วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ณ.ส่วนบนสุดของไฟชำระ


จาก After Life:

          มีคำกล่าวว่าวันคริสต์มาสในแต่ละปีเป็นเวลาที่วิญญาณในไฟชำระจำนวนมากได้ออกจากไฟชำระ  คำกล่าวนี้มาจากหนังสือ An Unpublished Manuscript on Purgatory 

            ขณะที่วิญญาณผ่านไฟชำระเบื้องล่างขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้น  หลังจากที่อยู่ในระดับต่ำซึ่งวิญญาณถูกชำระล้างด้วยความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานแสนสาหัสแล้ว  วิญญาณก็มาถึงสถานที่ซึ่งไม่มีความทุกข์แต่ก็ยังไม่มีพระเป็นเจ้าสถิตย์อยู่  สถานที่นั้นคล้ายกับสวรรค์

สถานที่นั้นคือไฟชำระแห่งความปรารถนา  สถานที่นี้เป็นส่วนบนสุดเป็นเขตชายแดนธรณีประตูสู่ทางออกของไฟชำระ  วิญญาณมากมายที่เคยเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ มีความรัก  และขยันขันแข็งขณะที่อยู่บนโลก  แต่ได้ทำความผิดและบัดนี้ได้รับการชำระล้างความผิดจนบริสุทธ์แล้วจากไฟชำระเบื้องล่าง  บัดนี้วิญญาณถูกส่งมายังที่นี้  วิญญาณจากเบื้องล่างลอยขึ้นสู่เบื้องบน  เราอาจใช้มโนภาพมองเห็นพวกเขาเป็นสีเทา  ที่แห่งนี้พวกเขาได้รับการเยี่ยมเยือนบ่อยครั้งจากแม่พระ  นักบุญโยเซฟ และนักบุญอัครเทวดามีคาแอล

            สถานที่นั้นมีความสุขมากกว่าความทุกข์โศก  เป็นสถานที่สำหรับชิมลางความสุขล่วงหน้า  จิตวิญญาณเพิ่งได้รับความสวยงามขึ้นมาใหม่

            ตลอดชีวิตของเรา  เราจะไม่เคยเห็นความสวยงามเช่นนี้มาก่อนเลย  เราจะได้รับสิ่งนี้เมื่อเราเข้าใกล้สรวงสวรรค์

            แต่มันก็ยังไม่ใช่สวรรค์  ยังคงมีการชำระล้างให้บริสุทธิ์อยู่  เป็นการชำระด้วยความปรารถนาอย่างยิ่งยวดที่จะได้เห็นและได้อยู่กับพระเป็นเจ้า  แต่ความสวยงามบังเกิดขึ้นเพราะวิญญาณได้เห็นโลกของจิตวิญญาณ  พวกเขาได้เห็นเหล่าทูตสวรรค์ทั้งหลาย  ได้ยินพระสุรเสียงของพระเยซูคริสตเจ้าในบางครั้ง  พวกเขาได้รับความรู้เกี่ยวกับชีวิตหลังความตายและแม้แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลก  พวกเขาได้รับอนุญาตให้เห็นและรู้ในลักษณะเหมือนกับผ้าม่านที่ถูกม้วนขึ้น  ผ้าม่านที่กั้นระหว่างสองโลกและพระเป็นเจ้าทรงประทานพระหรรษทานให้พวกเขาได้เห็นสิ่งที่อยู่เหนือกาลเวลาและสถานที่

            ในหนังสือชื่อ Treatise on the Purgatory of St. Patrick นักพรตซิสเตอร์เซียนนามว่า H. of Sawtry ได้เล่าเรื่องนิมิตของอัศวินที่ชื่อ โอเวน  เขาได้เห็นสถานที่เต็มไปด้วยดอกไม้  ผลไม้  และทุ่งหญ้าที่มีกลิ่นหอมอบอวล เป็นกลิ่นหอมที่เขารู้สึกว่าจะทำให้เขามีชีวิตอยู่ตลอดไป

            มันเป็นไฟชำระเบื้องบน  ไม่มีกลางคืน  ไม่มีความร้อน ไม่มีความหนาวเย็น

            ที่นี่วิญญาณจะได้เรียนรู้บทเรียนสุดท้าย  ความอดทนครั้งสุดท้ายจะถูกชำระล้าง  โมหะสุดท้ายจะถูกกำจัดออกไป  มลทินที่เล็กน้อยที่สุดของความลุ่มหลงและโทสะและโลภะจะถูกแทนที่ด้วยความรักอันเต็มบริบูรณ์

            ยิ่งวิญญาณรักพระเป็นเจ้ามากเพียงไร  วิญญาณยิ่งรักผู้อื่นมากขึ้นเพียงนั้น  ยิ่งสวยงามมากขึ้น  ยิ่งบริสุทธิ์มากขึ้น  และยิ่งส่องรัศมีเจิดจรัสมากขึ้นเพียงนั้น  ดินแดนสุดท้ายเป็นสถานที่ที่ทำให้ความตายดูอ่อนโยนนุ่มนวล  “เมื่อมองดูในแสงสว่างของพระเป็นเจ้า ความตายกลายเป็นสิ่งที่อ่อนหวาน” Father Alessio Parente  เขียนไว้เช่นนี้ “มันไม่ใช่เวลาสายันณ์ที่เศร้าหมอง  แต่เป็นรุ่งอรุณที่สวยงาม  เป็นการกรุยทางสู่ชีวิตนิรันดรกับพระเป็นเจ้า  เมื่อดวงใจเต็มเปี่ยมด้วยพระเป็นเจ้า  ความตายก็ไม่น่ากลัวอีกเลย  แต่มันกลายเป็นความเอาใจใส่อันอ่อนหวาน  มันคือความเอาใจใส่ของพระเป็นเจ้า   ขณะที่พระองค์ทรงต้อนรับสิ่งสร้างของพระองค์”

            ที่ส่วนบนสุดของไฟชำระนี้  เป็นส่วนที่สูงที่สุด  สิ่งแวดล้อมทั้งหลายดูคล้ายสวรรค์  ยังคงมีความเจ็บปวดอยู่บ้างแต่มันก็เต็มไปด้วยสันติ  ความบรรเทา และความสวยงาม  ไม่ต้องสงสัยเลยว่า  บุคคลที่ศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก  ผู้ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการชำระล้างเพียงเล็กน้อย  จะถูกชำระล้าง ณ. ที่แห่งนี้  ความรักนั้นบริสุทธิ์  และสำหรับสวรรค์แล้วต้องมีความรักที่บริสุทธิ์เท่านั้น

            ที่ระดับสูงสุดนี้วิญญาณอาจจะติดต่อสื่อสารได้อย่างรวดเร็วและสวดภาวนาได้โดยใช้ความพยายามไม่มากนัก  ซึ่งแตกต่างจากเมื่ออยู่ในระดับที่ต่ำกว่านี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น