วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2559

ไฟชำระโปรดอย่าลืมฉัน

 
นักบุญคัทรินแห่งเจนัว บอกเราว่า “วิญญาณที่อยู่ในไฟชำระได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัสจนสุดจะพรรณนา  คนที่ฉลาดที่สุดก็ยังไม่สามารถจินตนาการได้ถึงความทุกข์ทรมานที่พวกเขาได้รับ  เว้นแต่พระเป็นเจ้าจะทรงเปิดเผยให้ทราบด้วยพระหรรษทานพิเศษเท่านั้น”

ในปี 1873 ซิสเตอร์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ผู้หนึ่งซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ  แต่ใช้เพียงนามสมมุติว่า Sister M. de L.C. เธออยู่ในคอนแวนต์ที่ฝรั่งเศส  เธอเริ่มได้ยินเสียงถอนหายใจยาวๆอยู่ใกล้ๆตัวเธอ  เสียงนี้มาจากบางคนที่มองไม่เห็นซึ่งเข้ามาใกล้เธอ  ในเดือนกุมภาพันธ์ 1874  หลังจากซิสเตอร์ผู้นี้สวดภาวนามากมายและรับศีลมหาสนิทหลายครั้ง  บุคคลที่มองไม่เห็นผู้นั้นก็ปรากฏแก่ซิสเตอร์ M  และแจ้งให้ทราบว่าเธอเป็นวิญญาณของซิสเตอร์ผู้หนึ่งที่เคยอยู่ในคอนแวนต์นี้แต่เสียชีวิตไปนานแล้วและเวลานี้ยังอยู่ในไฟชำระ  ซึ่งเราจะเรียกชื่อซิสเตอร์ผู้นี้ว่า ซิสเตอร์ O และวิญญาณนี้ได้เปิดเผยให้ทราบเรื่องไฟชำระ

 “คนบาปหนาที่ไม่สนใจใยดีในพระเป็นเจ้า  และนักบวชที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนจะอยู่ในไฟชำระระดับที่ต่ำที่สุด  เมื่อพวกเขาอยู่ที่นั่น  คำภาวนาทั้งหลายที่สวดอุทิศให้พวกเขาจะไปไม่ถึงพวกเขา  เพราะพวกเขาเมินเฉยไม่สนใจใยดีพระเป็นเจ้าในเวลาที่มีชีวิตอยู่  ดังนั้นในเวลานี้พวกเขาจึงต้องถูกเมินเฉยไม่ได้รับความสนใจเป็นการตอบแทน  เพื่อที่พวกเขาจะได้สำนึกและแก้ไขการละเลยและชีวิตที่ไร้ค่าของพวกเขา  มนุษย์ที่อยู่ในโลกไม่สามารถจินตนาการได้ว่าพระเป็นเจ้าทรงเป็นเช่นไร  แต่พวกเราที่อยู่ในไฟชำระรู้และเข้าใจอย่างถ่องแท้ในพระสภาวะของพระเป็นเจ้า  เพราะจิตวิญญาณของพวกเราไม่ได้ยึดติดอยู่กับสิ่งใดๆที่กีดขวางและยึดเราไว้ไม่ให้รับรู้ในความศักดิ์สิทธิ์และสรรพานุภาพของพระเป็นเจ้าและความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระองค์  พวกเรายอมพลีกรรมเป็นมรณะสักขีด้วยความรัก  พลังอันไม่อาจต้านทานได้ดึงดูดเราให้เข้าไปใกล้พระเป็นเจ้าผู้ทรงเป็นจุดศูนย์กลางของเรา  ขณะเดียวกัน  ก็มีพลังอีกอย่างหนึ่งที่ดึงเราให้กลับไปสู่สถานที่แห่งความทุกข์ทรมานของพวกเรา    

 “พวกเราอยู่ในสถานะที่ไม่อาจทำตามความปรารถนาของเราได้  โอ, ช่างทุกข์ทรมานยิ่งนัก  แต่เราก็ยังปรารถนาและไม่มีคำบ่นว่าหรือต่อว่าพระเป็นเจ้าในสถานที่นี้  พวกเราปรารถนาแต่พระประสงค์ของพระเป็นเจ้าเท่านั้น  พวกท่านที่อยู่ในโลกไม่สามารถเข้าใจได้หรอกว่า  พวกเราต้องทนรับอะไรบ้าง  ฉันได้รับความบรรเทาเป็นอย่างมากเมื่อฉันไม่ได้อยู่ในไฟอีกต่อไปแล้ว  เวลานี้ฉันปรารถนาแต่เพียงอย่างเดียวคือได้เห็นพระเป็นเจ้าเท่านั้น  ความทุกข์ทรมานนั้นโหดร้ายแสนสาหัสจริงๆ  แต่ฉันรู้สึกได้ว่าการถูกเนรเทศของฉันใกล้จะสิ้นสุดลง  และในไม่ช้าฉันจะได้ออกจากสถานที่แห่งนี้  สถานที่ซึ่งฉันมีความปรารถนาในพระเป็นเจ้าอย่างสุดหัวใจของฉัน

“ฉันจะอธิบายให้เธอทราบถึงระดับต่างๆของไฟชำระ  เพราะฉันได้ผ่านพวกมันมาแล้ว  ในไฟชำระอันยิ่งใหญ่นี้มีหลายระดับ  ระดับที่ต่ำที่สุดและเจ็บปวดทรมานที่สุด  เหมือนกับเป็นนรกชั่วคราว  เป็นสถานที่สำหรับคนบาปที่ก่ออาชญากรรมร้ายแรงน่าสยดสยองเมื่อมีชีวิตบนโลกและความตายทำให้เขาประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งที่เขามาอยู่ในสถานที่นี้  มันเกือบเป็นเหมือนปาฏิหารย์ที่พวกเขาได้รับความรอด  บ่อยครั้งเป็นเพราะการสวดภาวนาของพ่อแม่ผู้ศรัทธาหรือบุคคลอื่นที่มีใจศรัทธา  บางครั้งพวกเขาไม่มีเวลาแม้แต่จะสารภาพบาป  และโลกคิดว่าพวกเขาได้สูญเสียวิญญาณไปเรียบร้อยแล้ว  แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเมตตาหาที่สุดมิได้  ทรงประทานโอกาสแก่พวกเขาให้สำนึกผิดในบาปความผิดของเขาและทำให้พวกเขาคิดถึงความดีบางอย่างที่พวกเขาเคยกระทำในระหว่างที่มีชีวิตอยู่  สำหรับวิญญาณประเภทนี้  ไฟชำระเป็นสถานที่อันทารุณโหดร้ายยิ่งนัก  มันคือนรกอย่างแท้จริง  แต่มีความแตกต่างกัน  คือในนรกพวกเขาจะสาปแช่งพระเป็นเจ้า  แต่ในสถานที่นี้ในไฟชำระพวกเราสรรเสริญพระเป็นเจ้าและขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงช่วยพวกเราให้ได้รับความรอด

ติดกับสถานที่แห่งนี้คือสถานที่สำหรับวิญญาณที่คิดว่าพวกเขาไม่ได้ก่ออาชญากรรมเหมือนคนอื่นๆ  แต่พวกเขาไม่สนใจใยดีในพระเป็นเจ้า  พวกเขาไม่ได้กระทำกิจการที่ต้องทำตามหน้าที่ของเขาและได้กลับใจในเวลาที่ใกล้ตาย  บางทีพวกเขาไม่มีโอกาสได้รับศีลมหาสนิทในเวลาใกล้ตาย  พวกเขาต้องมาอยู่ในสถานที่นี้นานเท่ากับจำนวนเวลาที่พวกเขาไม่สนใจใยดีในพระเป็นเจ้า  พวกเขาได้รับความเจ็บปวดและถูกละทิ้งโดยปราศจากการสวดภาวนาอุทิศให้  หรือถ้ามีใครสวดภาวนาอุทิศแก่พวกเขา  พวกเขาก็จะไม่ได้รับประโยชน์จากคำภาวนานั้น.

“ในไฟชำระระดับที่สอง  เป็นสถานที่สำหรับคนที่ตายในบาปเบาที่ไม่ได้รับการอภัยบาปก่อนตาย  หรือทำบาปหนักที่ได้รับการอภัยบาปแล้วแต่ยังไม่ได้ทำการใช้โทษบาปอย่างสาสมกับบาปนั้นๆตามพระยุติธรรมอันศักดิ์สิทธิ์  ในไฟชำระระดับนี้ก็ยังมีระดับที่แตกต่างกันไปอีกตามสถานะของวิญญาณแต่ละดวง

            “สุดท้าย  คือสถานที่ไฟชำระแห่งความปรารถนาที่เรียกว่าธรณีประตู  มีวิญญาณไม่มากนักที่หลีกหนีสถานที่นี้ได้  เพื่อหลีกเลี่ยงมันได้  วิญญาณต้องมีความปรารถนาอย่างยิ่งยวดในสวรรค์และในการได้เห็นพระเป็นเจ้า  ซึ่งเป็นเรื่องยากมาก ยากเกินกว่าที่คนเราคิด  เพราะแม้แต่คนที่ศรัทธามากที่สุดก็ยังมีความเกรงกลัวพระเป็นเจ้าและยังมีความปรารถนาไม่แรงกล้าเพียงพอที่จะไปสู่สวรรค์ได้  ไฟชำระในระดับนี้เป็นความเจ็บปวดทุกข์ทรมานขั้นสูงสุดในระดับของมรณะสักขีเช่นเดียวกับในระดับอื่นๆ  การถูกกีดกันไม่ได้เห็นพระเยซูเจ้าสุดที่รักของพวกเราเพิ่มเติมความเจ็บปวดทุกข์ทรมานของพวกเราให้สาหัสเข้าไปอีก  มันเป็นมรณะสักขีอย่างต่อเนื่อง  มันทำให้ฉันเจ็บปวดยิ่งกว่าถูกไฟเผาผลาญในไฟชำระเสียอีก  ในสวรรค์ช่างสวยงามยิ่งนัก  มีระยะทางที่ห่างมากระหว่างไฟชำระกับสวรรค์  พวกเราได้รับสิทธิพิเศษในการได้เห็นสวรรค์ชั่วครู่หนึ่ง  ได้เห็นความสุขความชื่นชมยินดีสุดพรรณนา  แต่นั่นเหมือนเป็นการลงโทษด้วย   เพราะทำให้จิตใจของเรากระหายเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เห็นพระเป็นเจ้า  ในสวรรค์เป็นความยินดีที่บริสุทธิ์  ในไฟชำระเป็นความมืดสนิท  โอ ฉันปรารถนาที่จะไปสวรรค์มากเหลือเกิน  ความทุกข์ทรมานและมรณะสักขีอะไรเช่นนี้หนอที่ทำให้เราได้เห็นพระเป็นเจ้า” 
 
*****************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น