วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

การประจักษ์ของคุณพ่อปรอเวรา


คุณพ่อปรอเวราได้ประจักษ์แก่คุณพ่อบอสโกในความฝัน  และคุณพ่อได้เล่าให้ฟังดังนี้

เมื่อคืนวันที่ 17 มกราคม 1883 พ่อฝันว่า พ่อกำลังเดินออกจากห้องอาหาร รู้สึกตัวว่าข้างพ่อมีพระสงฆ์องค์หนึ่ง ทีแรกไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่แล้วก็จำได้ว่า เป็นคุณพ่อปรอเวรา ดูเหมือนท่านสูงกว่าเมื่อเวลามีชีวิตอยู่ สวมเสื้อชุดใหม่ หน้าตาอิ่มเอิบแจ่มใสเรืองรองด้วยรัศมีแห่งสวรรค์ท่านทำท่าจะเดินต่อไป

โอ้ คุณพ่อปรอเวรา เป็นท่านจริง ๆ รึ
ครับ เป็นผมเอง

ในเวลานั้นหน้าตาของท่านทอแสงออกมาจนเกือบจะมองไม่ได้

ถ้าเป็นคุณพ่อจริงก็อย่าเพิ่งไป กรุณารอสักประเดี๋ยวขอให้พ่อพูดกับคุณพ่อสักหน่อย
ครับ เชิญพูดมาเถิด ผมจะฟัง
ท่านเอาตัวรอดไปสวรรค์หรือเปล่า?”
ครับผมเอาตัวรอดโดยทางพระเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า
ในสวรรค์ท่านเสวยสุขอย่างไรบ้าง?”
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ใจปรารถนา สติปัญญาสามารถจะเข้าใจได้ ทุกสิ่งที่ตาสามารถเห็น และลิ้นสามารถบรรยายได้พูดเช่นนี้แล้วก็ทำท่าจะเดินต่อไป มือของท่านที่พ่อกุมอยู่กลายเป็นอากาศธาตุไป จับต้องไม่ได้

อย่าเพิ่งไป ช่วยบอกสิ่งที่เกี่ยวกับตัวพ่อสักหน่อยซิครับ
คุณพ่อจงทำงานต่อไป เพราะมีงานอีกมากมาย
พ่อยังมีเวลาอีกนานไหม
ไม่เท่าไรครับ แต่จงทำงานด้วยความพยายามเหมือนกับว่าจะอยู่ในโลกนี้อีกต่อไป ขอให้พ่อเตรียมไว้เสมอก็แล้วกัน
และสำหรับสมาชิกของคณะเล่า?”
เกี่ยวกับสมาชิกของคณะ ให้พ่อสั่งและเตือนให้มีความศรัทธาร้อนรน
จะต้องทำอย่างไรเล่า จึงจะมีความร้อนรน?”
เรื่องนี้บรรดาอาจารย์เป็นผู้สอน เอาตะขอที่คม ๆ ทำเหมือนชาวสวนองุ่นที่ชำนาญ ตัดกิ่งแห้งและกิ่งที่ไม่จำเป็นออกเสีย ดังนั้นแล้วต้นองุ่นก็จะแข็งแรง และออกผลดก และจะมีชีวิตอยู่นาน
และแก่สมาชิกพ่อจะต้องบอกกว่าอะไร?”

เขาตอบด้วยเสียงดังว่า จงบอกแก่เพื่อน ๆ ของผม และแก่สมาชิกว่ามีรางวัลใหญ่หลวงซึ่งพระเป็นเจ้าทรงเตรียมไว้แต่จะให้แก่ผู้ที่มีมานะในสนามรบแห่งชีวิตนี้

และสำหรับเยาวชนของเราจะต้องบอกว่าอย่างไร?”
สำหรับเยาวชนของเราหรือ ต้องอาศัยงานและการดูแลซิ
ยังมีอะไรอีกไหม?”
ดูแล และให้ทำงาน และดูแล
เขาต้องปฏิบัติอย่างไรจึงจะแน่ใจได้ว่า จะได้ความรอดนิรันดร?”
ให้เขารับอาหารทิพย์ของผู้เข้มแข็งบ่อย ๆ และให้เขาตั้งใจแน่วแน่เวลาไปแก้บาป
ให้บอกสิ่งที่เขาต้องเลือกในโลกนี้เวลานั้นมีแสงสว่างมาปกคลุมคุณพ่อปรอเวรา จนพ่อต้องหลบสายตาลง เพราะสู้แสงสว่างไม่ได้

            ในเวลานั้นท่านพูดเหมือนกับคนร้องเพลงว่า สิริพึงมีแด่พระบิดา สิริพึงมีแด่พระบุตร สิริพึงมีแด่พระจิต แด่พระเจ้าผู้ทรงชีวิต และจะเป็นผู้พิพากษาผู้เป็นและผู้ตาย

            พ่ออยากจะพูดกับคุณพ่ออีกต่อไป แต่คุณพ่อเริ่มร้องเพลงอันน่าประทับใจและสง่า ด้วยน้ำเสียงอันไพเราะเพราะพริ้งจับใจว่า จงสรรเสริญพระเป็นเจ้าแล้วมีเสียงรับเป็นพัน ๆ เสียง มาจากชั้นล่างทางบันไดว่า เพราะพระคุณของพระองค์ไม่มีที่สิ้นสุดแล้วจบด้วยสิริพึงมี...

            พ่อพยายามเปิดตาดูคนที่ขับร้อง แต่ลืมตาไม่ขึ้นเพราะแสงสว่างแรงกล้าเวลาจบเพลงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็กลายเป็นปกติ แม้แต่คุณพ่อปรอเวราก็ไม่อยู่เห็นแต่เงาแล้วก็หายไป

            พ่อลงไปที่ระเบียงชั้นล่าง ที่นั่นมีพระสงฆ์ เณรและเด็ก ๆ พ่อถามเขาว่าได้เห็นคุณพ่อปรอเวราไหม? เขาตอบว่า ไม่เห็น ไม่ได้ยินพ่อรู้สึกเสียใจ นึกในใจว่าสิ่งที่ได้เห็นและได้ยินเป็นแต่เพียงความฝัน พ่อพูดว่า มานี่ พ่อจะเล่าฝันให้พวกเธอฟังแล้วพ่อก็เล่าตามเรื่องข้างบนนี้ คุณพ่อรัว คุณพ่อกาลีเอโรได้ซักถามพ่อหลายอย่างหลายประการ พ่อก็ตอบทุกอย่าง แต่รู้สึกเหนื่อยจนเกือบจะหายใจไม่ออกจึงรู้สึกตัวตื่น

(จากประวัตินักบุญยวงบอสโก เล่ม 16 หน้า 15-17)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น