วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2559

และพระวจนาตถ์ทรงรับเอาธรรมชาติมนุษย์



“สำหรับผู้ที่ต้อนรับพระองค์ ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์จะทรงประทานอำนาจให้พวกเขากลายเป็นบุตรของพระเป็นเจ้า” (ยอห์น 1:12) การที่จะเชื่อในพระนามของพระเยซูเจ้า เราต้องตระหนักว่าพระองค์ทรงเป็นพระผู้ไถ่ เป็นบุตรของพระเจ้า  เป็นองค์พระวจนาตถ์ผู้ทรงเป็นอยู่ก่อนกาลเวลาและเสด็จมาเป็นมนุษย์  เราพร้อมที่จะเปล่งพระนามนั้น  พร้อมที่จะสรรเสริญพระนามนั้นเพียงพระนามเดียว  เราพร้อมที่จะทำทุกสิ่ง  พยายามทำทุกสิ่ง และยอมทนทุกข์ทุกอย่างเพื่อพระนามนั้น  นี่คือความหมายของการเชื่อในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้า

พวกเขาเกิดใหม่ไม่ใช่ด้วย “สายเลือด มืได้เกิดจากความปรารถนาตามธรรมชาติของเนื้อหนัง มิได้เกิดจากความต้องการของมนุษย์  แต่เกิดจากพระเจ้า” (ยอห์น 1:13) พระเป็นเจ้าทรงประทานจิตใจอิสระแก่เราในการเลือกที่จะเป็นบุตรของพระองค์และร่วมใจกับพระองค์ด้วยความเชื่อ  อำนาจนี้มาจากพระเป็นเจ้าผู้ทรงหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งพระวาจาของพระองค์ลงในจิตใจของเรา มิใช่พระวาจาที่ผ่านเข้าไปในหูเท่านั้น  แต่ผ่านเข้าไปในหัวใจของเราด้วยหนทางอันลึกลับ 

“และพระวจนาตถ์ทรงรับเอากายและประทับอยู่ท่ามกลางพวกเรา  ทรงเต็มเปี่ยมด้วยพระหรรษทานและความจริง  เราได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ เป็นพระสิริรุ่งโรจน์ที่ทรงรับจากพระบิดาในฐานะพระบุตรแต่เพียงพระองค์เดียวของพระบิดา” (ยอห์น 1:14) เพื่อทำให้พวกเรากลายเป็นบุตรของพระเจ้า  จำเป็นที่องค์พระบุตรแต่องค์เดียวต้องกลายเป็นมนุษย์ โดยวิถีทางอันพิเศษนี้และด้วยความจำเป็นขององค์พระบุตรที่ทำให้เราได้รับจิตวิญญาณแห่งการเป็นบุตรพระเจ้า  องค์พระบุตรเสด็จมาหาพวกเรา  และเราได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์  พระองค์ทรงเป็นแสงสว่าง  และแสงสว่างที่สะท้อนมาจากพระองค์ได้เอิบอาบพวกเราทำให้เราเปลี่ยนแปลงไป  พระองค์ทรงเป็น “ความสว่างที่แท้จริงที่ส่องสว่างมนุษย์ทุกคน” พระองค์ทรงส่องสว่างแก่บรรดาลูกๆที่อยู่ในโลก ทรงประทานสติปัญญาแก่พวกเขา

ยังมีแสงสว่างอีกอย่างหนึ่งซึ่งส่องสว่างให้แก่โลกนี้  นั่นคือพระวรสารของพระองค์ ซึ่งทรงประทานแก่โลกนี้ตลอดเวลา  พระเป็นเจ้าทรงทำให้เราเป็นลูกของพระองค์เมื่อเรารับศีลล้างบาป  พระองค์ทรงส่องสว่างในหัวใจของเราเมื่อเราบังเกิดใหม่  เป็นแสงสว่างซึ่งจะนำเราให้ได้เห็นพระองค์ ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระหรรษทานและความจริง โดยอาศัยพระวาจา สัจจะธรรมและอัศจรรย์ของพระองค์ “เพราะเป็นพระเป็นเจ้าเองที่ตรัสว่า ให้แสงสว่างส่องในความมืด ดังนั้นใครเล่าที่ส่องสว่างให้หัวใจของเราทำให้เราได้รับแสงสว่างแห่งความรู้ในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเป็นเจ้า ณ.เบื้องพระพักตร์ขององค์พระคริสตเยซู” (2 คร. 4:6)

ดังนั้นเราจึงเป็นลูกของพระเป็นเจ้า เป็นบุตรแห่งความสว่าง ให้เราเดินไปในฐานะบุตรแห่งความสว่างเถิด  อย่าปรารถนาศักดิ์ศรีอันไร้ค่าหรือความยิ่งใหญ่จอมปลอมของมนุษย์ สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งหลอกลวง เป็นความมืดมิด โลกปรารถนาที่จะล่อลวงเรา  มันไม่มีพระพรใดๆที่จะมอบแก่เราเลย  มีเพียงพระเยซูคริสต์เท่านั้น ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระหรรษทานและความจริง พระองค์ทรงทราบว่าจะเติมเต็มจิตใจของเราได้อย่างไร พระองค์เท่านั้นที่เป็นที่ดึงดูดใจเรา  พระหรรษทานหลั่งออกมาจะริมฝีปากของพระองค์และออกมาจากพระวาจาของพระองค์ (สดด.45:2; ลก.4:22) ทุกสิ่งในพระองค์เป็นที่น่ายินดี แม้แต่ในกางเขนของพระองค์ ที่ซึ่งเราได้เห็นแสงสว่างแห่งความนบนอบเชื่อฟังของพระองค์ต่อพระบิดา  เห็นพระเกียรติ พระพร การไถ่กู้และความรอดที่ออกมาจากพระองค์  สิ่งต่างๆนอกเหนือจากนี้เป็นสิ่งไร้ค่าทั้งสิ้น  พระเยซูคริสต์เท่านั้นที่ทรงเปี่ยมด้วยพระหรรษทานและความจริง และพระองค์จะทรงเติมเต็มให้แก่เรา และ“จากความไพบูลย์ของพระองค์ เราทุกคนได้รับพระหรรษทานต่อเนื่องกัน” (ยน. 1:16)
---------------------------------- 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น