วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2559

นักบุญมารีย์ ชาวมักดาลา

               พระศาสนจักรถือว่าท่านเป็นแบบฉบับของผู้นำความเชื่ออย่างเหมาะสมยิ่ง เพราะท่านเป็นสตรีที่ให้ความรักต่อพระคริสตเจ้า และได้รับความรักอย่างยิ่งจากพระองค์  จนนักบุญเกรโกรีผู้ยิ่งใหญ่เคยเรียกท่านว่า “พยานแห่งพระเมตตาของพระเจ้า”  ส่วนนักบุญโทมัส อไควนัก ยังเรียกท่านว่า “อัครสาวกของบรรดาอัครสาวก”  จึงถือว่าท่านเป็นแบบฉบับศาสนบริการของสตรีในพระศาสนจักร

            ด้วยเหตุนี้พระสันตปาปาฟรังซิส จึงทรงกำหนดให้ปฏิทินจารีตโรมันมีการาเฉลิมฉลองของนักบุญมารีย์  มักดาลา  ตั้งแต่นี้ไปจะต้องจัดอยู่ในขั้น “วันฉลอง”(Festum) แทนที่จะเป็นเพียง “การระลึกถึง” (Memoria) ดังที่ปฏิบัติอยู่ในปัจจุบัน  แต่กระนั้นก็ดี  การฉลองนักบุญมารีย์ ชาวมักดาลา  ยังคงเป็นวันเดิมตามที่กำหนดในปฏิทินจารีตโรมัน คือวันที่ 22 กรกฏาคมเช่นเดิม นี่เป็นประกาศจากสมณกระทรวงพิธีกรรม และศีลศักดิ์สิทธิ์  กฤษฏีกานี้ออกเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2016  วันสมโภชพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า

เธอถูกเรียกว่า “ผู้สำนึกผิด”  น. มารีย์ได้ชื่อว่า “มักดาเลน” ทั้งๆที่เป็นสตรีชาวยิว  เพราะเธออาศัยอยู่ที่เมืองของผู้ที่ไม่ใช่ชาวยิว  ในเมืองชื่อ “มักดาลา” ซึ่งอยู่ทางเหนือของกาลีลี  อีกทั้งกิริยาท่าทีของเธอก็เหมือนกับผู้ที่ไม่ใช่ชาวยิว  น.ลูกาได้บันทึกในพระวรสารของท่านว่า  มารีย์เป็นคนบาปหนาและมีปีศาจสิงถึง 7 ตนซึ่งถูกพระเยซูเจ้ากำจัดออกไปจากตัวเธอ  เธอปรากฏตัวอยู่ในการตรึงกางเขนของพระเยซูเจ้า  และอยู่กับโจอันนาและมารีย์มารดาของยากอบและซาโลเมที่พระคูหาอันว่างเปล่าของพระเยซูเจ้าด้วย  14 ปีหลังจากที่พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์และกลับฟื้นคืนพระชนม์  มารีย์ชาวมักดาลาพร้อมกับลาซาลัสและมาร์ธา น.แมกซีมิน (ผู้ที่ล้างบาปให้มารีย์) น.สิโดนีอุส(“ผู้ที่เกิดมาตาบอด) หญิงรับใช้ของมารีย์ ได้ลงเรือที่ไม่มีหางเสือและไม่มีใบพาย  พวกเขานำร่างที่เสียชีวิตของ น.อันนา มารดาของพระนางมารีย์ไปด้วย  เรือของพวกเขาแล่นออกไปทางทะเล  โดยอาศัยลมและกระแสน้ำไหล  เรือก็ไปขึ้นที่ชายฝั่งทางตอนใต้ของฝรั่งเศส  ที่นี่เอง มารีย์ชาวมักดาลาใช้เวลาที่เหลือของชีวิตในการรำพึงไตร่ตรองที่ถ้ำแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า Sainte-Baume  ธรรมประเพณีกล่าวว่า เธอได้รับศีลมหาสนิททุกวันโดยมีทูตสวรรค์องค์หนึ่งนำมาให้เป็นอาหารประจำวัน  เธอเสียชีวิตเมื่ออายุ 72 ปี  ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตไม่นาน  เธอได้ถูกย้ายไปอยู่ที่โบสถ์น้อย chapel of St. Maximin อย่างอัศจรรย์  ที่นั่นเธอได้รับศีลศักดิ์สิทธิ์สุดท้ายของผู้ตาย
 
 มารีย์ชาวมักดาลาเป็นคนบาป  เมื่อเธอพบกับพระเยซูเจ้าเป็นครั้งแรก  เธอเป็นคนสวยและเย่อหยิ่ง  แต่หลังจากพบกับพระเยซูเจ้าแล้ว  เธอรู้สึกเป็นทุกข์เสียใจกับการดำเนินชีวิตในบาปของเธอ  และเมื่อพระเยซูเจ้าทรงประทับทานอาหารที่บ้านของซีโมนเศรษฐี  มารีย์ได้เข้ามาหาด้วยน้ำตา  เธอร้องไห้แทบพระบาทของพระเยซูเจ้า  ใช้น้ำหอมราคาแพงชโลมพระบาทแล้วเอาผมที่สวยงามของเธอเช็ดพระบาทและจูบพระบาทของพระองค์  ผู้คนที่นั่นได้เห็นและประหลาดใจ  พวกเขารู้ว่ามารีย์เป็นหญิงคนบาป  และพระเยซูเจ้าทรงยอมให้เธอสัมผัสพระองค์  แต่พระเยซูเจ้าทรงเห็นในหัวใจของมารีย์  พระองค์ตรัสว่า “บาปมากมายของเธอได้รับการอภัยแล้ว  เพราะเธอมีความรักมากมาย”  แล้วพระองค์ตรัสกับมารีย์ว่า “ความเชื่อช่วยให้เธอได้รอด  จงไปในสันติสุขเถิด”  ตั้งแต่บัดนั้น  มารีย์และสตรีใจศรัทธาคนอื่นก็รับใช้พระเยซูเจ้าและบรรดาอัครสาวก   เมื่อพระเยซูเจ้าถูกตรึงกางเขน  มารีย์ก็อยู่ที่นั่นโดยไม่หวาดกลัว  เธอคิดถึงแต่ความทุกข์ทรมานของพระองค์เท่านั้น  เมื่อเขาฝังพระศพไว้ในคูหา  วันรุ่งขึ้นมารีย์ได้มาที่พระคูหาพร้อมกับน้ำหอมเพื่อชโลมพระศพ  แต่พบว่าพระคูหาว่างเปล่า  พระศพไม่อยู่แล้ว   เธอจึงร้องไห้  เธอเห็นชายผู้หนึ่งซึ่งเธอคิดว่าเป็นชาวสวน  จึงถามว่าพวกเขานำพระศพของพระอาจารย์ไปไว้ที่ไหนแล้ว  แต่เมื่อชายผู้นั้นเอ่ยวาจาด้วยเสียงที่เธอคุ้นเคย “มารีย์”  เป็นพระเยซูเจ้าเอง  พระองค์กลับฟื้นคืนพระชนม์แล้ว  พระเยซูเจ้าทรงเลือกที่จะปรากฏพระกายแก่มารีย์ชาวมักดาลาผู้เป็นคนบาปเพื่อให้เธอเป็นผู้แจ้งสาส์นการกลับคืนชีพของพระองค์แก่อัครสาวกได้ทราบ

 *********************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น