วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2559

อาสนวิหารนักบุญอัครเทวดามีคาแอล ในเม็กซิโก

 
เราได้ไปเยี่ยมอาสนวิหารที่สร้างอุทิศแด่ท่านนักบุญอัครเทวดามีคาแอล ในเม็กซิโก  เป็นอาสนวิหารใหญ่ 1 ใน 3 ของอาสนวิหารของโลกที่สร้างอุทิศแด่ท่านนักบุญองค์นี้ (มีที่อิตาลีอยู่ใกล้ซานจีโอวานนี  และอีกแห่งอยู่ที่เกาะนอกประเทศฝรั่งเศา)

            มีเสียงดังสนั่นของดอกไม้ไฟขณะที่เราอยู่ในพิธีมิสซา
            มีบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ที่กล่าวว่าเกิดอัศจรรย์รักษาโรค
            ดวงอาทิตย์ส่องสว่างที่ไม่ปกตินัก
            และมีสตรีคนหนึ่งที่ส่งเสียงคำรามในคอต่อหน้าพวกเราที่มาแสวงบุญ (เธออาจถูกผีสิงหรืออาจป่วย)
            ภูเขาไฟลูกหนึ่งส่งควันและไอน้ำออกมา

อาสนวิหารในเม็กซิโกนี้อยู่ที่ Navitas ในรัฐ Tlaxcala  ห่างจากเมืองหลวงเม็กซิโกซิตี้ประมาณสองชั่วโมงครึ่ง  การจุดพลุเป็นส่วนหนึ่งของงานฉลอง (9/11/16) วันฉลองคือวันที่ 29 ก.ย.พวกเขาฉลองกันหนึ่งสัปดาห์

นักบุญอัครเทวดามีคาแอลได้ประจักษ์มาในปี 1631 (หนึ่งร้อยปีหลังจากการประจักษ์ของแม่พระที่กัวดาลูเป)  แก่เด็กชายอายุ 17 ปี ชื่อ ดิเอโก ลาซาโร เดอ ฟรังซิสโก Diego Lazaro de San Francisco  เวลานั้นเขากำลังเดินแห่เพื่อวิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระเป็นเจ้าเนื่องจากเกิดโรคระบาดอย่างหนักในเวลานั้น

เมื่อนักบุญอัครเทวดามีคาแอลประจักษ์มา (ได้รับการรับรองจากพระศาสนจักรแล้ว) ท่านกล่าวว่า

            “ขอให้เธอรู้ว่า  เราคือนักบุญอัครเทวดามีคาแอล  และเรามาเพื่อบอกเธอว่า  เป็นพระประสงค์ของพระเป็นเจ้า  และเป็นความต้องการของเราที่จะแจ้งแก่ผู้อาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้  และทุกๆแห่งทั่วโลกว่า  บริเวณใกล้หุบเขาระหว่างเทือกเขาสองลูก  เธอจะพบน้ำพุอัศจรรย์ที่จะรักษาประชาชนจากความเจ็บป่วยได้ 
เธอจะพบมันอยู่ข้างใต้ก้อนหินใหญ่  จงอย่าสงสัยในสิ่งที่เราบอกเธอเลย  และจงอย่าปฏิเสธในเรื่องที่เราจะส่งเธอไปทำ”
แต่เด็กชายผู้นั้นยังคงสงสัยไม่เชื่อและไม่ทำตามคำของนักบุญอัครเทวดามีคาแอล  เขาได้ล้มป่วยลงเช่นเดียวกัน  และท่านมีคาแอลได้ประจักษ์มาอีกครั้งหนึ่ง

ดีเอโกเล่าว่า  “ท่านอัครเทวดาได้นำผมไปยังสถานที่ที่ท่านบอกแก่ผมเมื่อก่อนหน้านี้  ท่านนักบุญมีคาแอลนำหน้าผมไปในค่ำคืนอันมืดมิด  และทุกสิ่งก็สว่างขึ้นในเวลาที่ท่านผ่านมันไปเหมือนกับเป็นเวลากลางวัน  หินผาและพุ่มไม้แยกออกเมื่อท่านผ่านไป  เปิดหนทางสะดวกสำหรับเรา  เมื่อเราเข้าใกล้จุดดังกล่าว  ผมเห็นนักบุญอัครเทวดามีคาแอลถือไม้เท้าทองคำซึ่งมีกางเขนอยู่ที่ยอด"
นักบุญอัครเทวดามีคาแอลกล่าวว่า

“บริเวณที่เราใช้ไม้เท้านี้สัมผัส  เธอจะเห็นน้ำพุอัศจรรย์ไหลออกมา  ซึ่งเราได้บอกเธอไว้แล้วในเวลาที่เธอเดินแห่”

“จงบอกทุกคนให้รู้ว่าความเจ็บป่วยของเธอนั้นเป็นผลมาจากความไม่เชื่อฟังของเธอ”

ดิเอโกเล่าต่อไปว่า “เมื่อท่านพูดเสร็จแล้ว  มีลมหมุนพัดมาและมีเสียงคำรามโอดโอยและคร่ำครวญดังจากลมหมุนนั้น  เหมือนกับมีฝูงคนจำนวนมากกำลังถูกขับไล่ไปจากสถานที่แห่งนั้น  ผมตัวสั่นสะท้านด้วยความกลัว  สำหรับผมมันดูเหมือนเทือกเขาทุกลูกจะพังถล่มลงมาทับบนตัวผม”

นักบุญอัครเทวดามีคาแอลพูดว่า “จงอย่ากลัว  นี่เป็นเสียงที่ปีศาจทำขึ้น  ปีศาจที่เป็นศัตรูของพวกเธอ  เพราะพวกมันรู้ถึงคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของการที่เราเข้ามาแทรกแซงช่วยเหลือผู้ที่มีความเชื่อ  พวกเขาจะได้รับประโยชน์ในสถานที่แห่งนี้ซึ่งเป็นของประทานจากพระเยซูเจ้า หลายๆคนที่ได้เห็นผลงานอันมหัศจรรย์ที่นี่จะกลับใจและทำกิจใช้โทษบาปของพวกเขา  แล้วทุกคนจะขอบพระคุณพระเป็นเจ้าสำหรับพระเมตตาของพระองค์  ผู้ที่เข้ามาที่น้ำพุนี้ด้วยความเชื่อแท้จริงและด้วยความทุกข์ในบาปของพวกเขา  โดยอาศัยน้ำจากน้ำพุนี้  พวกเขาจะได้รับการเยียวยาจากโรคภัย  ความทุกข์และความขัดสน  ส่วนผู้ใกล้ตายจะได้รับความบรรเทาใจจากน้ำพุนี้”

และก็เป็นไปตามนั้น  น้ำพุรักษาโรคซึ่งนักบุญอัครเทวดามีคาแอลนำมาให้ถูกค้นพบเมื่อมีชาวบ้านบริเวณนั้นเห็นแสงสว่างที่แผ่กระจายออกมาจากผู้แปลกหน้า--ชาวบ้านช่วยกันเคลื่อนย้ายก้อนหินและได้พบน้ำพุ

เมื่อพวกเรามาเยี่ยมที่นี่และร่วมพิธีมิสซาเฉลิมฉลองโดยมีพระสงฆ์ร่วมทางมาด้วยคือ Father David Trujillo, of the Salt Lake City เมื่อพิธีเสร็จสิ้น  คุณพ่อเดวิดได้แจ้งแก่พวกเราว่า  ก่อนที่จะเริ่มพิธีมีสตรีสองคนมาหาท่านและขอให้ท่านอวยพรเพื่อนของพวกเขาซึ่งเป็นสตรีคนที่สามซึ่งมากับพวกเขาด้วย  เธอมีอาการตาลอยและไม่ค่อยปกติ  คุณพ่อเดวิดเพิ่งบวชเมื่อปีที่แล้วได้ปิดตาของท่านและเริ่มต้นสวดภาวนาตามที่ท่านเคยทำ  แล้วท่านก็ได้ยินเสียงคำราม 

  “ผมเปิดตาขึ้นมองหาสุนัข” ท่านอธิบาย “เพราะผมคิดว่าคงมีสุนัขคำรามอยู่แถวนั้น  มันเป็นเสียงสุนัขแน่”

    แต่ไม่มีสุนัขอยู่ที่นั่น

    คุณพ่อเห็นแต่สตรีที่อาการไม่ปกติคนนั้น (อายุประมาณ 30 ปี)  เธอกำลังจ้องเขม็งมาที่ท่านและคำรามใส่ท่าน

    เมื่อคุณพ่อเริ่มอวยพรสตรีคนนั้น  เธอก็ห่อตัวต่ำลงเหมือนกำลังปกป้องตัวเอง

       มีผู้ช่วยพิธีกรรมสองคนนำน้ำศักดิ์สิทธิ์มาให้ซึ่งคุณพ่อได้ใช้พรมบนตัวของสตรีคนนั้น  มันเหมือนกับเป็นสงครามภายในจิตใจสำหรับพระสงฆ์หนุ่มผู้นี้  (ในภายหลังเพื่อนของสตรีผู้นี้ได้มาขอบคุณคุณพ่อและจูบมือที่ใช้อวยพรของท่านด้วย)

เหตุการณ์นี้ทำให้พวกเราได้รู้ถึงอำนาจของท่านนักบุญอัครเทวดามีคาแอล  เรายังจำได้ดีถึงเหตุการณ์เมื่อเราไปที่ถ้ำของท่านนักบุญอัครเทวดามีคาแอลใน
อิตาลี (อยู่ที่ Monte Gargano, ใกล้กับ San Giovanni)  -- ที่นั่นมีสตรีวัยรุ่นที่ดูเหมือนจะถูกผีสิงร้องคร่ำครวญขณะที่พระสงฆ์สวดภาวนาเหนือเธอ  น่าประหลาดใจที่อาสนวิหารของท่านนักบุญทำสิ่งเหล่านี้คือการปลดปล่อยคนที่ถูกผีสิงให้เป็นอิสระ และกำจัดโรคระบาดให้หมดสิ้นไป  เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่กรุงโรมในระหว่างรัชสมัยของพระสันตปาปาเกรโกรรี่เดอะเกรธ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น