มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับปีเตอร์ ขณะที่เขามีอายุ 5 ขวบ และพี่สาวเป็นผู้ดูแลเขา วันหนึ่งเขาหายตัวไป
พี่สาวตกใจมากเที่ยวตามหาเขาไปทั่วเมืองแต่ก็ไม่พบตัว จนในที่สุดพี่สาวเข้าไปในโบสถ์ประจำหมู่บ้าน แล้วเธอก็เห็นน้องชายกำลังเอาบันไดมาวางไว้ที่ตู้ศีลและปีนขึ้นไปเอาหูแนบกับตู้ศีล พี่สาวเข้าไปนำตัวน้องชายลงมาและดุว่าเขา ถามเขาว่าทำอย่างนี้ทำไม ปีเตอร์ตอบเธอว่า “ผมจะได้ยินพระองค์ตรัสชัดขึ้นด้วยวิธีนี้ครับ” เมื่อปีเตอร์อายุ 12 ขวบ ก่อนที่เขาจะรับศีลมหาสนิทครั้งแรก เขาได้เขียนหนังสือบทสวดเล่มเล็กๆเอาไว้สวดหลังจากรับศีล
เขาเขียนไว้ดังนี้
พระเยซูสุดที่รักของผม
ผมขอขอบพระคุณพระองค์สำหรับพระหรรษทานที่พระองค์ประทานแก่ผม
ในการที่พระองค์เสด็จมาประทับในหัวใจของผม
ปีเตอร์ต้องการเป็นพระสงฆ์ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่บิดาของเขาไม่พอใจในความคิดนี้ของเขาเลย เมื่อเป็นพระสงฆ์แล้ว
ปีเตอร์รู้สึกใกล้ชิดพระเยซูเจ้าผ่านทางศีลมหาสนิทมากยิ่งขึ้น และตัดสินใจว่า จำเป็นต้องมีพระสงฆ์ที่มีความศรัทธาต่อศีลมหาสนิทเป็นพิเศษ ในปี 1856 คุณพ่อปีเตอร์ จูเลียน เอียมาร์ดจึงได้ก่อตั้งคณะศีลมหาสนิทขึ้น ผู้ที่อยู่ในคณะนี้จะผลัดกันเฝ้าศีลมหาสนิทตลอด
24 ชั่วโมง ผู้ที่เข้าในคณะนี้มีทั้งพระสงฆ์ นักบวช และฆราวาส จุดประสงค์ของคณะคือการเผยแพร่ความศรัทธาต่อศีลมหาสนิท จัดให้มีพิธีเคารพศีลมหาสนิท และเฝ้าศีลมหาสนิทอย่างต่อเนื่อง
วันที่ 13 พฤษภาคม 1856
พระสังฆราชก็อนุมัติแผนการณ์ของปีเตอร์ในการตั้งคณะศีลมหาสนิท งานแรกของคณะเริ่มต้นกับบรรดาเด็กๆแห่งกรุงปารีสโดยการเตรียมตัวพวกเขาให้รับศีลมหาสนิทครั้งแรกอย่างดี คณะนี้ได้รับการรับรองจากพระสันตะปาปาปีโอที่ 9
ในปี 1858
และในปีเดียวกันปีเตอร์ก็ตั้งคณะผู้รับใช้ศีลมหาสนิทสำหรับสุภาพสตรีขึ้น
ปีเตอร์มีความศรัทธาในแม่พระมากด้วย เขาเป็นเพื่อนกับนักบุญยอห์น มารีย์ เวียนเนย์
เจ้าอาวาสแห่งอารส์
เพราะคุณพ่อเวียนเนย์ เป็นอธิการของคณะ Society of Mary ในปี 1845 และปีเตอร์ก็เป็นสมาชิกในคณะนี้เช่นกัน
ในช่วงบั้นปลายของชีวิต
ปีเตอร์มีประสบการณ์ซึ่งนักบุญหลายองค์เคยประสบมาก่อน
นั่นคือประสบการณ์ที่นักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขนเรียกว่า “ค่ำคืนอันมืดมิดของวิญญาณ” เขารู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างในจิตวิญญาณ ไม่รู้สึกถึงความยินดีและการปลอบประโลมใจจากพระเป็นเจ้าเลย ประสบการณ์นี้เป็นการชำระล้างจิตวิญญาณให้บริสุทธิ์สำหรับผู้ที่รักพระเป็นเจ้าและเป็นพระหรรษทานพิเศษของพระเป็นเจ้า ความรักอันบริสุทธิ์ของพระเป็นเจ้านำวิญญาณให้ผ่านไปในทะเลทรายเพื่อให้วิญญาณชิดสนิทกับพะองค์มากยิ่งขึ้น เมื่อถึงช่วงปลายชีวิตของปีเตอร์ เขาได้เดินทางเป็นครั้งสุดท้ายไปที่เมืองลามูร์
บ้านเกิดของเขา
เขาทุกข์ทรมานมากจากอาการชัก
เขาพูดไม่ได้เลย ในวันที่ 1 สิงหาคม 1868
ซึ่งตรงกับวันฉลองนักบุญเปโตรถูกจับล่ามโซ่ เวลานั้นปีเตอร์อายุ 57 ปี ขณะที่กำลังเพ่งมองไม้กางเขน เขาก็สิ้นลมหายใจแต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดี
แม้แต่ในเวลานี้ศพของเขาก็ยังแสดงให้เห็นรอยยิ้มอยู่ เขาสวดภาวนาเสมอว่า “พระเยซูเจ้าข้อ โปรดครอบครองข้าพเจ้าเถิด
โปรดให้ข้าพเจ้าเป็นข้ารับใช้อยู่แทบพระบาทแห่งพระบัลลังก์ศีลมหาสนิทเทอญ”
ปีเตอร์ได้รับเกียรติในการประกาศให้เป็นนักบุญโดยพระสันตะปาปายอห์นที่
23 ในวันที่ 9 ธันวาคม 1962 พระสันตะปาปาทรงเรียกปีเตอร์ว่าเป็น “อัครสาวกแห่งศีลมหาสนิท”
นักบุญปีเตอร์ จูเลียน เอียมาร์ด ช่วยวิงวอนเพื่อพวกเราเทอญ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น