“...บ้านของเราจะถูกเรียกว่าเป็นบ้านแห่งการสวดภาวนาของทุกคน”
อิสยาห์ 56:7
“พระเจ้าข้า....พระองค์ทรงพอพระทัยที่จะอวยพรบ้านของผู้รับใช้ของพระองค์นี้ เพื่อที่มันจะคงอยู่ตลอดไป พระเจ้าข้า
เป็นพระองค์ที่ทรงอวยพรบ้านนี้
และมันจะได้รับพรตลอดไป” 1คร. 17:26-27
ซิสเตอร์มารี เดอ แมนแดท-แกรนซี Sister Marie de Mandat-Grancey (1837-1915) ผู้รับใช้ของพระเจ้า เธอเป็นซิสเตอร์ในคณะธิดาเมตตาธรรม เป็นผู้ค้นพบบ้านดั้งเดิมของแม่พระที่เอเฟซัส (Ephesus) ซึ่งอยู่ในเอเชียไมเนอร์ ปัจจุบันคือประเทศตุรกี
จากประวัติในธรรมเนียมคริสตชน แม่พระ พระมารดาของพระเจ้า (ฉลองวันที่ 1 ม.ค.) ทรงมาอยู่ที่เอเฟซัสในเอเชียไมเนอร์พร้อมกับนักบุญยอห์น อัครสาวกภายหลังจากที่พระเยซูเจ้ากลับฟื้นคืนพระชนม์แล้ว พระนางประทับอยู่ที่นี่เป็นเวลานานหลายปีจนกระทั่งทรงได้รับการยกขึ้นสวรรค์
บ้านของแม่พระถูกซ่อนไว้ไม่เป็นที่รู้จักจนกระทั่งซิสเตอร์มารีได้มาทำการค้นหาและได้พบ ซิสเตอร์มารีเติบโตในครอบครัวขุนนางของอิตาลี ในแต่ละปีเธอจะไปอยู่ในเบอร์กันดีครึ่งปีและไปอยู่ที่ปารีสอีกครึ่งปี เธอได้เข้าบวชในคณะธิดาเมตตาธรรม (คณะเดียวกับนักบุญคัทริน ลาบูเร ผู้ที่ได้รับเหรียญอัศจรรย์จากแม่พระ) เธอบวชเป็นโปสตุรันในปี 1857 และประกอบพิธีรับผ้าคลุมศีรษะในปีถัดมา เธอทำงานกับคนยากจน
งานแรกที่เธอได้รับมอบหมายจากคณะคือการดูแลเด็กกำพร้าพร้อมกับซิสเตอร์คนอื่นๆ มีเด็กในความดูแลทั้งสิ้น 55 คน ซิสเตอร์ต้องเย็บเสื้อผ้าสำหรับเด็กหญิง 60 คน บางคนมาจากต่างจังหวัดที่เข้าอาศัยร่วมกับเด็กหญิงที่มาอยู่ก่อนแล้ว เด็กหลายคนมีเหาและเลือดออกตามไรฟันอันเนื่องมาจากการขาดสารอาหารและจากการใช้ชีวิตในสภาพสกปรก
ซิสเตอร์มารีมีความศรัทธาในแม่พระมากและได้เป็นหัวหน้าของสมาคมเด็กของพระแม่มารีย์ เธอสอนและปกป้องคำสอนเกี่ยวกับดวงหทัยนิรมลของพระนางมารีย์ด้วยความรักอย่างแท้จริง เธอปลุกเร้าให้เด็กๆรักและใกล้ชิดแม่พระ เธอแนะนำให้เด็กๆรู้จักหลีกเลี่ยงทุกสิ่งที่อาจมีผลต่อความเชื่อและศักดิ์ศรีของพวกเขาเหมือนดังเช่นที่แม่พระทรงกระทำ
สิบปีต่อมาในปี 1870 ในระหว่างสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย เธอได้รับการเสนอชื่อให้เป็นอธิการสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่อยู่นอกเมืองปารีส เวลานั้นสถานการณ์เลวร้ายและเสี่ยงภัยมาก แต่ซิสเตอร์มารีไม่เคยทอดทิ้งเด็กกำพร้าและบรรดาซิสเตอร์ที่อยู่ในความดูแลของเธอเลย เธออยู่ที่นี่นานถึง 16 ปี เธอยังได้สร้างสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพิ่มขึ้นอีกโดยอาศัยเงินทุนของเธอเองเพื่อซื้อสิ่งของจำเป็นสำหรับเด็กและบรรดาซิสเตอร์
ในปี 1886 พระสันตปาปาเลโอที่ 13 ทรงขอให้ทางฝรั่งเศสส่งมิชชันนารีไปยังตะวันออกกลาง ซิสเตอร์มารีได้ตอบสนองพระประสงค์ของพระองค์ เธออาสาสมัครเป็นมิชชันนารีและได้รับมอบหมายให้ดูแลโรงพยาบาลฝรั่งเศสใน Smyrna (ปัจจุบันคือเมือง Izmir),ในตุรกี เธอต้องไปที่โรงพยาบาลอย่างทุลักทุเล เมื่อพบโรงพยาบาลแล้ว เธอก็ใช้เงินทุนของตนเองในการปรับปรุงโรงพยาบาลให้เหมาะสมสำหรับคนไข้และผู้ร่วมงาน ในขณะที่เธอพักอาศัยอย่างยากจน ซิสเตอร์มารีพบห้องเรียนสองสามห้องและห้องเย็บผ้าในอาคารที่อยู่ติดกับโรงพยาบาล เธอจึงใช้เป็นที่สำหรับสอนหนังสือแก่เด็กหญิงในบริเวณนั้น
ในระหว่างนั้น เธอได้อ่านหนังสือของบุญราศีอันนา คัทรีน เอมเมอริก (ผู้ได้รับญาณนิมิตและรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ชาวเยอรมัน) ซึ่งเขียนเกี่ยวกับพระชนม์ชีพของพระนางพรหมจารีย์มารีย์และนักบุญยอห์นขณะที่อยู่ที่เอเฟซัส นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอค้นหาบ้านของแม่พระ ซิสเตอร์มารีได้อยู่ที่ Smyrna ดูแลเอาใจใส่ชาวมุสลิมและคริสตชนจนกระทั่งเสียชีวิต
ซิสเตอร์มารีได้แนะนำเพื่อนพระสงฆ์สององค์ให้อ่านหนังสือของบุญราศีอันนา และเมื่อพระสงฆ์ทั้งสองท่านได้อ่านเรื่องเกี่ยวกับบ้านของแม่พระ จึงแน่ใจว่าบ้านต้องมีอยู่จริงและอยู่ไม่ห่างไกลจากที่พวกท่านอาศัยอยู่มากนัก
การออกค้นหาครั้งแรกกระทำขึ้นในเดือนกรกฏาคม 1891 กลุ่มผู้ค้นหาใช้หนังสือของบุญราศีอันนา( ซึ่งเขียนขึ้นจากการไขแสดงของพระเจ้าเป็นการส่วนตัว) เป็นเหมือนแผนที่ ในวันที่ 20 ก.ค. บุคคลสามท่านเดินทางด้วยลา คนหนึ่งเป็นคาทอลิก อีกคนเป็นกรีกออร์โธดอกซ์ และอีกคนเป็นมุสลิม ก็ได้พบบ้านของแม่พระ
ภายใต้การแนะนำของซิสเตอร์มารี นักโบราณคดีได้ทำการวินิจฉัย ซากของบ้านซึ่งสร้างในศตวรรษที่ 1โดยมีโบสถ์ที่สร้างในศตวรรษที่ 4 คลุมไว้
ในวันที่ 21 ตุลาคม 1891 ซิสเตอร์มารีได้รับอนุญาตให้ซื้อบ้านและที่ดินนั้นไว้ในชื่อของเธอเอง ซิสเตอร์บูรณะบ้านเพื่อทำให้เป็นที่แสวงบุญ
ซิสเตอร์มารีได้ขอเงินจากบิดาเพื่อนำมาซื้อบ้าน และไม่ใช่เพียงบ้านเท่านั้นแต่ซื้อภูเขาทั้งลูกที่บ้านนี้ตั้งอยู่ด้วย บ้านและที่ดินถูกซื้อเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 1892 ในระหว่างที่บูรณะบ้าน ได้ค้นพบก้อนอิฐสามก้อนจากเตาที่ถูกทำขึ้นมาโดยนักบุญยอห์นอัครสาวก อิฐหัวมุมนี้ถูกส่งไปที่โบสถ์น้อยของครอบครัว de Mandat-Grancey ที่อยู่ในฝรั่งเศส เพื่อเป็นการยืนยันถึงความศักดิ์สิทธิ์ การทำงาน ความศรัทธาต่อพระเจ้าและต่อแม่พระของซิสเตอร์มารี
ชีวิตของซิสเตอร์มารีเป็นชีวิตที่อุทิศตน ประกอบกิจคุณธรรม ความนบนอบเชื่อฟัง และความเมตตากรุณา การเสนอชื่อเพื่อพิจารณาในการสถาปนาเธอเป็นนักบุญตามกระบวนการ เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 21 ม.ค. 2011 ในสังฆมณฑล St. Joseph-Kansas City, Mo การเปิดกระบวนการนี้ทำขึ้นที่รัฐมิสซูรี ที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะชุมนุมชนนี้มีความศรัทธาต่อแม่พระแห่งเอเฟซัส กรรมการสมาชิกของสมาคมอเมริกันแห่งเอเฟซัส ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนเงินทุนสำหรับบ้านของแม่พระในเอเฟซัส อยู่ที่เมืองแคนซัสซิตี้นี้ และที่นี่ก็มีนักบวชหญิงคณะเบเนดิกตินที่มีความศรัทธาในแม่พระแห่งเอเฟซัสด้วย
การที่จะให้ทางสังฆมณฑล Smyrna เป็นผู้ดำเนินงานในกระบวนการทั้งหมดนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะมีผู้ทำงานน้อยเกินไป และมีเงินทุนสนับสนุนน้อยด้วย ดังนั้นเมืองแคนซัสซิตี้จึงถูกขอร้องให้เป็นผู้ดำเนินงานนี้แทน ในวันที่ 13 กันยายน 2014 ซึ่งเป็นวันเกิดของซิสเตอร์มารี ได้มีพิธีมิสซาที่อาสนวิหาร Immaculate Conception Cathedral ในเมืองแคนซัสซิตี้เพื่อปิดผนึกเอกสารทั้งหมดที่จะส่งไปยังสมณกระทรวงพิจารณาการเป็นนักบุญที่กรุงโรมสำหรับการสถาปนาเป็นนักบุญของซิสเตอร์มารี
การค้นพบบ้านแม่พระของซิสเตอร์มารีเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งสำหรับผู้มีความเชื่อ พระสันตปาปาเลโอที่ 13 ทรงสนับสนุนให้ทุกคนไปยังสถานที่นี้และทรงประกาศให้เป็นที่แสวงบุญ วันที่ 18 สิงหาคม 1967 นักบุญพระสันตะปาปายอห์นที่ 23 ทรงอนุมัติพระหรรษทานพิเศษสำหรับผู้ที่ไปแสวงบุญที่บ้านแม่พระและสามารถรับได้ตลอดเวลา
ทุกวันนี้ บ้านของแม่พระที่เอเฟซัสเป็นหนึ่งในอาสนวิหารที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในคริสตศาสนา พระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 และพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ได้เสด็จไปที่บ้านแม่พระแห่งเอเฟซัส และมีประชาชนมากกว่า 1 ล้านคนไปแสวงบุญในแต่ละปี
กระบวนการพิจารณากรณีของซิสเตอร์มารี ผู้ค้นพบบ้านของแม่พระที่เอเฟซัส
เริ่มต้นขึ้นที่เมืองแคนซัสซิตี้
จากหนังสือของ อันนา คัทรีน เอมเมอริค
The Life of the Blessed Virgin Mary From the Visions
of Bl. Anne Catherine Emmerich (pg 351-352)
“ข้างหลังบ้าน ที่เนินเขาไม่ห่างจากบ้านมากนัก พระนางพรหมจารีย์ได้ทำเป็นมรรคาแห่งกางเขน เวลาที่พระนางอาศัยอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม พระนางทรงระลึกถึงพระมหาทรมานและการสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์อยู่เสมอ และทรงระลึกถึงพระองค์ขณะเดินไปสู่เขากาวารีโอด้วยการกรรแสงอย่างเจ็บปวดพระทัย
พระนางทรงเดินไปพร้อมทั้งวัดระยะทางทั้งหมดระหว่างแต่ละสถานที่พระองค์ทรงแบกกางเขน
ความรักในองค์พระบุตรของพระนางทำให้พระนางมิอาจมีชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากการเพ่งพิจารณาความทุกข์ทรมานของพระองค์อยู่เสมอ ในไม่ช้าหลังจากที่พระนางมาอยู่ที่บ้านแห่งใหม่
(ในเอเฟซัส)
ฉันเห็นพระนางทรงดำเนินขึ้นไปบนเนินเขาที่อยู่หลังบ้านทุกวันเพื่อทรงกระทำกิจศรัทธานี้ ในตอนแรกพระนางทรงไปเพียงลำพัง ทรงวัดระยะที่ทรงย่างก้าว
และทรงแบ่งระยะเพื่อกำหนดสถานที่แต่ละจุดที่พระเยซูเจ้าทรงรับความทรมานในแต่ละอย่าง ในแต่ละสถานที่ พระนางทรงวางก้อนหินไว้ หรือถ้าหากที่นั้นมีต้นไม้ พระนางก็ทรงทำเครื่องหมายที่ต้นไม้แทน เส้นทางนั้นนำไปสู่ป่า
และบนเนินเขาแห่งนี้พระนางทำให้เป็นดังกาวารีโอ
และทำให้เป็นถ้ำฝังพระศพของพระคริสต์ซึ่งอยู่ที่เนินเขาอีกแห่งหนึ่ง หลังจากที่พระนางทรงทำเครื่องหมายตามเส้นทางกางเขนแล้วซึ่งมีทั้งหมด
12 สถานที่
พระนางจะไปที่นั่นพร้อมกับหญิงรับใช้ของพระนางเพื่อเพ่งรำพึงอย่างเงียบๆ ในแต่ละสถานที่
พระนางทรงนั่งลงและเพ่งรำพึงถึงพระมหาทรมานด้วยหัวใจ
ทรงสรรเสริญความรักของพระเยซูเจ้าด้วยน้ำพระเนตรแห่งความทุกข์ระทม
หลังจากนั้นพระนางจะทรงจัดสถานที่ให้ดูดีขึ้น
ฉันเห็นพระนางทรงจารึกบอกความหมายของแต่ละสถานที่ลงบนก้อนหิน มีตัวเลขกำกับและคำอธิบาย ฉันยังเห็นด้วยว่า
พระนางทรงทำความสะอาดถ้ำแห่งการฝังพระศพของพระคริสต์ และทำเป็นสถานที่สำหรับสวดภาวนา ในตอนนั้นฉันไม่เห็นว่ามีไม้กางเขนปักอยู่หรือรูปภาพของแต่ละสถานที่ มีแต่เพียงที่เรียบๆและก้อนหินที่มีคำจารึกสลักบนก้อนหินเท่านั้น แต่หลังจากนั้น
เมื่อมีการมาที่นี่บ่อยๆและมีความเอาใจใส่มากขึ้น สถานที่เหล่านั้นก็มีความสวยงามมากขึ้นและง่ายต่อการไป
หลังจากที่พระนางพรหมจารีย์เสด็จสู่สวรรค์แล้ว ฉันเห็นคริสตชนหลายคนมาที่นี่ พวกเขาหมอบกราบลงกับพื้นและจูบพื้นดิน”
ทุกวันนี้ยังมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของสถานที่แต่ละแห่งบนทางแห่งกางเขน
แต่น่าเสียดายที่พระธาตุอันมีค่าถูกนำไปแสดงในพิพิทธภัณฑ์ในตุรกีเสียแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ยังคงได้เห็นพระธาตุเหล่านี้ และนี่เป็นรูปภาพ
รูปภาพที่จารึกด้วยพระหัตถ์ของแม่พระเองอยู่บนก้อนหิน ทรงจารึกด้วยน้ำพระเนตรและพระหัตถ์ของพระนาง...พระหัตถ์นี้เคยเลี้ยงดูและอุ้มพระกุมาร
บัดนี้ลายพระหัตถ์ถูกจารึกบนก้อนหินเพื่อบอกเล่าถึงพระมหาทรมานและการสิ้นพระชนม์ของพระคริสตเจ้า
รูปภาพของซิสเตอร์มารีกำลังคุกเข่าสวดภาวนา ที่สถานที่หนึ่งบนมรรคาแห่งกางเขน
พระเป็นเจ้าทรงประทานพระหรรษทานแก่ซิสเตอร์ให้ค้นพบบ้านของแม่พระและมรรคาแห่งกางเขนนี้
เพื่อบรรดาลูกๆของพระนางพรหมจารีย์จะได้แสดงกิจศรัทธาและปลอบประโลมพระทัยในความทุกข์โศกในดวงพระทัยของพระนาง
ทุกวันนี้ที่บ้านของแม่พระในเอเฟซัส มีรูปภาพ Our Lady of Tears (แม่พระมหาทุกข์) ให้เราสวดภาวนาต่อแม่พระมหาทุกข์ด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น