี่สาวของปีเตอร์เข้าใจในความตั้งใจของน้องชายดี
จึงคอยช่วยเหลือปีเตอร์และเป็นที่ปรึกษาแก่เขา ดังนั้นปีเตอร์จึงตัดสินใจสมัครเข้าสามเณราลัยของสังฆมณฑลที่เกรโนเบิล เพราะพี่สาวคิดว่าจะเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า อันที่จริงพวกเขามีแรงจูงใจที่ซ่อนอยู่ เพราะในการเป็นพระสงฆ์ของสังฆมณฑล พวกเขาอาจพูดชักจูงพระสังฆราช เพื่ออนุญาติให้ปีเตอร์เป็นพระสงฆ์ประจำโบสถ์ที่อยู่ใกล้บ้านได้ และพี่สาวก็สามารถดูแลน้องชายได้ เวลาผ่านไประยะหนึ่ง ปีเตอร์ได้เข้าสามเณราลัยตามที่ตั้งใจไว้ แต่ปีเตอร์คิดว่าเขาไม่จำเป็นต้องเป็นพระสงฆ์ในสังฆมณฑล สิ่งนี้เห็นได้จาก การบวชเป็นพระสงฆ์ในปี 1834
ที่อาสนวิหารในเกรโนเบิล
หลังจากนั้นปีเตอร์เลือกที่จะประกอบพิธีมิสซาครั้งแรกที่น้อตเตอร์แดม Notre Dame de l’Ossier แทนที่จะเป็นโบสถ์ในเมืองลามูร์ หรือที่อาสนวิหารแห่งเลาส์ เรื่องนี้ทำให้พี่สาวของเขาประหลาดใจ
เหตุผลของปีเตอร์ในเรื่องนี้ก็ง่ายๆ ที่น้อตเตอร์แดมซึ่งไม่ได้มีความผูกพันอะไรต่อเขาในชีวิตที่ผ่านมานั้น เป็นโบสถ์ที่อยู่ในความดูแลของพระสงฆ์คณะ Oblates of Mary
จึงเห็นได้ว่าเขายังมีความคิดที่จะเข้าร่วมในคณะนี้อยู่ กระนั้นก็ดี
ทางคณะยังไม่ได้พิจารณาที่จะรับเขาไว้
อันเนื่องมาจากสุขภาพที่ไม่ค่อยดีของเขา
ในขณะเดียวกันพี่สาวของปีเตอร์ก็ติดต่อกับพระสังฆราชและขออนุญาติท่านให้ปีเตอร์มาอยู่ที่โบสถ์ใกล้บ้าน เพื่อที่เธอจะสามารถดูแลปีเตอร์ได้
ปีเตอร์ได้รับมอบหมายงานครั้งแรกให้ไปทำหน้าที่อภิบาลอยู่ที่เมือง ชาตต์ Chatte
ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของเขาประมาณ 90 กิโลเมตร เป็นระยะทางที่ไกลทีเดียว ดังนั้นเขาจึงพบพี่สาวไม่บ่อยนัก เขาอยู่ที่ชาตต์ประมาณสองปีครึ่ง ที่นี่เขาปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่สุขภาพของเขาไม่สู้ดี บางครั้งไอและอาเจียนออกมาเป็นเลือด
และนี่เป็นเหตุผลที่ดีสำหรับพี่สาวของเขาในการขออนุญาติต่อพระสังฆราชให้ส่งปีเตอร์มาอยู่ที่โบสถ์ใกล้ๆบ้าน
งานที่ได้รับมอบหมายครั้งต่อไปของปีเตอร์จึงอยู่หมู่บ้านเล็กๆชื่อ
มอนทรียาร์ด Monteynard อยู่ห่างจากลามูร์ประมาณ 15 กิโลเมตร
อยู่ใกล้พอที่พี่สาวจะมาช่วยเหลือปีเตอร์ง่ายขึ้น โบสถ์เล็กๆที่หมู่บ้านนี้รกร้างมานานแล้ว เพราะไม่มีพระสงฆ์อยู่ดำเนินงานหลายปี เมื่อปีเตอร์มาอยู่ เขาต้องทำงานอภิบาลทุกอย่างด้วยตัวเอง เขาทำงานทุกอย่างเท่าที่สามารถทำได้สำหรับชุมชนเล็กๆแห่งนี้
และเขาก็ได้รับเสื้อของพระสงฆ์ชุดใหม่สำหรับประกอบพิธี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น