ความศรัทธานั้นงดงาม
ในการเป็นผู้มีใจศรัทธา เราต้องไม่เพียงแต่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเป็นเจ้าเท่านั้น แต่เราต้องปฏิบัติตามด้วยจิตใจยินดีอีกด้วย ถ้าหากข้าพเจ้ายังไม่ได้เป็นพระสังฆราช ข้าพเจ้าก็ไม่ปรารถนาที่จะเป็นเลย แต่ข้าพเจ้าก็ได้เป็นพระสังฆราชแล้ว ข้าพเจ้าจึงไม่เพียงแต่ยอมรับที่จะเป็นพระสังฆราชและปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่เท่านั้น ข้าพเจ้ายังต้องยอมรับและปฏิบัติภารกิจด้วยใจยินดีอีกด้วย ข้าพเจ้าต้องเต็มใจและมีใจยินดีในการยอมรับตำแหน่งและภารกิจของพระสังฆราช ลักษณะเช่นนี้เป็นเหมือนคำกล่าวของนักบุญเปาโลที่กล่าวไว้
“ไม่ว่าท่านจะถูกเรียกให้มาอยู่ในสถานภาพอะไรก็ตาม ขอให้ท่านคงอยู่กับพระเป็นเจ้าเสมอ” (1 คร. 7:24)
เราต้องไม่แบกกางเขนของผู้อื่น แต่เราต้องแบกกางเขนของเราเอง และนี่หมายความว่าเราแต่ละคนต้อง “ปฏิเสธตนเอง”
(มธ.16:24) กล่าวคือ
เราต้องปฏิเสธน้ำใจของตนเอง
เรามักถูกประจญทดลองด้วยความคิดว่า
“ฉันต้องการทำสิ่งนี้
ฉันอยากอยู่ที่นั่นมากกว่าที่นี่”
พระเป็นเจ้าทรงทราบดีว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา
ขอให้เราทำตามพระประสงค์ของพระองค์ที่ทรงมีต่อเราเถิด
เราต้องไม่เพียงแต่มีใจศรัทธาและรักในชีวิตศรัทธาเท่านั้น
แต่เราควรทำให้ชีวิตศรัทธาเป็นชีวิตที่สวยงามและมีชีวิตชีวาด้วย
ช่างเป็นความงดงามในการทำให้ชีวิตศรัทธาเป็นเช่นนั้น
และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้อื่น ทำให้พวกเขายอมรับในชีวิตที่ศรัทธาของเรา ความศรัทธาจะทำให้ผู้เจ็บป่วยพึงพอใจเมื่อเขาได้รับความเอาใจใส่ด้วยจิตเมตตาจากท่าน ความศรัทธาจะทำให้ครอบครัวของท่านพึงพอใจ
เมื่อพวกเขาเห็นท่านเอาใจใส่ทำสิ่งที่เป็นความดีสำหรับพวกเขา
โดยการได้เห็นความอ่อนโยนบนใบหน้าของท่านและความเอื้ออาทรจากท่านมากขึ้น ความศรัทธาจะทำให้คู่รักของท่านพึงพอใจ
เมื่อเขาได้รับความอบอุ่นและความรักความห่วงใยจากท่านมากขึ้น
ถ้าหากบิดามารดาและมิตรสหายเห็นท่านเป็นผู้ที่ซื่อตรง มีความเอื้ออาทร
และพร้อมที่จะทำตามความปรารถนาของพวกเขาซึ่งไม่ขัดต่อพระประสงค์ของพระเป็นเจ้า พวกเขาก็จะมองเห็นว่าความศรัทธาของท่านนั้นเป็นสิ่งที่ดีงดงามและน่าทำตามเช่นเดียวกัน
และสิ่งนี้ควรเป็นเป้าหมายของท่านยิ่งทียิ่งมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น