เมื่อคืนวันที่ 17 มกราคม 1883 พ่อฝันว่า พ่อกำลังเดินออกจากห้องอาหาร รู้สึกตัวว่าข้างพ่อมีพระสงฆ์องค์หนึ่ง
ทีแรกไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่แล้วก็จำได้ว่า เป็นคุณพ่อปรอเวรา
ดูเหมือนท่านสูงกว่าเมื่อเวลามีชีวิตอยู่ สวมเสื้อชุดใหม่
หน้าตาอิ่มเอิบแจ่มใสเรืองรองด้วยรัศมีแห่งสวรรค์ท่านทำท่าจะเดินต่อไป
“โอ้ คุณพ่อปรอเวรา
เป็นท่านจริง ๆ รึ”
“ครับ เป็นผมเอง”
ในเวลานั้นหน้าตาของท่านทอแสงออกมาจนเกือบจะมองไม่ได้
“ถ้าเป็นคุณพ่อจริงก็อย่าเพิ่งไป
กรุณารอสักประเดี๋ยวขอให้พ่อพูดกับคุณพ่อสักหน่อย”
“ครับ เชิญพูดมาเถิด
ผมจะฟัง”“ท่านเอาตัวรอดไปสวรรค์หรือเปล่า?”
“ครับผมเอาตัวรอดโดยทางพระเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า”
“ในสวรรค์ท่านเสวยสุขอย่างไรบ้าง?”
“ทุกสิ่งทุกอย่างที่ใจปรารถนา สติปัญญาสามารถจะเข้าใจได้ ทุกสิ่งที่ตาสามารถเห็น และลิ้นสามารถบรรยายได้” พูดเช่นนี้แล้วก็ทำท่าจะเดินต่อไป มือของท่านที่พ่อกุมอยู่กลายเป็นอากาศธาตุไป จับต้องไม่ได้
“อย่าเพิ่งไป
ช่วยบอกสิ่งที่เกี่ยวกับตัวพ่อสักหน่อยซิครับ”
“คุณพ่อจงทำงานต่อไป
เพราะมีงานอีกมากมาย”“พ่อยังมีเวลาอีกนานไหม”
“ไม่เท่าไรครับ แต่จงทำงานด้วยความพยายามเหมือนกับว่าจะอยู่ในโลกนี้อีกต่อไป ขอให้พ่อเตรียมไว้เสมอก็แล้วกัน”
“และสำหรับสมาชิกของคณะเล่า?”
“เกี่ยวกับสมาชิกของคณะ ให้พ่อสั่งและเตือนให้มีความศรัทธาร้อนรน”
“จะต้องทำอย่างไรเล่า จึงจะมีความร้อนรน?”
“เรื่องนี้บรรดาอาจารย์เป็นผู้สอน เอาตะขอที่คม ๆ ทำเหมือนชาวสวนองุ่นที่ชำนาญ ตัดกิ่งแห้งและกิ่งที่ไม่จำเป็นออกเสีย ดังนั้นแล้วต้นองุ่นก็จะแข็งแรง และออกผลดก และจะมีชีวิตอยู่นาน”
“และแก่สมาชิกพ่อจะต้องบอกกว่าอะไร?”
เขาตอบด้วยเสียงดังว่า “จงบอกแก่เพื่อน ๆ ของผม และแก่สมาชิกว่ามีรางวัลใหญ่หลวงซึ่งพระเป็นเจ้าทรงเตรียมไว้แต่จะให้แก่ผู้ที่มีมานะในสนามรบแห่งชีวิตนี้”
“และสำหรับเยาวชนของเราจะต้องบอกว่าอย่างไร?”
“สำหรับเยาวชนของเราหรือ
ต้องอาศัยงานและการดูแลซิ”“ยังมีอะไรอีกไหม?”
“ดูแล และให้ทำงาน และดูแล”
“เขาต้องปฏิบัติอย่างไรจึงจะแน่ใจได้ว่า จะได้ความรอดนิรันดร?”
“ให้เขารับอาหารทิพย์ของผู้เข้มแข็งบ่อย ๆ และให้เขาตั้งใจแน่วแน่เวลาไปแก้บาป”
“ให้บอกสิ่งที่เขาต้องเลือกในโลกนี้” เวลานั้นมีแสงสว่างมาปกคลุมคุณพ่อปรอเวรา จนพ่อต้องหลบสายตาลง เพราะสู้แสงสว่างไม่ได้
ในเวลานั้นท่านพูดเหมือนกับคนร้องเพลงว่า “สิริพึงมีแด่พระบิดา
สิริพึงมีแด่พระบุตร สิริพึงมีแด่พระจิต แด่พระเจ้าผู้ทรงชีวิต
และจะเป็นผู้พิพากษาผู้เป็นและผู้ตาย”
พ่ออยากจะพูดกับคุณพ่ออีกต่อไป
แต่คุณพ่อเริ่มร้องเพลงอันน่าประทับใจและสง่า
ด้วยน้ำเสียงอันไพเราะเพราะพริ้งจับใจว่า “จงสรรเสริญพระเป็นเจ้า” แล้วมีเสียงรับเป็นพัน ๆ เสียง มาจากชั้นล่างทางบันไดว่า “เพราะพระคุณของพระองค์ไม่มีที่สิ้นสุด” แล้วจบด้วยสิริพึงมี...
พ่อพยายามเปิดตาดูคนที่ขับร้อง
แต่ลืมตาไม่ขึ้นเพราะแสงสว่างแรงกล้าเวลาจบเพลงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็กลายเป็นปกติ
แม้แต่คุณพ่อปรอเวราก็ไม่อยู่เห็นแต่เงาแล้วก็หายไป
พ่อลงไปที่ระเบียงชั้นล่าง ที่นั่นมีพระสงฆ์ เณรและเด็ก ๆ
พ่อถามเขาว่าได้เห็นคุณพ่อปรอเวราไหม? เขาตอบว่า “ไม่เห็น ไม่ได้ยิน” พ่อรู้สึกเสียใจ
นึกในใจว่าสิ่งที่ได้เห็นและได้ยินเป็นแต่เพียงความฝัน พ่อพูดว่า “มานี่ พ่อจะเล่าฝันให้พวกเธอฟังแล้วพ่อก็เล่าตามเรื่องข้างบนนี้ คุณพ่อรัว
คุณพ่อกาลีเอโรได้ซักถามพ่อหลายอย่างหลายประการ พ่อก็ตอบทุกอย่าง
แต่รู้สึกเหนื่อยจนเกือบจะหายใจไม่ออกจึงรู้สึกตัวตื่น”
(จากประวัตินักบุญยวงบอสโก
เล่ม 16 หน้า 15-17)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น