วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2559

พระสันตปาปาท่ามกลางพายุ


พระสันตะปาปาท่ามกลางพายุ  ความเชื่อ  ความหวัง  และ ความรัก
ความฝันของนักบุญยอห์น บอสโก เกี่ยวกับพระศาสนาจักร

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 1862 ซึ่งเป็นเดือนศักดิ์สิทธิ์ของพระมารดาองค์อุปถัมภ์ พอเด็กสวดภาวนาค่ำแล้ว คุณพ่อบอสโกก็เล่าความฝันของท่านให้เด็กฟังดังต่อไปนี้
            "หลายวันมาแล้ว พ่อฝันว่า พ่อไปยืนอยู่บนเกาะเล็กๆเกาะหนึ่งในกลางมหาสมุทร เห็นแต่น้ำจดฟ้า ตรงหน้าพ่อมีเรือรบหลายลำ ที่หัวเรือมีลูกศรใหญ่เพื่อป้องกันภัย เรือรบเหล่านั้นเรียงรายอยู่เป็นลำดับเหมือนเวลาทำสงคราม มีอาวุธปืนเล็ก ปืนใหญ่ พร้อมกับเชื้อเพลิง เรือทุกลำค่อยๆแล่นช้าๆ มาใกล้เรือรบลำหนึ่งซึ่งใหญ่กว่าหมด แล้วพยายามยิงเรือลำดังกล่าวด้วยลูกศรอย่างอลหม่าน บางลำพยายามจุดไฟเผา ทั้งใช้กลวิธีต่างๆเพื่อให้เรือลำใหญ่ลำนั้นจมลง แต่เรือลำใหญ่นั้นหาได้สะทกสะท้านไม่ มีอาวุธพร้อมสรรพและมีเรือเล็กๆเป็นบริวารหลายลำ ,คอยรับคำสั่งจากเรือใหญ่เพื่อหลีกเรือของศัตรูให้พ้นทั้งลมทั้งคลื่นดูเหมือนช่วยสมทบกับศัตรูด้วย

ขณะนั้น กลางทะเลมีเสาสองต้นปรากฏขึ้นมาจากท้องทะเลลึก สูงและแข็งแรงมาก อยู่ห่างกันพอเหมาะ บนยอดเสาต้นหนึ่งมีรูปแม่พระ พร้อมกับป้ายจารึกว่า "พระมารดาองค์อุปถัมภ์" ส่วนอีกต้นหนึ่งสูงกว่าต้นก่อนเล็กน้อย บนยอดเสามีแผ่นศีลมหาสนิทใหญ่สมกับขนาดของต้นเสา มีป้ายจารึกว่า "ความรอดของผู้มีความเชื่อ"

พระสันตะปาปาซึ่งเป็นเสมือนจอมทัพบังคับบัญชาทั้งเรือรบลำใหญ่และเรือรบเล็กทั้งหมด พอสังเกตุเห็นศัตรูกำเริบ และสัตบุรุษของพระองค์อ่อนกำลังลง จึงดำรัสให้หัวหน้าเรือทุกลำขึ้นมาประชุมกันในเรือลำใหญ่ บรรดาหัวหน้าเรือก็ปฏิบัติตาม แต่ขณะประชุมปรึกษากันยังไม่ทันเสร็จ ลมพายุก็โหมขึ้นอย่างรุนแรง จึงต้องเลิกการประชุม กลับไปรักษาเรือของตน พอพายุสงบ สมเด็จพระสันตะปาปาจึงเรียกประชุมอีกครั้ง แต่ก็อีกนั่นแหละ ลมพายุได้เกิดขึ้นอย่างแรงกล้าอีกวาระหนึ่ง จนกระทั่งเรือลำใหญ่แทบจะล่ม พระสันตะปาปาทรงเห็นเช่นนั้น จึงทรงนำเรือเข้าไปจอดระหว่างเสาสองต้น ซึ่งมีโซ่และสมอห้อยแขวนอยู่เป็นอันมาก ยังไม่ทันที่พระสันตะปาปาจะผูกโยงเรือเข้ากับเสา เรือของพวกศัตรูก็แล่นเข้ามาต่อสู้เรือลำใหญ่เป็นสามารถ ระดมยิงปืนเล็ก ปืนใหญ่และพยายามจุดไฟเผา ศรลูกหนึ่งของข้าศึกได้ยิงถูกแคมเรือของพระสันตะปาปาทะลุ ทันใด มีลมพัดจากเสาสองต้นนั้นทำให้รูที่ทะลุนั้นปิดสมานแนบสนิทดังเดิม ปืนใหญ่ส่งเสียงคำรามสนั่น เรือรบหลายสิบลำจมลงในน้ำ พวกศัตรูต่างเข้าตะลุมบอนส่งเสียงด่าแช่งลั่น ในช่วงเวลานั้นเอง สมเด็จพระสันตะปาปาทรงถูกกระสุนปืนของข้าศึกล้มลง คนในเรือพากันเข้ามาช่วยประคองลุกขึ้น แต่ไม่นานเท่าไรก็ถูกกระสุนปืนอีกจนสิ้นพระชนม์ ศัตรูพากันโห่ร้องแสดงความยินดีเซ็งแซ่ เมื่อขาดพระสันตะปาปา บรรดาหัวหน้าเรือลำเล็กก็ประชุมกันเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่ ศัตรูได้ทราบข่าวการแต่งตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่ก็ตกใจหวาดหวั่นขวัญเสีย เพราะพระสันตะปาปาองค์ใหม่เป็นผู้มีความสามารถและกล้าหาญ พระองค์ทรงนำเรือลำใหญ่เข้าไปจอดระหว่างเสาสองต้นนั้นแล้วเอาโซ่ผูกทั้งหัวและท้ายเรือเข้ากับต้นเสา ทันใดนั้นก็มีพายุใหญ่เกิดขึ้น ทะเลปั่นป่วนจนทำให้เรือของศัตรูแล่นชนกันเอง ล่มจมลงในทะเล ศัตรูต่างร้องอลหม่าน ส่วนเรือลำเล็กซึ่งเป็นฝ่ายเดียวกับพระสันตะปาปาไม่ได้รับอันตรายใดๆ เมื่อเห็นศัตรูพ่ายแพ้ จึงแล่นเข้ามาสมทบกับเรือลำใหญ่ แล้วเอาโซ่ผูกเรือของตนไว้กับต้นเสาด้วย ครั้นแล้วมหาสมุทรก็สงบราบคาบเป็นปกติ

เมื่อคุณพ่อบอสโกเล่าเรื่องนี้จบลงแล้ว ท่านหันไปถามคุณพ่อรัวว่า เธอว่าความฝันนี้หมายความถึงอะไร คุณพ่อรัวตอบว่า "ผมคิดว่าเรือของพระสันตะปาปานั้นหมายความถึงพระศาสนาจักร ส่วนเรือลำเล็กๆหมายถึงมวลมนุษย์ และทะเลหมายถึงโลกของเรา เรือของพวกที่พยายามต่อสู้ป้องกันเรือลำใหญ่หมายถึงคนดีมีคุณธรรมและยึดมั่นในพระศาสนาจักร ส่วนเรือที่โจมตีเรือลำใหญ่เป็นศัตรูของพระศาสนาจักรที่พยายามทุกวิถีทางที่จะจมเรือลำใหญ่และใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆเพื่อจะทำลายเรือลำใหญ่ เสาสองต้นกลางทะเลนั้นคือความศรัทธาต่อพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทและพระมารดามารีย์"

คุณพ่อบอสโกกล่าวว่า "ใช่แล้ว เธออธิบายได้ชัดเจน ยังขาดนิดเดียวคือ เรือของศัตรูนั้นไม่หมายความถึงแต่การโจมตีเท่านั้น แต่ยังรวมความไปถึงการเบียดเบียนพระศาสนาจักรด้วย พระศาสนาจักรจะต้องเผชิญกับการเบียดเบียนทำร้ายและสิ่งที่ได้เกิดขึ้นมาแล้วในอดีตจนถึงเวลาของเรานั้นยังไม่มากและรุนแรงเท่ากับพระศาสนาจักรและพระสันตะปาปาที่จะต้องเผชิญในอนาคต แต่สิ่งที่จะเป็นประกันของชัยชนะของพระศาสนาจักรก็คือความศรัทธาต่อพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทและต่อพระมารดามารีย์นั่นเอง"



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น