พระศาสนจักรถือว่าท่านเป็นแบบฉบับของผู้นำความเชื่ออย่างเหมาะสมยิ่ง
เพราะท่านเป็นสตรีที่ให้ความรักต่อพระคริสตเจ้า
และได้รับความรักอย่างยิ่งจากพระองค์
จนนักบุญเกรโกรีผู้ยิ่งใหญ่เคยเรียกท่านว่า “พยานแห่งพระเมตตาของพระเจ้า” ส่วนนักบุญโทมัส อไควนัก ยังเรียกท่านว่า “อัครสาวกของบรรดาอัครสาวก”
จึงถือว่าท่านเป็นแบบฉบับศาสนบริการของสตรีในพระศาสนจักร
ด้วยเหตุนี้พระสันตปาปาฟรังซิส
จึงทรงกำหนดให้ปฏิทินจารีตโรมันมีการาเฉลิมฉลองของนักบุญมารีย์ มักดาลา
ตั้งแต่นี้ไปจะต้องจัดอยู่ในขั้น “วันฉลอง”(Festum) แทนที่จะเป็นเพียง “การระลึกถึง” (Memoria)
ดังที่ปฏิบัติอยู่ในปัจจุบัน
แต่กระนั้นก็ดี
การฉลองนักบุญมารีย์ ชาวมักดาลา
ยังคงเป็นวันเดิมตามที่กำหนดในปฏิทินจารีตโรมัน คือวันที่ 22
กรกฏาคมเช่นเดิม นี่เป็นประกาศจากสมณกระทรวงพิธีกรรม และศีลศักดิ์สิทธิ์ กฤษฏีกานี้ออกเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2016 วันสมโภชพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า
เธอถูกเรียกว่า “ผู้สำนึกผิด” น. มารีย์ได้ชื่อว่า “มักดาเลน”
ทั้งๆที่เป็นสตรีชาวยิว
เพราะเธออาศัยอยู่ที่เมืองของผู้ที่ไม่ใช่ชาวยิว ในเมืองชื่อ “มักดาลา”
ซึ่งอยู่ทางเหนือของกาลีลี
อีกทั้งกิริยาท่าทีของเธอก็เหมือนกับผู้ที่ไม่ใช่ชาวยิว น.ลูกาได้บันทึกในพระวรสารของท่านว่า มารีย์เป็นคนบาปหนาและมีปีศาจสิงถึง 7
ตนซึ่งถูกพระเยซูเจ้ากำจัดออกไปจากตัวเธอ
เธอปรากฏตัวอยู่ในการตรึงกางเขนของพระเยซูเจ้า และอยู่กับโจอันนาและมารีย์มารดาของยากอบและซาโลเมที่พระคูหาอันว่างเปล่าของพระเยซูเจ้าด้วย 14 ปีหลังจากที่พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์และกลับฟื้นคืนพระชนม์ มารีย์ชาวมักดาลาพร้อมกับลาซาลัสและมาร์ธา
น.แมกซีมิน (ผู้ที่ล้างบาปให้มารีย์) น.สิโดนีอุส(“ผู้ที่เกิดมาตาบอด)
หญิงรับใช้ของมารีย์ ได้ลงเรือที่ไม่มีหางเสือและไม่มีใบพาย พวกเขานำร่างที่เสียชีวิตของ น.อันนา
มารดาของพระนางมารีย์ไปด้วย เรือของพวกเขาแล่นออกไปทางทะเล โดยอาศัยลมและกระแสน้ำไหล เรือก็ไปขึ้นที่ชายฝั่งทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ที่นี่เอง มารีย์ชาวมักดาลาใช้เวลาที่เหลือของชีวิตในการรำพึงไตร่ตรองที่ถ้ำแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า
Sainte-Baume ธรรมประเพณีกล่าวว่า
เธอได้รับศีลมหาสนิททุกวันโดยมีทูตสวรรค์องค์หนึ่งนำมาให้เป็นอาหารประจำวัน เธอเสียชีวิตเมื่ออายุ 72 ปี ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตไม่นาน เธอได้ถูกย้ายไปอยู่ที่โบสถ์น้อย chapel
of St. Maximin อย่างอัศจรรย์ ที่นั่นเธอได้รับศีลศักดิ์สิทธิ์สุดท้ายของผู้ตาย
มารีย์ชาวมักดาลาเป็นคนบาป เมื่อเธอพบกับพระเยซูเจ้าเป็นครั้งแรก เธอเป็นคนสวยและเย่อหยิ่ง แต่หลังจากพบกับพระเยซูเจ้าแล้ว เธอรู้สึกเป็นทุกข์เสียใจกับการดำเนินชีวิตในบาปของเธอ และเมื่อพระเยซูเจ้าทรงประทับทานอาหารที่บ้านของซีโมนเศรษฐี มารีย์ได้เข้ามาหาด้วยน้ำตา เธอร้องไห้แทบพระบาทของพระเยซูเจ้า ใช้น้ำหอมราคาแพงชโลมพระบาทแล้วเอาผมที่สวยงามของเธอเช็ดพระบาทและจูบพระบาทของพระองค์ ผู้คนที่นั่นได้เห็นและประหลาดใจ พวกเขารู้ว่ามารีย์เป็นหญิงคนบาป และพระเยซูเจ้าทรงยอมให้เธอสัมผัสพระองค์ แต่พระเยซูเจ้าทรงเห็นในหัวใจของมารีย์ พระองค์ตรัสว่า “บาปมากมายของเธอได้รับการอภัยแล้ว เพราะเธอมีความรักมากมาย” แล้วพระองค์ตรัสกับมารีย์ว่า “ความเชื่อช่วยให้เธอได้รอด จงไปในสันติสุขเถิด” ตั้งแต่บัดนั้น มารีย์และสตรีใจศรัทธาคนอื่นก็รับใช้พระเยซูเจ้าและบรรดาอัครสาวก เมื่อพระเยซูเจ้าถูกตรึงกางเขน มารีย์ก็อยู่ที่นั่นโดยไม่หวาดกลัว เธอคิดถึงแต่ความทุกข์ทรมานของพระองค์เท่านั้น เมื่อเขาฝังพระศพไว้ในคูหา วันรุ่งขึ้นมารีย์ได้มาที่พระคูหาพร้อมกับน้ำหอมเพื่อชโลมพระศพ แต่พบว่าพระคูหาว่างเปล่า พระศพไม่อยู่แล้ว เธอจึงร้องไห้ เธอเห็นชายผู้หนึ่งซึ่งเธอคิดว่าเป็นชาวสวน
จึงถามว่าพวกเขานำพระศพของพระอาจารย์ไปไว้ที่ไหนแล้ว แต่เมื่อชายผู้นั้นเอ่ยวาจาด้วยเสียงที่เธอคุ้นเคย
“มารีย์” เป็นพระเยซูเจ้าเอง พระองค์กลับฟื้นคืนพระชนม์แล้ว พระเยซูเจ้าทรงเลือกที่จะปรากฏพระกายแก่มารีย์ชาวมักดาลาผู้เป็นคนบาปเพื่อให้เธอเป็นผู้แจ้งสาส์นการกลับคืนชีพของพระองค์แก่อัครสาวกได้ทราบ
*********************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น