วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2559

ซาตานเกลียดเมดจูกอเรจ์


บทสัมภาษณ์ คุณพ่อ กาเบรียล เอมอร์ท  Fr Gabriele Amorth

คุณพ่อ กาเบรียล เอมอร์ท เป็นนักขับไล่ผีในโรม ท่านเคยเป็นประธานของสมาคมพระสงฆ์ผู้ทำพิธีขับไล่ผี ซึ่งก่อตั้งในปี 1990 ท่านดำรงตำแหน่งนี้จนถึงปี 2000 ระหว่างที่ท่านอยู่ที่เมดจูกอเรจ์ในเดือน กรกฎาคม 2002 ท่านได้ให้สัมภาษณ์คุณพ่อ ดารีโอ โดดิก

--------------------------------------------------------------------------------
Fr. Dario Dodig: คุณพ่อกาเบรียล ครับ คุณพ่อเป็นนักขับไล่ผีในโรมใช่ไหม?

Don Gabriele Amorth: ผมเป็นนักขับไล่ผีและเป็นประธานของสมาคมผู้ทำพิธีขับไล่ผีซึ่งผมก่อตั้งขึ้นในปี 2000 เราได้ทำการฉลองครบ 10 ปีไปแล้ว. ผมอายุ 75 ปีและได้ขอร้องให้คนอื่นมารับตำแหน่งแทน.

--------------------------------------------------------------------------------
Fr. Dario Dodig: คุณพ่อจะกรุณาอธิบายให้พวกเราทราบได้ไหมว่า การขับไล่ผีคืออะไร?

Don Gabriele Amorth: การขับไล่ผีเป็นการสวดภาวนาอย่างเป็นทางการของทางพระศาสนจักรโดยพระสงฆ์ที่มีหน้าที่ทางด้านนี้โดยเฉพาะซึ่งต้องได้รับการแต่งตั้งจากพระสังฆราช. การสวดภาวนากระทำขึ้นเพื่อเป็นการปลดปล่อยคนที่ถูกสิงให้เป็นอิสระจากปีศาจ หรือจากความชั่วร้ายที่เกิดจากอิทธิพลของปีศาจ หรือเป็นความชั่วร้ายที่เกิดจากการกระตุ้นยุแหย่ของปีศาจ

--------------------------------------------------------------------------------
Fr. Dario Dodig: เมื่อเราพูดถึงการขับไล่ผี คุณพ่อจะบอกเราได้ไหมว่าซาตานสามารถมีอิทธิพลต่อคริสตชนได้หรือไม่?

Don Gabriele Amorth: ซาตานมีอิทธิพลเป็นอย่างมาก. ซาตานทำงาน 2 วิธีคือ โดยปกติซาตานทำงานด้วยการประจญล่อลวงมนุษย์ให้ทำความชั่ว. มนุษย์ทุกคน,ตั้งแต่เกิดจนตาย,ต้องต่อสู้กับการประจญล่อลวงให้ทำความชั่วของซาตาน. พระเยซูเจ้าเองเพราะพระองค์มีธรรมชาติมนุษย์,ก็ถูกซาตานประจญล่อลวงด้วยเช่นกัน. ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ,ปีศาจทำงานด้วยวิธีพิเศษ โดยสร้างความยุ่งยากหลายอย่างแก่มนุษย์รวมทั้งการเข้าสิงด้วย.

--------------------------------------------------------------------------------
Fr. Dario Dodig: แล้วเราจะต่อสู้กับซาตานได้อย่างไร?

Don Gabriele Amorth: เราคงต้องพูดถึงการป้องกันตนเองก่อนเป็นอันดับแรก - เราต้องทำอะไรเพื่อหลีกเลี่ยงความชั่วร้าย. วิธีการป้องกันคือการดำรงชีวิตอยู่ในพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า. โดยการสวดภาวนาและไม่ทำสิ่งใดที่เป็นการเปิดประตูให้แก่ปีศาจ. โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือไม่ทำเวทมนตร์. การทำเวทมนตร์มี 3 ระดับคือ - ทำคาถาอาคม , ทำพิธีทางจิตวิญญาณ และ การทำพิธีตามลัทธิบูชาซาตาน. คนที่ทำสิ่งเหล่านี้เท่ากับเป็นการมอบตัวเขาให้แก่ปีศาจและยอมรับการกระทำของมันต่อตัวเขา.

--------------------------------------------------------------------------------
Fr. Dario Dodig: อิทธิพลของซาตานต่อโลกปัจจุบันนี้มีมากกว่าและแรงกว่าในอดีตหรือเปล่าครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อเยาวชน. ยกตัวอย่างเช่นผ่านทางดนตรี?

Don Gabriele Amorth: ทุกวันนี้,ซาตานทำงานได้คล่องตัวมาก. นี่ไม่ได้หมายความว่ามันมีอำนาจมากกว่าในอดีต. แต่ประตูเปิดกว้างให้มันมากขึ้น. ประการแรก,เพราะทุกวันนี้เราอาศัยอยู่ในยุคที่มีความเชื่อน้อย. มันเป็นสัดส่วนตามคณิตศาสตร์. เมื่อความเชื่อในพระเป็นเจ้าน้อยลง,ความเชื่อผิดๆก็เพิ่มขึ้น. เมื่อเราปฏิเสธพระเป็นเจ้า, เราก็มอบตัวเองให้กับการกระทำที่เปิดประตูให้กับปีศาจ. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสื่อสารมวลชนในทุกวันนี้ได้ทำสิ่งที่เป็นที่พอใจซาตานเป็นอย่างยิ่ง. อันดับแรกคือการแสดงที่ผิดศีลธรรม. ภาพยนตร์มากมายที่แสดงภาพความรุนแรง,ภาพสยองหรืออุจาดลามก. นอกจากนี้,สื่อสารมวลชนยังทำให้การทำเวทมนตร์คาถาเป็นที่นิยมมากขึ้นด้วย.

--------------------------------------------------------------------------------
Fr. Dario Dodig: พิธีขับไล่ผีเป็นการต่อสู้ระดับสูงสุดต่อซาตานใช่ไหมครับ? แล้วมีวิธีอื่นๆที่พอจะทำได้บ้างไหมก่อนที่จะใช้วิธีนี้?

Don Gabriele Amorth: การกลับใจ. เป็นสิ่งแรกที่เราจะขอร้องให้คนที่มาหาเรากระทำเพื่อให้เขาอยู่ในพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า. และให้มีความสัตย์ซื่อในการดำเนินชีวิตศักดิ์สิทธิ์และการสวดภาวนา. ต่อจากนี้, ถ้าจำเป็น, เราจะขอให้เขารับการสวดภาวนาเพื่อการเยียวยารักษาและการได้ชีวิตคืนมา. ภายหลังจากการสวดภาวนาไปสักระยะหนึ่งคนนั้นๆก็จะถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ, หรือไม่, เขาก็จะรู้วิธีการที่เขาจะสามารถทำการชับไล่ผีได้ดัวยตัวเอง. พึงระลึกไว้ว่าพิธีขับไล่ผีกระทำโดยการสวดภาวนาและผลลัพท์ของมันไม่ได้เกิดขึ้นทันทีทุกครั้ง. บางครั้งอาจต้องทำพิธีเป็นเวลานานแรมปี.

--------------------------------------------------------------------------------
Fr. Dario Dodig: พิธีขับไล่ผีเป็นพิธีกรรมขั้นสูงสุดที่ทำในนามของพระเป็นเจ้าใช่ไหมครับ?

Don Gabriele Amorth: โดยทางทฤษฎีแล้วก็ใช่. อย่างไรก็ตามเราต้องคิดถึงปัจจัยอื่นด้วยซึ่งสำคัญมากต่อพระเป็นเจ้า. พิธีขับไล่ผีเป็นการสวดภาวนา. เหมือนการสวดภาวนาอื่นๆ. มันจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นถ้าเรามีความเชื่อที่แข็งแรง. ความเชื่อเป็นพื้นฐานที่สำคัญมาก. เพราะเหตุนี้เราจึงมักอ่านพบบ่อยๆเรื่องของนักบุญที่ทำให้คนได้รับการปลดปล่อยจากการถูกปีศาจสิงโดยไม่ต้องทำพิธีขับไล่ผีเลย.

--------------------------------------------------------------------------------
Fr. Dario Dodig: เมื่อเราพูดถึงซาตานและการกระทำของซาตาน. เรามักมีความรู้สึกหวาดกลัวในใจของเรา...

Don Gabriele Amorth: นั่นเป็นเพราะเราไม่ได้ใช้พิธีขับไล่ผีกันอีกแล้ว. พระสงฆ์ทั่วไปมีความเชื่อน้อยมากในเรื่องการกระทำของปีศาจที่ผิดปกติ และถ้าพระสังฆราชแต่งตั้งให้เขาทำพิธีขับไล่ผี,พวกเขาจะกลัว เพราะพวกเขาคิดว่า "ถ้าเราไม่ไปยุ่งกับผี, ผีก็จะไม่มายุ่งกับเรา. ถ้าเราไปต่อสู้กับมัน. มันก็จะมาโจมตีเรา" นี่เป็นความคิดที่ผิด. ยิ่งเราต่อสู้กับมันมากเท่าไร. ซาตานก็จะยิ่งกลัวเรามากเท่านั้น.

--------------------------------------------------------------------------------
Fr. Dario Dodig: ในสาส์นของแม่พระที่เมดจูกอเรจ์, พระนางตรัสว่า บ่อยครั้งซาตานแข็งแรงขึ้น และพระนางทรงแนะนำให้เราสวดภาวนา. อดอาหารและกลับใจ.

Don Gabriele Amorth: ใช่แล้ว, นี่เป็นความจริง. ในนิตยสารของอิตาลี. ผมเคยให้คำวิจารณ์เกี่ยวกับสาส์นของแม่พระซึ่งทรงตรัสเกี่ยวกับซาตาน. พระนางตรัสบ่อยๆในเรื่องนี้. พระนางย้ำว่าซาตานมีอำนาจและมันต้องการทำลายแผนการของพระนาง. พระนางทรงแนะนำให้เราสวดภาวนา, สวดภาวนาและสวดภาวนา.

--------------------------------------------------------------------------------
Fr. Dario Dodig: ในสาส์น, แม่พระทรงตรัสเกี่ยวกับการสวดสายประคำ. การเฝ้าศีลมหาสนิท, การสวดต่อหน้ากางเขน. และพระนางยังตรัสว่าการสวดภาวนาสามารถหยุดยั้งสงครามได้ด้วย.

Don Gabriele Amorth: ถูกต้อง, โดยการสวดภาวนา,เราสามารถหยุดยั้งแม้แต่สงคราม.   ผมคิดเสมอว่าเมดจูกอเรจ์เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากฟาติมา. ตามพระวาจาของแม่พระที่ฟาติมา,ถ้าพวกเราสวดภาวนาและอดอาหารแล้วละก็, สงครามโลกครั้งที่สองก็จะไม่เกิดขึ้น. แต่เพราะพวกเราไม่ฟังเสียงของพระนาง เพราะฉะนั้นจึงมีสงครามเกิดขึ้น. และที่นี่,ที่เมดจูกอเรจ์ก็เช่นเดียวกัน,แม่พระทรงขอร้องเราบ่อยๆให้สวดภาวนาเพื่อสันติภาพ. ในการประจักษ์ของแม่พระแต่ละแห่งพระนางเสด็จมาภายใต้พระนามที่แสดงถึงเป้าหมายของการประจักษ์.    ที่ลูร์ดส,พระนางเสด็จมาในพระนามแม่พระปฎิสนธินิรมล. ที่ฟาติมาคือราชินีแห่งสายประคำ.   และที่เมดจูกเรจ์,แม่พระทรงมาในฐานะราชินีแห่งสันติภาพ.    เราทุกคนคงจำได้ถึงคำว่า "Mir, mir, mir" (สัตติภาพ,สันติภาพ,สันติภาพ) ซึ่งถูกเขียนบนท้องฟ้าในช่วงระยาะเวลาเริ่มต้นของการประจักษ์    เพราะมนุษยชาติกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะเกิดสงคราม แม่พระทรงย้ำให้เราสวดภาวนาและดำเนินชีวิตคริสตชนเพื่อจะมีสันติภาพ.

--------------------------------------------------------------------------------
Fr. Dario Dodig: ในสาส์นของพระนางในฐานะราชินีแห่งสันติภาพ,พระนางยังย้ำถึงการอดอาหารด้วย. ซึ่งเป็นเรื่องที่ได้ละลืมกันไปบ้างในพระศาสนจักร. พระนางตรัสเกี่ยวกับการอดอาหารซึ่งมีเขียนไว้ในพระวรสารว่า - ด้วยการอดอาหารและการสวดภาวนา เราสามารถกำจัดอิทธิพลของซาตาน.

Don Gabriele Amorth: นี่เป็นความจริง, ตอนแรกก็ที่ฟาติมาและตอนนี้ที่นี่ในเมดจูกอเรจ์.    แม่พระทรงตรัสบ่อยๆเกี่ยวกับการสวดภาวนาและการอดอาหาร.    ผมคิดว่านี่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก.    เพราะมนุษย์ธรรมดาทั่วไปกำลังดำเนินชีวิตแบบบริโภคนิยม.    มนุษยชาติพยายามหาวิธีหลีกเลี่ยงการเสียสละทุกชนิดและนั่นทำให้เขาปล่อยตัวในบาป.    ชีวิตคริสตชน,นอกจากการสวดภาวนาแล้วเรายังต้องมีความสมถะด้วย.    ถ้าหากไม่มีชีวิตที่สมถะก็จะไม่มีความเพียรในชีวิตคริสตชน ผมจะขอยกตัวอย่างให้ฟัง - ทุกวันนี้,ครอบครัวอยู่ในภาวะที่จะแตกแยกได้ง่ายมาก. เมื่อฉลองการแต่งงานได้ไม่นาน, พวกเขาก็หย่ากันอย่างรวดเร็ว. ที่เป็นดังนี้เพราะเราไม่เคยชินกับการเสียสละ.   การจะอยู่ด้วยกัน,เราต้องสามารถยอมรับข้อบกพร่องของอีกคน.   การขาดจิตวิญญาณแห่งการเสียสละทำให้ชีวิตคริสตชนของเราไม่สมบูรณ์.   เราก็เห็นแล้วว่าความคิดที่จะทำแท้งเกิดขึ้นได้ง่ายสักพียงไร.   นั่นเพราะเรามิได้เสียสละที่จะให้การศึกษาแก่เยาวชน.    นี่เป็นเหตุผลแรกซึ่งทำลายการแต่งงาน. เพราะไม่มีความเสียสละ.

--------------------------------------------------------------------------------
Fr. Dario Dodig: เมดจูกอเรจ์ได้บังเกิดผลอย่างมากมาย. มีการกลับใจเกิดขึ้นจำนวนมาก. นักเทววิทยากล่าวว่า ที่นี่,สวรรค์ได้โน้มลงมายังโลก. แม่พระทรงเชื้อเชิญเราให้มอบตัวเราเองอย่างสิ้นเชิงแด่พระนาง, เพื่อที่พระนางจะนำเราไปสู่พระเยซูเจ้า. นี่ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตคริสตชนหรอกหรือ?

Don Gabriele Amorth: ไม่มีข้อสงสัยเลย, ที่เมดจูกอเรจ์เป็นสถานที่คนเราจะได้เรียนรู้การสวดภาวนา.และเสียสละตนเองด้วย. เป็นที่ที่ประชาชนกลับใจและเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขา. เมดจูกอเรจ์ส่งผลไปทั่วโลก. มีกลุ่มภาวนาเกิดขึ้นมากมายซึ่งได้รับความบันดาลใจจากเมดจูกอเรจ์. ผมเองก็เป็นผู้นำกลุ่มสวดภาวนากลุ่มหนึ่งด้วย. กลุ่มนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1984 มาจนปัจจุบันนี้ก็ 18 ปีเข้าไปแล้ว. เราจะมารวมกันในเวลาบ่ายเหมือนที่เมดจูกอเรจ์. จะมีคนมา 700 หรือ 750 คนเสมอ. เราจะมาร่วมกันพิจารณาไตร่ตรองสาส์นของแม่พระของวันที่ 25 ของทุกเดือน. และผมจะเป็นคนอ่านสาส์นพร้อมด้วยข้อความจากพระวรสารที่สอดคล้องกัน เพราะแม่พระมิได้ทรงตรัสสิ่งใดที่ใหม่. พระนางแนะนำให้เราทำสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงประสงค์ให้เราทำ. มีกลุ่มเช่นเดียวกับของผมอยู่ทั่วโลก.

--------------------------------------------------------------------------------
Fr. Dario Dodig: เป็นความจริงไหมที่เมดจูกอเรจ์เป็น "ก้างขวางคอชิ้นใหญ่" ของซาตาน

Don Gabriele Amorth: แน่นอน, เมดจูกอเรจ์เป็นป้อมปราการต่อสู้กับซาตาน, ซาตานเกลียดเมดจูกอเรจ์มากเพราะเป็นสถานที่ของการกลับใจ, การสวดภาวนา, และการเปลี่ยนแปลงชีวิต.

--------------------------------------------------------------------------------
Fr. Dario Dodig: สุดท้ายนี้คุณพ่อจะให้คำแนะนำแก่เราบ้างได้ไหมครับ?

Don Gabriele Amorth: พระแม่มารีย์ทรงมอบพินัยกรรมสุดท้ายคือพระวาจาของพระนางในพระวรสาร "จงทำทุกสิ่งที่พระองค์ตรัส" ที่เมดจูกอเรจ์,พระนางทรงตรัสย้ำอีกครั้งว่าบทบัญญัติแห่งพระวรสารต้องได้รับปฎิบัติตาม. ศีลมหาสนิทเป็นศูนย์กลางของกลุ่มเมดจูกอเรจ์ทุกกลุ่ม เพราะแม่พระทรงนำเราไปหาพระเยซูเจ้าเสมอ. พระนางประสงค์ให้เราดำเนินชีวิตตามพระวาจาของพระเยซูเจ้า. ผมขอฝากเรื่องนี้แก่ทุกคน ขอให้ดวงหทัยนิรมลของแม่พระอยู่ในตัวของคุณ เพื่อที่พระพรของพระเป็นเจ้าจะทรงหลั่งมายังพวกคุณในพระนามของพระบิดา, พระบุตรและพระจิต อาแมน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น