วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2559

อิมมานูเอล


บทความนี้นำมาจาก  Catholic Exchange:

            พระเป็นเจ้าทรงสร้างความประหลาดใจให้แก่เรา  พระองค์ทรงแสดงพระอานุภาพของพระองค์ด้วยวิธีที่เราคิดไม่ถึง  การบังเกิดของพระคริสต์เป็นเรื่องหนึ่งที่น่าประหลาดใจที่สุด  และจุดเด่นเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ก็คือ  ของขวัญยิ่งใหญ่ในวันคริสต์มาส  คำทำนายของประกาศกอิสยาห์ที่ 7: 10-14  เป็นเรื่องหนึ่งที่ดูจะขัดแย้งมากที่สุดในพระคัมภีร์  เป็นการทำนายถึงการบังเกิดของพระคริสต์ในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ

ประวัติศาสตร์จากพระคัมภีร์

อาณาจักรอัสซีเรียกำลังแผ่ขยายออกไปและได้รับชัยชนะในสงครามเพื่อแผ่ขยายอำนาจ  เปคา กษัตริย์แห่งอิสราแอล และ เรซิน กษัตริย์แห่งซีเรียได้ทำสัญญาเป็นพันธมิตรกันต่อต้านอัสซีเรีย  และเพื่อทำให้มีกำลังแข็งแกร่งยิ่งขึ้นจึงได้ชักชวนให้อาณาจักรยูดาห์ที่มีอาหัสเป็นกษัตริย์เข้าร่วมเป็นพันธมิตรด้วย  แต่อาหัสปฏิเสธเพราะกลัวว่าพันธมิตรสองอาณาจักรนั้นมีกำลังไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อต้านอัสซีเรียได้  ดังนั้นกษัตริย์ของพันธมิตรทั้งสองจึงวางแผนจะโจมตียูดาห์และสถาปนากษัตริย์ที่เป็นหุ่นเชิดของพวกเขาขึ้นมาแทนที่และจะนำยูดาห์เข้าร่วมเป็นพันธมิตรของพวกเขา  เมื่อกษัตริย์อาหัสตกอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมเช่นนี้  เป็นเวลาที่ประกาศกอิสยาห์ได้กล่าวต่อกษัตริย์อาหัสไว้ดังนี้ “พระเจ้าตรัสกับอาหัสอีกว่า  จงขอหมายสำคัญจากพระยาเวห์พระเจ้าของเจ้า จงขอในที่ลึกหรือที่สูงเบื้องบนก็ได้  แต่อาหัสตอบว่า "เราจะไม่ทูลขอ และเราจะไม่ทดลองพระยาเวห์"  อิสยาห์กล่าวว่า "ข้าแต่ข้าราชสำนักของดาวิด จงฟังเถิด  การที่จะทำให้มนุษย์ระอาใจนั้นเล็กน้อยอยู่หรือ และท่านยังทำให้พระเจ้าของข้าพเจ้าระอาพระทัยด้วย  เพราะฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานหมายสำคัญให้ท่านเอง ดูเถิด หญิงพรหมจารีคนหนึ่งจะตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และเขาจะเรียกนามของท่านว่า อิมมานูเอล”

พระเป็นเจ้าทรงสัตย์ซื่อและมนุษย์โง่เขลา

ทั้งๆที่กษัตริย์อาหัสไม่สัตย์ซื่อต่อพระเป็นเจ้า  แต่พระเจ้าก็ยังคงปกป้องอาณาจักรยูดาห์ – เมืองของกษัตริย์ดาวิด – จากการโจมตีของสองพันธมิตร  พระเป็นเจ้าทรงประสงค์ให้อาหัสเชื่อมั่นในเครื่องหมายที่พระองค์จะประทานมานั่นคือกษัตริย์ที่ถูกเลือกสรรตามคำของประกาศกอิสยาห์  อาหัสแสร้งทำเป็นศรัทธาต่อพระเจ้าโดยทูลว่า  พระองค์จะไม่ทดลองพระเจ้า  (ชาวอิสราแอลได้ทดลองพระเจ้าในเวลาที่เดินทางอยู่ในทะเลทราย  จึงถูกพระเจ้าลงโทษ)  พระเป็นเจ้าปรารถนาให้อาหัสกลับใจในบาปแห่งความไม่เชื่อมั่นในพระเจ้าโดยบอกให้อาหัสขอเครื่องหมายจากพระองค์  แต่อาหัสก็ยังคงดื้อดึงไม่ยอมกลับใจแม้จะมีอัศจรรย์ก็ตาม  ในพงศ์กษัตริย์2 16:7-8 บอกเราว่า แทนที่อาหัสจะเป็นพันธมิตรกับสองพันธมิตร  พระองค์กลับไปเป็นพันธมิตรกับอัสซีเรียแทนและต่อสู้กับอาณาจักรอิสราแอลและซีเรีย  กษัตริย์อาหัสขอเป็นพันธมิตรกับอัสซีเรียด้วยการนำทองคำและเงินจากพระวิหารไปถวายกษัตริย์อัสซีเรีย  อัสซีเรียยอมรับข้อเสนอของอาหัสและทำสัญญาเป็นพันธมิตรกัน  ทั้งสองอาณาจักรจึงได้ยกทัพเข้าโจมตีเมืองหลวงของอิสราแอลและซีเรียคือ ดามัสกัสและซามาเรีย  แต่ในท้ายที่สุดอัสซีเรียก็ไม่รักษาสัญญาหันกลับมาโจมตียูดาห์และกวาดต้อนชาวยูดาห์ไปเป็นทาสที่บาบิโลน(พกศ.2  18)
คำสองคำที่น่ารู้
คำในภาษาฮีบรูคือ almah และ immanuel  คำแรกปรากฏในอิสยาห์ 7:14 ถูกแปลว่า “พรหมจารีย์”  แต่คำนี้ตามปกติหมายถึง “หญิงวัยรุ่น” (ปฐก. 24:43)  ยังมีอีกคำหนึ่งในภาษาฮิบรูคือ betulah ที่หมายถึง “พรหมจารีย์” โดยตรง (ปฐก. 24:16)  อย่างไรก็ตามคริสตชนสมัยก่อนได้แปลคัมภีร์ภาษากรีก (Septuagint) แปลคำว่า almah ในอิสยาห์ 7:14 ว่า “พรหมจารีย์”   ดังนั้นในพระวรสารของมัทธิวซึ่งถูกแปลจาก Septuagint จึงใช้คำว่าพรหมจารีย์ตลอดมา 
อีกคำหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีคือคำว่า “อิมมานูแอล”  ได้มาจากคำสองคำมาประกอบกันคือ immanu แปลว่า “อยู่กับเรา” และคำว่า el แปลว่า “พระเจ้า”  เมื่อรวมกันจึงแปลว่า “พระเจ้าสถิตอยู่กับเรา” 
คำทำนายสองเรื่องสำเร็จสมบูรณ์
            อิสยาห์ 7:14 ทำนายถึงการบังเกิดของพระคริสต์  แล้วอาจมีคนสงสัยว่า อาหัสได้รับเครื่องหมายใดจากพระเจ้าตามคำทำนายนี้หรือไม่?  พระเป็นเจ้าทรงให้อาหัสขอเครื่องหมายจากพระองค์  แต่อาหัสไม่ขอ  ดังนั้นพระเป็นเจ้าจึงจะทรงประทานเครื่องหมายให้เอง  แต่ดูเหมือนว่าตลอด 600 ปีผ่านไป  ก็ไม่เห็นมีเครื่องหมายใดเกิดขึ้นเลย  แล้วอาหัสได้รับเครื่องหมายใดหรือไม่ในระหว่างที่พระองค์มีชีวิตอยู่?  ถ้าเราอ่านบทอิสยาห์ 7 ต่อไปจะเห็นว่าพระสัญญาของพระเป็นเจ้าทำให้เกิดความทุกข์ร้อนแก่อาหัสและบ้านเมือง  เนื่องจากอาหัสปฏิเสธพระพรของพระเป็นเจ้า  พระเป็นเจ้าจึงทรงพิพากษาให้โทษทัณฑ์มาสู่อาณาจักรของอาหัสโดยอาศัยอิยิปต์และอัสซีเรีย (7:18)  ก่อนที่บุตรจะเติบโตเป็นหนุ่ม  กษัตริย์ที่เป็นศัตรูของอาหัสจะมารุกราน  (7:16) และแผ่นดินที่ใช้เพาะปลูกจะมีแต่พืชหนามขึ้นปกคลุม(7:24-25).การพิพากษาลงโทษของพระเจ้าตกกับแผ่นดินยูดาห์  และในทันทีอิสยาห์บทที่ 8 ก็กล่าวถึงการบังเกิดของบุตรของอิสยาห์ที่มีชื่อว่า Maher-shalal-hashbaz  มาเฮอร์-ซาลา- ฮัสบาส  แปลว่า “เร่งลงมือปล้น”  พระเจ้าตรัสว่า ก่อนที่ทารกจะโตพอที่จะเรียกคำว่า “พ่อ” “แม่”  อัสซีเรียจะยกทัพมายึดดามัสกันและซามาเรีย  (8:4). อิสราแอลและซีเรียจะกลายเป็นเมืองรกร้างก่อนที่เด็กจะเติบโต  ตามคำทำนายเกี่ยวกับอิมมานูแอล ที่ 7:16  และยังกล่าวถึงอิมมานูแอล อีกครั้งใน (8:8).
นี่เป็นข้อความที่ค่อนข้างจะลึกลับซับซ้อนสักหน่อย  แต่เราอาจเห็นในที่นี้ว่าคำทำนายสองข้อนี้ได้สำเร็จสมบูรณ์  นั่นคือ  อิสยาห์ได้บุตรซึ่งเป็นหมายสำคัญของการพิพากษาลงโทษอาหัส  “อิมมานูแอล” คนแรกเกิดตามธรรมชาติจากหญิงสาววัยรุ่น(ภรรยาของอิสยาห์)  และนี่เป็นสิ่งที่บ่งชี้ไปยังหมายสำคัญที่ยิ่งใหญ่กว่า  - การบังเกิดของพระคริสต์จากพระนางมารีย์ด้วยอำนาจของพระจิตเจ้า  เป็นการบังเกิดของอิมมานูแอลผู้เป็นนิรันดร  อิมมานูแอลคนแรก(Maher-shalal-hashbaz) เป็นการพิพากษาลงโทษสำหรับความไม่สัตย์ซื่อ  แต่อิมมานูแอลคนสุดท้ายเป็นพระพรแห่งความรอดของพระเป็นเจ้า  เป็นการช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากความมืดฝ่ายจิตและจากบาปของชาวเรา  เป็นการตั้งพระอาณาจักรของพระเป็นเจ้าในจิตใจของมนุษย์
            การบังเกิดของพระเยซูเจ้าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจ  เมื่อพระเป็นเจ้าทรงเข้ามาในประวัติศาสตร์มนุษยชาติเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ด้วยพระอานุภาพ  บันดาลให้เกิดความรอดพ้นโดยพระผู้ไถ่ผู้ทรงบังเกิดมาเป็นทารกน้อยบริสุทธิ์และทรงมีชัยชนะต่อศัตรูที่ภูเขากัลวารีโอ  เหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่มีจุดเริ่มต้นที่การบังเกิดของพระคริสต์ในค่ำคืนวันคริสต์มาสนี้เอง
 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น