เราเคยพูดถึงส่วนบนสุดของไฟชำระมาแล้ว (ดูได้ที่นี่) คราวนี้เราจะพูดถึงส่วนล่างสุดของไฟชำระ-นั่นก็คือก้นบึ้งของไฟชำระนั่นเอง มันจะทุกข์ทรมานมากสักเพียงไร อย่างไรก็ตาม
วิญญาณที่อยู่ที่นั่นก็ได้รับความรอดแล้ว
สักวันหนึ่งพวกเขาจะได้ขึ้นสู่สวรรค์
ที่นั่นไม่ใช่นรก
ในไฟชำระมีระดับต่างๆหลายระดับ
อาจมีนับไม่ถ้วนเลยก็ได้
แต่ที่กันบึ้งนี้มันมืดมนอนธการ ให้เราสวดภาวนาเพื่อวิญญาณเหล่านั้นเถิด สวดทุกวัน
โดยเฉพาะวิญญาณที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด
ความมืดปกคลุมไปทั่วทุกแห่งหนและแปรรูปเป็นเครื่องจองจำเท้าของผู้ทีอยู่ในนั้นในฐานะนักโทษ สตรีผู้หนึ่งชื่อ Angie
Fenimore ผู้ซึ่งพยายามฆ่าตัวตายได้บรรยายถึงความมืดนี้ว่ามันมืดทึบมากจนสัมผัสได้และ
“มีชีวิตอยู่ที่นั่น
ชีวิตที่มีความฉลาดในทางที่ไม่ดีเป็นอย่างยิ่ง อาจเป็นได้ถึงความชั่วช้าสามานย์เลยทีเดียว”
“ทุกคนที่ฉันได้เห็นสวมใส่เสื้อคลุมสกปรกสีขาว”
เธอเล่าต่อไปในหนังสือเกี่ยวกับประสพการณ์ใกล้ตายซึ่งเธอเขียน Beyond the
Darkness “เสื้อของบางคนเปรอะเปื้อนด้วยดินโคลนเต็มไปหมด แต่ของบางคนก็เปรอะเปื้อนเพียงเล็กน้อย คนที่นั่งอยู่ข้างๆฉันเป็นผู้ชายดูมีอายุราวๆ
60 ปี ผมของเขาเป็นสีเทา และด้วยวิธีการบางอย่างทำให้ฉันรู้ว่าตาของเขาเป็นสีฟ้า
ถึงแม้ว่าทุกอย่างที่นี่จะปรากฏเป็นสีดำและสีเทา
ตาของชายคนนี้เหม่อลอยไร้สติ
เขานั่งยองๆบนพื้นดินสวมเสื้อคลุมสีขาวสกปรก เขาไม่มีสง่าราศีเลย
ดูไม่น่าสงสารเลยสักนิด
ฉันรู้ว่าเขาต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป
ฉันแน่ใจว่าชายผู้นี้ได้ฆ่าตัวตาย
จากเสื้อผ้าของเขา ฉันคิดว่าเขาคงมีชีวิตบนโลกในสมัยของพระเยซูคริสต์ ฉันสงสัยว่าเขาจะเป็นยูดาส อิสคารีโอท ผู้ทรยศต่อองค์พระผู้ไถ่และได้แขวนคอตาย
ฉันรู้สึกละอายใจที่คิดเช่นนี้ต่อหน้าเขาและเขาได้ยินความคิดของฉัน”
แองจี้เล่าต่อว่า
“ฉันได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ คำว่า”ไฟชำระ” (ถึงแม้เธอจะเป็นโปรแตสแตนท์)
ที่ชายขอบของอเวจีของไฟชำระและบรรดาวิญญาณทั้งหลายที่อยู่ที่นั่น พวกเขากำลังเพ่งพิจารณาชีวิตทั้งหมดของเขาที่ผ่านมาในท่ามกลางความมืดมิดที่แผ่กระจายอยู่
“พวกเขาเหมือนน้ำมันที่ลอยอยู่เหนือน้ำ
เป็นชั้นของจิตวิญญาณแห่งแสงสว่างที่ลอยอยู่เหนือแผ่นชั้นของความมืดมนที่นิ่งสงบ ล่องลอยไปมาอยู่ในนั้น
วิญญาณที่เพิ่งเสียชีวิตมาใหม่ๆถูกสวมด้วยเสื้อคลุมสีขาวแต่มันสกปรกมาก เหมือนกับผู้ย้ำเท้าในความเงียบ วิญญาณเหล่านี้เคลิบเคลิ้มและลอยไปสู่ความมืดมิด
แขนติดอยู่กับร่างกาย
นัยน์ตาของพวกเขาไม่แสดงความรู้สึกอะไรเลยและจ้องมองไปในความว่างเปล่า”
“พวกเขามาจากวิถีทางเดียวกันกับที่ฉันมา
ไร้สติและไม่มีความหวังในชีวิตซึ่งทำให้เขาตกอยู่ในความตายอย่างแท้จริง
วิญญาณไปอยู่เต็มด้านหลังของคุกนี้ขณะที่ความมืดมิดขยายออกเพื่อรวบรวมพวกเขา ช่างน่าเศร้าเสียจริง พวกเขายังอายุน้อยและต้องจบชีวิตลง ขณะที่ฉันมองดูพวกเขา ยังมีคนที่ตกลงมาอีกนับสิบ ฉันได้ยินเสียงบอกฉันว่า
พวกเราส่วนใหญ่ที่ตายในตอนนี้กำลังจะไปสู่สถานที่แห่งความมืดมิด
“นรก, เมื่อพูดในมุมมองของสถานะของจิตใจ เมื่อเราตาย
เราจะยึดติดอยู่กับสิ่งที่เราคิด
ทางด้านร่างกายยิ่งความคิดของเราเข้มข้น
เรายิ่งยึดติดกับมัน
ซึ่งทำให้ความมืดมิดก่อตัวขึ้นในคนอื่นๆและในตัวเราเอง มันเป็นที่น่าสะอิดสะเอียนจริงๆ
ฉันได้ไปอยู่ในนรกเป็นเวลานานก่อนที่ฉันจะตายเสียอีก
และฉันไม่ตระหนักรู้เลยเพราะฉันคอยแต่หนีตัวเองและสถานการณ์แวดล้อมจนกระทั่งมาถึงจุดที่ฉันฆ่าตัวตาย เมื่อฉันตายไปแล้ว สถานะทางจิตใจที่เลวร้ายก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นเพราะเราได้มาอยู่รวมกับคนอื่นๆที่มีความคิดเช่นเดียวกับเรา”
จากคำสารภาพของผู้มีประสบการณ์ใกล้ตายที่เล่าว่า
ในไฟชำระดูเหมือนเป็นอุโมงค์ที่มีสาขามากมายและวิญญาณที่อยู่ในนั้นเป็น “วิญญาณที่มีจิตใจสับสนวุ่นวาย”
นอกจากนี้ยังมี”คุกใต้ดิน”ในไฟชำระซึ่งมีคำบรรยายไว้ว่าเป็นสถานใหญ่โตที่เป็นสีเทา เป็นสถานที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานอันเหลือจะเข้าใจได้ มันเป็นสถานที่ที่ไม่มีพระเป็นเจ้า มันเป็นสีเทาและเป็นขี้เถ้า – ขี้เถ้าของบาป
ซิสเตอร์ผู้หนึ่งซึ่งเสียชีวิตในราวศตวรรษที่
19 และวิญญาณของเธอได้ปรากฏมาและเล่าเรื่องไฟชำระให้เพื่อนคนหนึ่งของเธอฟังและได้มีการจดบันทึกไว้ในหนังสือ An
Unpublished Manuscript on Purgatory. ได้เขียนไว้ดังนี้ “ฉันจะเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับระดับชั้นต่างๆของไฟชำระเพราะฉันได้ผ่านมันมาทั้งหมดแล้ว ในไฟชำระนี้มีระดับชั้นมากมาย ระดับที่ต่ำที่สุดมีความเจ็บปวดมากที่สุด มันเหมือนกับนรกชั่วคราว
เป็นที่อยู่ของวิญญาณคนบาปซึ่งได้ทำอาชญากรรมที่เลวร้ายในระหว่างที่มีชีวิตอยู่บนโลกและความตายทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจที่ได้มาอยู่ในสถานที่นี้ มันเกือบจะเป็นอัศจรรย์เลยทีเดียวที่พวกเขาได้รับความรอด
บ่อยครั้งเป็นเพราะคำสวดภาวนาของพ่อแม่ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพวกขาหรือจากวิญญาณใจศรัทธาอื่นๆ
“บางครั้งเป็นเพราะพวกเขาไม่มีเวลาที่จะไปสารภาพบาปและโลกคิดว่าพวกเขาได้สูญเสียไปแล้ว แต่พระเป็นเจ้าผู้ทรงมีพระทัยเมตตาหาที่สุดมิได้ ทรงประทานพระคุณการุณย์ที่จำเป็นแก่พวกเขาขณะที่กำลังจะตายเพื่อความรอดของพวกเขาตามการกระทำที่ดีอย่างหนึ่งหรือมากกว่านั้นที่พวกเขาเคยกระทำในระหว่างที่มีชีวิตอยู่ สำหรับวิญญาณเหล่านี้ ไฟชำระเป็นความทุกข์ทรมานแสนสาหัส มันเป็นนรกอย่างแท้จริงแต่มีความแตกต่างกันคือ ในนรกมีเสียงสาปแช่งพระเป็นเจ้าดังระงม
แต่ที่กันบึ้งของไฟชำระนี้พวกเขาสรรเสริญและขอบพระคุณพระเป็นเจ้าที่ทรงช่วยพวกเขาให้ได้รับความรอด
“นอกจากวิญญาณเหล่านี้แล้ว
ก็เป็นวิญญาณของคนที่ถึงแม้จะไม่ได้ทำความผิดร้ายแรงแต่พวกเขาไม่สนใจใยดีในพระเป็นเจ้า พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติกิจศรัทธาต่างๆเรื่อยมาจนกระทั่งเสียชีวิต บางทีพวกเขาไม่ได้รับศีลมหาสนิทด้วย
พวกเขาต้องมาอยู่ในไฟชำระเป็นเวลานานหลายปีเพราะความไม่ใส่ใจใยดีของพวกเขา พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสที่ไม่มีใครรับรู้ พวกเขาถูกละทิ้งโดยไม่มีใครสวดภาวนาเพื่อพวกเขาหรือแม้ว่าจะมีคนสวดภาวนาให้เขาก็ตาม พวกเขาไม่ได้รับประโยชน์จากคำภาวนานั้น เพราะพวกเขาไม่ใส่ใจใยดีในพระเป็นเจ้า ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้รับความใส่ใจใยดีจากผู้อื่นและจากพระเป็นเจ้าเช่นเดียวกัน”
วิญญาณในไฟชำระถึงแม้จะได้รับความเจ็บปวดทรมานมากสักเพียงไร แต่พวกเขาก็เต็มใจรับความเจ็บปวดทรมานนั้น เมื่อเขาได้เห็นชีวิตที่ผ่านมาของตนเอง เขารู้ตัวว่าโทษที่เขาได้รับนั้นเหมาะสมแล้ว เขาสมควรได้รับการลงโทษนั้น และเมื่อเขาตระหนักว่าเขาได้รับความรอด สักวันหนึ่งเขาจะได้อยู่กับพระเป็นเจ้าในสวรรค์ นั่นเป็นการปลอบบรรเทาใจของพวกเขา
และพวกเขาก็สรรเสริญและขอบพระคุณพระเป็นเจ้าเป็นอย่างยิ่ง
------------------------------
ขอบคุณครับ
ตอบลบ