วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ส่วนล่างสุดของไฟขำระ


           เราเคยพูดถึงส่วนบนสุดของไฟชำระมาแล้ว (ดูได้ที่นี่)  คราวนี้เราจะพูดถึงส่วนล่างสุดของไฟชำระ-นั่นก็คือก้นบึ้งของไฟชำระนั่นเอง  มันจะทุกข์ทรมานมากสักเพียงไร  อย่างไรก็ตาม วิญญาณที่อยู่ที่นั่นก็ได้รับความรอดแล้ว  สักวันหนึ่งพวกเขาจะได้ขึ้นสู่สวรรค์  ที่นั่นไม่ใช่นรก  ในไฟชำระมีระดับต่างๆหลายระดับ  อาจมีนับไม่ถ้วนเลยก็ได้

             แต่ที่กันบึ้งนี้มันมืดมนอนธการ  ให้เราสวดภาวนาเพื่อวิญญาณเหล่านั้นเถิด  สวดทุกวัน  โดยเฉพาะวิญญาณที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด

ความมืดปกคลุมไปทั่วทุกแห่งหนและแปรรูปเป็นเครื่องจองจำเท้าของผู้ทีอยู่ในนั้นในฐานะนักโทษ  สตรีผู้หนึ่งชื่อ Angie Fenimore ผู้ซึ่งพยายามฆ่าตัวตายได้บรรยายถึงความมืดนี้ว่ามันมืดทึบมากจนสัมผัสได้และ “มีชีวิตอยู่ที่นั่น  ชีวิตที่มีความฉลาดในทางที่ไม่ดีเป็นอย่างยิ่ง  อาจเป็นได้ถึงความชั่วช้าสามานย์เลยทีเดียว”

“ทุกคนที่ฉันได้เห็นสวมใส่เสื้อคลุมสกปรกสีขาว” เธอเล่าต่อไปในหนังสือเกี่ยวกับประสพการณ์ใกล้ตายซึ่งเธอเขียน Beyond the Darkness “เสื้อของบางคนเปรอะเปื้อนด้วยดินโคลนเต็มไปหมด  แต่ของบางคนก็เปรอะเปื้อนเพียงเล็กน้อย  คนที่นั่งอยู่ข้างๆฉันเป็นผู้ชายดูมีอายุราวๆ 60 ปี  ผมของเขาเป็นสีเทา  และด้วยวิธีการบางอย่างทำให้ฉันรู้ว่าตาของเขาเป็นสีฟ้า ถึงแม้ว่าทุกอย่างที่นี่จะปรากฏเป็นสีดำและสีเทา 

ตาของชายคนนี้เหม่อลอยไร้สติ  เขานั่งยองๆบนพื้นดินสวมเสื้อคลุมสีขาวสกปรก  เขาไม่มีสง่าราศีเลย ดูไม่น่าสงสารเลยสักนิด  ฉันรู้ว่าเขาต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป  ฉันแน่ใจว่าชายผู้นี้ได้ฆ่าตัวตาย  จากเสื้อผ้าของเขา ฉันคิดว่าเขาคงมีชีวิตบนโลกในสมัยของพระเยซูคริสต์  ฉันสงสัยว่าเขาจะเป็นยูดาส อิสคารีโอท  ผู้ทรยศต่อองค์พระผู้ไถ่และได้แขวนคอตาย  ฉันรู้สึกละอายใจที่คิดเช่นนี้ต่อหน้าเขาและเขาได้ยินความคิดของฉัน”

แองจี้เล่าต่อว่า “ฉันได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ คำว่า”ไฟชำระ” (ถึงแม้เธอจะเป็นโปรแตสแตนท์)

ที่ชายขอบของอเวจีของไฟชำระและบรรดาวิญญาณทั้งหลายที่อยู่ที่นั่น  พวกเขากำลังเพ่งพิจารณาชีวิตทั้งหมดของเขาที่ผ่านมาในท่ามกลางความมืดมิดที่แผ่กระจายอยู่

“พวกเขาเหมือนน้ำมันที่ลอยอยู่เหนือน้ำ  เป็นชั้นของจิตวิญญาณแห่งแสงสว่างที่ลอยอยู่เหนือแผ่นชั้นของความมืดมนที่นิ่งสงบ  ล่องลอยไปมาอยู่ในนั้น  วิญญาณที่เพิ่งเสียชีวิตมาใหม่ๆถูกสวมด้วยเสื้อคลุมสีขาวแต่มันสกปรกมาก  เหมือนกับผู้ย้ำเท้าในความเงียบ  วิญญาณเหล่านี้เคลิบเคลิ้มและลอยไปสู่ความมืดมิด แขนติดอยู่กับร่างกาย  นัยน์ตาของพวกเขาไม่แสดงความรู้สึกอะไรเลยและจ้องมองไปในความว่างเปล่า”

 “พวกเขามาจากวิถีทางเดียวกันกับที่ฉันมา  ไร้สติและไม่มีความหวังในชีวิตซึ่งทำให้เขาตกอยู่ในความตายอย่างแท้จริง  วิญญาณไปอยู่เต็มด้านหลังของคุกนี้ขณะที่ความมืดมิดขยายออกเพื่อรวบรวมพวกเขา  ช่างน่าเศร้าเสียจริง  พวกเขายังอายุน้อยและต้องจบชีวิตลง  ขณะที่ฉันมองดูพวกเขา  ยังมีคนที่ตกลงมาอีกนับสิบ  ฉันได้ยินเสียงบอกฉันว่า พวกเราส่วนใหญ่ที่ตายในตอนนี้กำลังจะไปสู่สถานที่แห่งความมืดมิด

 “นรก, เมื่อพูดในมุมมองของสถานะของจิตใจ  เมื่อเราตาย  เราจะยึดติดอยู่กับสิ่งที่เราคิด  ทางด้านร่างกายยิ่งความคิดของเราเข้มข้น  เรายิ่งยึดติดกับมัน  ซึ่งทำให้ความมืดมิดก่อตัวขึ้นในคนอื่นๆและในตัวเราเอง  มันเป็นที่น่าสะอิดสะเอียนจริงๆ  ฉันได้ไปอยู่ในนรกเป็นเวลานานก่อนที่ฉันจะตายเสียอีก  และฉันไม่ตระหนักรู้เลยเพราะฉันคอยแต่หนีตัวเองและสถานการณ์แวดล้อมจนกระทั่งมาถึงจุดที่ฉันฆ่าตัวตาย  เมื่อฉันตายไปแล้ว  สถานะทางจิตใจที่เลวร้ายก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นเพราะเราได้มาอยู่รวมกับคนอื่นๆที่มีความคิดเช่นเดียวกับเรา”

จากคำสารภาพของผู้มีประสบการณ์ใกล้ตายที่เล่าว่า ในไฟชำระดูเหมือนเป็นอุโมงค์ที่มีสาขามากมายและวิญญาณที่อยู่ในนั้นเป็น “วิญญาณที่มีจิตใจสับสนวุ่นวาย”

นอกจากนี้ยังมี”คุกใต้ดิน”ในไฟชำระซึ่งมีคำบรรยายไว้ว่าเป็นสถานใหญ่โตที่เป็นสีเทา  เป็นสถานที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานอันเหลือจะเข้าใจได้  มันเป็นสถานที่ที่ไม่มีพระเป็นเจ้า  มันเป็นสีเทาและเป็นขี้เถ้า – ขี้เถ้าของบาป

ซิสเตอร์ผู้หนึ่งซึ่งเสียชีวิตในราวศตวรรษที่ 19 และวิญญาณของเธอได้ปรากฏมาและเล่าเรื่องไฟชำระให้เพื่อนคนหนึ่งของเธอฟังและได้มีการจดบันทึกไว้ในหนังสือ An Unpublished Manuscript on Purgatory. ได้เขียนไว้ดังนี้ “ฉันจะเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับระดับชั้นต่างๆของไฟชำระเพราะฉันได้ผ่านมันมาทั้งหมดแล้ว  ในไฟชำระนี้มีระดับชั้นมากมาย  ระดับที่ต่ำที่สุดมีความเจ็บปวดมากที่สุด  มันเหมือนกับนรกชั่วคราว  เป็นที่อยู่ของวิญญาณคนบาปซึ่งได้ทำอาชญากรรมที่เลวร้ายในระหว่างที่มีชีวิตอยู่บนโลกและความตายทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจที่ได้มาอยู่ในสถานที่นี้  มันเกือบจะเป็นอัศจรรย์เลยทีเดียวที่พวกเขาได้รับความรอด  บ่อยครั้งเป็นเพราะคำสวดภาวนาของพ่อแม่ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพวกขาหรือจากวิญญาณใจศรัทธาอื่นๆ

 “บางครั้งเป็นเพราะพวกเขาไม่มีเวลาที่จะไปสารภาพบาปและโลกคิดว่าพวกเขาได้สูญเสียไปแล้ว  แต่พระเป็นเจ้าผู้ทรงมีพระทัยเมตตาหาที่สุดมิได้  ทรงประทานพระคุณการุณย์ที่จำเป็นแก่พวกเขาขณะที่กำลังจะตายเพื่อความรอดของพวกเขาตามการกระทำที่ดีอย่างหนึ่งหรือมากกว่านั้นที่พวกเขาเคยกระทำในระหว่างที่มีชีวิตอยู่  สำหรับวิญญาณเหล่านี้  ไฟชำระเป็นความทุกข์ทรมานแสนสาหัส  มันเป็นนรกอย่างแท้จริงแต่มีความแตกต่างกันคือ  ในนรกมีเสียงสาปแช่งพระเป็นเจ้าดังระงม  แต่ที่กันบึ้งของไฟชำระนี้พวกเขาสรรเสริญและขอบพระคุณพระเป็นเจ้าที่ทรงช่วยพวกเขาให้ได้รับความรอด

 “นอกจากวิญญาณเหล่านี้แล้ว  ก็เป็นวิญญาณของคนที่ถึงแม้จะไม่ได้ทำความผิดร้ายแรงแต่พวกเขาไม่สนใจใยดีในพระเป็นเจ้า  พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติกิจศรัทธาต่างๆเรื่อยมาจนกระทั่งเสียชีวิต  บางทีพวกเขาไม่ได้รับศีลมหาสนิทด้วย  พวกเขาต้องมาอยู่ในไฟชำระเป็นเวลานานหลายปีเพราะความไม่ใส่ใจใยดีของพวกเขา  พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสที่ไม่มีใครรับรู้  พวกเขาถูกละทิ้งโดยไม่มีใครสวดภาวนาเพื่อพวกเขาหรือแม้ว่าจะมีคนสวดภาวนาให้เขาก็ตาม  พวกเขาไม่ได้รับประโยชน์จากคำภาวนานั้น  เพราะพวกเขาไม่ใส่ใจใยดีในพระเป็นเจ้า  ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้รับความใส่ใจใยดีจากผู้อื่นและจากพระเป็นเจ้าเช่นเดียวกัน”

 วิญญาณในไฟชำระถึงแม้จะได้รับความเจ็บปวดทรมานมากสักเพียงไร  แต่พวกเขาก็เต็มใจรับความเจ็บปวดทรมานนั้น  เมื่อเขาได้เห็นชีวิตที่ผ่านมาของตนเอง  เขารู้ตัวว่าโทษที่เขาได้รับนั้นเหมาะสมแล้ว  เขาสมควรได้รับการลงโทษนั้น  และเมื่อเขาตระหนักว่าเขาได้รับความรอด  สักวันหนึ่งเขาจะได้อยู่กับพระเป็นเจ้าในสวรรค์  นั่นเป็นการปลอบบรรเทาใจของพวกเขา  และพวกเขาก็สรรเสริญและขอบพระคุณพระเป็นเจ้าเป็นอย่างยิ่ง

             ------------------------------       

1 ความคิดเห็น: