วันนี้ ( วันพุธที่ 30 กันยายน 2009) เพิ่งกลับจากรับประทานอาหารกับคุณพ่อท่านหนึ่ง
คุณพ่อได้เล่าประสบการณ์เกี่ยวกับวิญญาณเรื่องหนึ่ง ซึ่งน่าสนใจมาก
เห็นว่าเป็นประโยชน์ แก่พี่น้อง ที่มีปัญหาชอบถามว่า ขอมิสซาให้วิญญาณต่างศาสนาได้หรือไม่
คุณพ่อท่านนี้เป็น บาทหลวงของคณะหนึ่งในเมืองไทย จริง ๆ อยากเอ่ยชื่อ และ คณะของพ่อเลยนะ
แต่พ่อขอไว้ บอกว่า เดี๋ยวไม่มีใครมาบวชคณะพ่อ เพราะกลัวผี อิอิอิ
คุณพ่อท่านเล่าว่าสมัยเป็นเณรใหญ่ ใกล้จะบวชแล้ว
ที่บ้านเณรมีแม่บ้านอยู่ 2 คน เป็นพี่น้องกัน คนพี่เป็นคริสต์แล้ว ส่วนคนน้องยังเป็นพุทธอยู่
พี่ชายของทั้งสองได้ตายไปนานแล้ว เพราะประสบอุบัติเหตุ
อยู่มาวันหนึ่ง จู่ ๆ คนน้องก็ถูกวิญญาณพี่ชายเข้าสิง กรี๊ดร้องโวยวาย
ชี้หน้าด่าทอน้องสาวคนโตที่เป็นคริสต์ พรรณาว่า
"มึงนะ มาเป็นคริสต์ แล้วไม่พาน้องสาวไปทำสังฆทานให้กูเลย มึงเอาแต่เข้าโบสถ์ กูไปที่หน้าโบสถ์ของมึง
กูไปแกล้งมึง ผลักมึง ให้มึงรู้ แต่กูก็ทำอะไรมึงไม่ได้ มึงเอากระดูกกูไปรวมกับญาติ ๆ ในโกฐ์เดียว
กูอึดอัด กูทรมาน.... "
วิญญาณพี่ชายในร่างน้องสาวคนเล็กก็พูดด่าทอน้องสาวคนโตไปเรื่อย ๆ พร้อมตบตีเตะถีบไปด้วย สาวคริสตังคนนั้นได้แต่ร้องไห้ตกใจทำอะไรไม่ถูก
ขณะนั้น ไม่มีใครอยู่ที่บ้านเณรเลย บรรดาคุณพ่อไปเข้าเงียบกันหมด
มีเพียงคุณพ่อที่ตอนนั้นเป็นเณรใหญ่ และ น้องเณรอีก 3 คนเ่ท่านั้น
คุณพ่อเลย บอกน้องเณรว่า "ไป เราไปไล่ผีกัน เอาสายประคำไปด้วย"
คุณพ่อบอกว่า ตอนนั้นก็ต้องทำตัวเป็นพี่ใหญ่ แต่ในใจก็กลัวเหมือนกัน
เมื่อไปถึงก็เห็นเหตุการณ์ดังที่เล่าข้างต้น คุณพ่อก็บอกให้ทุกคนหยิบสายประคำออกมาสวด
พอทุกคนเริ่มสวด ผีที่สิงร่างก็ชี้หน้าท้า "สวดเลย กูไม่กลัวหรอก สวดสิ"
คุณพ่อก็นำสวด ผีก็ยังตะโกนด่าทอไปเรื่อย ๆ ไม่มีท่าทางกลัวเลย
แล้วสวดไปสักพัก พ่อก็เล่าว่า ผีมันก็ชี้หน้าตาขวางใส่ไล่น้องเณรทีละคน แล้วก็พูดว่า
"มึง ไม่ตั้งใจสวด.... มึงไม่ตั้งใจสวด ... มึงด้วยไม่ตั้งใจสวด"
คุณพ่อก็บอกเล่าขำ ๆ ว่า ดีนะ มันไม่ชี้หน้าเราด้วย พ่อก็เลยบอกน้องเณรว่า
"ไม่ต้องสนใจ สวดต่อไป อย่าหยุด"
ทุกคนก็สำรวมมากขึ้น กลัวก็กลัว แต่ก็ไม่ยอมหยุดสวด จนในที่สุด
สวดเกือบจบสาย ผีก็พูดว่า "พอแล้ว ๆ กลัวแล้ว หยุดสวดเถอะ "
แล้วผีพี่ชายก็เริ่มคร่ำครวญอีก ว่าเจ็บปวด อึดอัด ทรมาน ลำบาก
"มึงรู้มั๊ย กูน่ะ ต้องเดินมาไกลขนาดไหน มีผีตายโห่งตามกูมาเต็มหน้าประตู(บ้านเณร)
แต่มีกูคนเดียวที่เข้ามาได้ เวลากลับ กูก็ต้องเดินกลับไป กูเหนื่อย กู.... "
คุณพ่อก็บอกว่า ตอนนั้นทุกคนก็ขนลุกสู้ เพราะดึกดื่นแล้ว แล้วยังมาบอกว่า
มีอีกเพียบอยู่นอกรั้ว ก็สั่นกันใหญ่ แล้วตอนนั้นพ่อก็สงสัยว่า ทำไมผีไม่ลอยกลับ ทำไมเดินกลับ
แต่ก็ไม่กล้าถาม เขาคงจะสื่อว่าเขาเดินทางมาหาน้องสาวลำบาก เพราะเป็นคนต่างจังหวัด
แล้วน้องสาวทั้งสองเข้ามาทำงานในเมือง ละมั๊ง
คุณพ่อก็ถามน้องที่เป็นคริสตังว่า ทำไมไม่ขอมิสซาให้เขา
น้องสา่วก็ตอบว่า ขอไม่ได้หรอก เขาเกลียดพระเรา เกลียดศาสนาเรา ขอไม่ได้
คุณพ่อได้เล่าประสบการณ์เกี่ยวกับวิญญาณเรื่องหนึ่ง ซึ่งน่าสนใจมาก
เห็นว่าเป็นประโยชน์ แก่พี่น้อง ที่มีปัญหาชอบถามว่า ขอมิสซาให้วิญญาณต่างศาสนาได้หรือไม่
คุณพ่อท่านนี้เป็น บาทหลวงของคณะหนึ่งในเมืองไทย จริง ๆ อยากเอ่ยชื่อ และ คณะของพ่อเลยนะ
แต่พ่อขอไว้ บอกว่า เดี๋ยวไม่มีใครมาบวชคณะพ่อ เพราะกลัวผี อิอิอิ
คุณพ่อท่านเล่าว่าสมัยเป็นเณรใหญ่ ใกล้จะบวชแล้ว
ที่บ้านเณรมีแม่บ้านอยู่ 2 คน เป็นพี่น้องกัน คนพี่เป็นคริสต์แล้ว ส่วนคนน้องยังเป็นพุทธอยู่
พี่ชายของทั้งสองได้ตายไปนานแล้ว เพราะประสบอุบัติเหตุ
อยู่มาวันหนึ่ง จู่ ๆ คนน้องก็ถูกวิญญาณพี่ชายเข้าสิง กรี๊ดร้องโวยวาย
ชี้หน้าด่าทอน้องสาวคนโตที่เป็นคริสต์ พรรณาว่า
"มึงนะ มาเป็นคริสต์ แล้วไม่พาน้องสาวไปทำสังฆทานให้กูเลย มึงเอาแต่เข้าโบสถ์ กูไปที่หน้าโบสถ์ของมึง
กูไปแกล้งมึง ผลักมึง ให้มึงรู้ แต่กูก็ทำอะไรมึงไม่ได้ มึงเอากระดูกกูไปรวมกับญาติ ๆ ในโกฐ์เดียว
กูอึดอัด กูทรมาน.... "
วิญญาณพี่ชายในร่างน้องสาวคนเล็กก็พูดด่าทอน้องสาวคนโตไปเรื่อย ๆ พร้อมตบตีเตะถีบไปด้วย สาวคริสตังคนนั้นได้แต่ร้องไห้ตกใจทำอะไรไม่ถูก
ขณะนั้น ไม่มีใครอยู่ที่บ้านเณรเลย บรรดาคุณพ่อไปเข้าเงียบกันหมด
มีเพียงคุณพ่อที่ตอนนั้นเป็นเณรใหญ่ และ น้องเณรอีก 3 คนเ่ท่านั้น
คุณพ่อเลย บอกน้องเณรว่า "ไป เราไปไล่ผีกัน เอาสายประคำไปด้วย"
คุณพ่อบอกว่า ตอนนั้นก็ต้องทำตัวเป็นพี่ใหญ่ แต่ในใจก็กลัวเหมือนกัน
เมื่อไปถึงก็เห็นเหตุการณ์ดังที่เล่าข้างต้น คุณพ่อก็บอกให้ทุกคนหยิบสายประคำออกมาสวด
พอทุกคนเริ่มสวด ผีที่สิงร่างก็ชี้หน้าท้า "สวดเลย กูไม่กลัวหรอก สวดสิ"
คุณพ่อก็นำสวด ผีก็ยังตะโกนด่าทอไปเรื่อย ๆ ไม่มีท่าทางกลัวเลย
แล้วสวดไปสักพัก พ่อก็เล่าว่า ผีมันก็ชี้หน้าตาขวางใส่ไล่น้องเณรทีละคน แล้วก็พูดว่า
"มึง ไม่ตั้งใจสวด.... มึงไม่ตั้งใจสวด ... มึงด้วยไม่ตั้งใจสวด"
คุณพ่อก็บอกเล่าขำ ๆ ว่า ดีนะ มันไม่ชี้หน้าเราด้วย พ่อก็เลยบอกน้องเณรว่า
"ไม่ต้องสนใจ สวดต่อไป อย่าหยุด"
ทุกคนก็สำรวมมากขึ้น กลัวก็กลัว แต่ก็ไม่ยอมหยุดสวด จนในที่สุด
สวดเกือบจบสาย ผีก็พูดว่า "พอแล้ว ๆ กลัวแล้ว หยุดสวดเถอะ "
แล้วผีพี่ชายก็เริ่มคร่ำครวญอีก ว่าเจ็บปวด อึดอัด ทรมาน ลำบาก
"มึงรู้มั๊ย กูน่ะ ต้องเดินมาไกลขนาดไหน มีผีตายโห่งตามกูมาเต็มหน้าประตู(บ้านเณร)
แต่มีกูคนเดียวที่เข้ามาได้ เวลากลับ กูก็ต้องเดินกลับไป กูเหนื่อย กู.... "
คุณพ่อก็บอกว่า ตอนนั้นทุกคนก็ขนลุกสู้ เพราะดึกดื่นแล้ว แล้วยังมาบอกว่า
มีอีกเพียบอยู่นอกรั้ว ก็สั่นกันใหญ่ แล้วตอนนั้นพ่อก็สงสัยว่า ทำไมผีไม่ลอยกลับ ทำไมเดินกลับ
แต่ก็ไม่กล้าถาม เขาคงจะสื่อว่าเขาเดินทางมาหาน้องสาวลำบาก เพราะเป็นคนต่างจังหวัด
แล้วน้องสาวทั้งสองเข้ามาทำงานในเมือง ละมั๊ง
คุณพ่อก็ถามน้องที่เป็นคริสตังว่า ทำไมไม่ขอมิสซาให้เขา
น้องสา่วก็ตอบว่า ขอไม่ได้หรอก เขาเกลียดพระเรา เกลียดศาสนาเรา ขอไม่ได้
คุณพ่อเลยหันไปพูดกันผีพี่ชายว่า
เดี๋ยวจะขอมิสซาให้นะ เอาไหม
ผีพี่ชายก็มองตาขวางแล้วชี้หน้า พูดว่า "ขอให้แน่นะ? " ซึ่งถามย้ำถึง 3 ครั้ง
คุณพ่อก็ยืนยัน ว่าจะ ขอมิสซาให้ทุกครั้ง
ผีพี่ชายจึงบอกว่า "ถ้าอย่างนั้น ก็เปิดประตู"
คุณพ่อก็เดินไปเปิดประตู คุณพ่อเล่าว่ามันแปลกมาก ๆ เพราะปกติ ถ้าเปิดประตู ลมจะพัดเข้ามาในห้อง
แต่ปรากฏว่า มีลมหันจากในห้อง วูบออกไปข้างนอกแทน แล้วน้องสาวที่โดนผีเข้าก็ฟุบลงไป
จึงได้รู้ว่า ผีพี่ชายออกไปแล้ว
หลังจากนั้น คุณพ่อก็ทำตามที่ได้สัญญาไว้กับผีพี่ชาย คือขอมิสซาให้เรื่อย ๆ
จนวันนึง น้องสาวที่เป็นพุทธ ที่เคยถูกสิง ก็มาบอกกับคุณพ่อว่า
เมื่อคืน พี่ชายมาเข้าฝัน หน้าตาอิ่มเอิ่บสดใส ยิ้มแย้ม มาบอกลาว่าจะไปแล้วนะ
มิสซาที่ขอให้ได้รับแล้ว แล้วก็พาญาติผู้ใหญ่คนนึงมาด้วย
ญาติคนนี้เป็นญาติผู้ใหญ่ที่ตายไปแล้ว หน้าตาอิดโรย หมองคล้ำ อมทุกข์ ซึ่งก็ไม่ได้เป็นคริสต์เหมือนกัน
พี่ชายบอกว่า ให้ขอมิสซาให้ญาติคนนี้ด้วย
ซึ่งคุณพ่อก็เล่าถึงตรงนี้แล้วก็พูดสรุปให้ฟังว่า
ถ้าเวลาเจออะไรแบบนี้ ให้ขอมิสซา สวดภาวนาให้เขาไปเลย
เขาได้รับแน่นอน เพราะคุณพ่อได้ประสบมากับตัวเองโดยตรงเลย
แต่คุณพ่อทิ้งท้ายว่า ถ้ากลัววิญญาณ กลัวผี เวลาสวด ขอมิสซาให้ บรรดาวิญญาณแบบนี้
ก็ให้ตั้งจิตบอกไปด้วยว่า จะสวดให้ ขอมิสซาให้ แต่้ไม่ต้องติดตามมา
เพราะพ่อบอกว่า ถ้าเขารู้ว่าเราจะสวดอุทิศให้เขา เขารู้ว่าเขาจะได้บุญกุศลจากเรา
ก็มาติดตามเราเรื่อย ๆ
จริง ๆ ยังมีอีกหลายเรื่อง แต่เห็นว่าเรื่องนี้น่าสนใจ และตรงกับความสงสัยของพี่น้อง
ชอบสงสัยว่า ขอมิสซาให้คนต่างศาสนาได้หรือป่าว ก็ฟันธงเลยว่า
"ได้จ้าาาาาาาาาาา"
เดี๋ยวจะขอมิสซาให้นะ เอาไหม
ผีพี่ชายก็มองตาขวางแล้วชี้หน้า พูดว่า "ขอให้แน่นะ? " ซึ่งถามย้ำถึง 3 ครั้ง
คุณพ่อก็ยืนยัน ว่าจะ ขอมิสซาให้ทุกครั้ง
ผีพี่ชายจึงบอกว่า "ถ้าอย่างนั้น ก็เปิดประตู"
คุณพ่อก็เดินไปเปิดประตู คุณพ่อเล่าว่ามันแปลกมาก ๆ เพราะปกติ ถ้าเปิดประตู ลมจะพัดเข้ามาในห้อง
แต่ปรากฏว่า มีลมหันจากในห้อง วูบออกไปข้างนอกแทน แล้วน้องสาวที่โดนผีเข้าก็ฟุบลงไป
จึงได้รู้ว่า ผีพี่ชายออกไปแล้ว
หลังจากนั้น คุณพ่อก็ทำตามที่ได้สัญญาไว้กับผีพี่ชาย คือขอมิสซาให้เรื่อย ๆ
จนวันนึง น้องสาวที่เป็นพุทธ ที่เคยถูกสิง ก็มาบอกกับคุณพ่อว่า
เมื่อคืน พี่ชายมาเข้าฝัน หน้าตาอิ่มเอิ่บสดใส ยิ้มแย้ม มาบอกลาว่าจะไปแล้วนะ
มิสซาที่ขอให้ได้รับแล้ว แล้วก็พาญาติผู้ใหญ่คนนึงมาด้วย
ญาติคนนี้เป็นญาติผู้ใหญ่ที่ตายไปแล้ว หน้าตาอิดโรย หมองคล้ำ อมทุกข์ ซึ่งก็ไม่ได้เป็นคริสต์เหมือนกัน
พี่ชายบอกว่า ให้ขอมิสซาให้ญาติคนนี้ด้วย
ซึ่งคุณพ่อก็เล่าถึงตรงนี้แล้วก็พูดสรุปให้ฟังว่า
ถ้าเวลาเจออะไรแบบนี้ ให้ขอมิสซา สวดภาวนาให้เขาไปเลย
เขาได้รับแน่นอน เพราะคุณพ่อได้ประสบมากับตัวเองโดยตรงเลย
แต่คุณพ่อทิ้งท้ายว่า ถ้ากลัววิญญาณ กลัวผี เวลาสวด ขอมิสซาให้ บรรดาวิญญาณแบบนี้
ก็ให้ตั้งจิตบอกไปด้วยว่า จะสวดให้ ขอมิสซาให้ แต่้ไม่ต้องติดตามมา
เพราะพ่อบอกว่า ถ้าเขารู้ว่าเราจะสวดอุทิศให้เขา เขารู้ว่าเขาจะได้บุญกุศลจากเรา
ก็มาติดตามเราเรื่อย ๆ
จริง ๆ ยังมีอีกหลายเรื่อง แต่เห็นว่าเรื่องนี้น่าสนใจ และตรงกับความสงสัยของพี่น้อง
ชอบสงสัยว่า ขอมิสซาให้คนต่างศาสนาได้หรือป่าว ก็ฟันธงเลยว่า
"ได้จ้าาาาาาาาาาา"
ที่มา - http://www.newmana.com/phpbb/viewtopic.php?f=35&t=12034
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น