วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

การรับรองการประจักษ์ 7 ครั้งของแม่พระที่เมดจูกอเรจ์



การตรวจสอบกรณีการประจักษ์ของแม่พระที่เมดจูกอเรจ์นำโดยพระคาร์ดินัล Camillo Ruini ชาวอิตาลี (แต่งตั้งในสมัยพระสันตปาปาเบเนดิกต์ที่16) ได้สรุปว่าการประจักษ์ 7 ครั้งแรกนั้น “เชื่อถือได้” และเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ (มีการโหวตรับรอง 13 ท่านและไม่รับ 1 ท่าน)  การประจักษ์เริ่มต้นในปี 1981 นี่เป็นข่าวใหญ่ แม่พระทรงประจักษ์แก่เด็ก 6 คนในสัปดาห์แรกถึง 7 ครั้ง
คณะกรรมการตรวจสอบไม่ทำการตัดสินอย่างเด็ดขาด (คำตัดสินอย่างเด็ดขาดกระทำโดยพระสันตปาปาเท่านั้น) เพียงแต่ระบุว่า หลังจากการศึกษาอย่างเข้มข้นเป็นเวลานาน 4 ปี  กล่าวได้ว่าแม่พระทรงประจักษ์มาที่บอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนาจริง

พระสันตะปาปามีท่าทีที่จะยอมรับการตัดสินของคณะทำงานนี้เพราะพระองค์เคยตรัสถึงการศึกษาครั้งนี้ว่า “ดีมากๆ” ทำให้การประจักษ์ของแม่พระที่เมดจูกอเรจ์เป็นเรื่องใหญ่ในประวัติศาสตร์เรื่องหนึ่งทีเดียว (แต่ก็ยังไม่ถือว่า100 เปอร์เซ็นต์ เพราะต้องรอให้พระสันตปาปาตัดสินครั้งสุดท้าย)

คณะทำงานประกาศรับรองเฉพาะการประจักษ์ในสัปดาห์แรกเท่านั้น ซึ่งแม่พระทรงประจักษ์ในสัปดาห์นั้น 7 ครั้ง

ที่ฟาติมา ทางวาติกันรับรองว่าแม่พระประจักษ์มา 6 ครั้ง , ที่กัวดาลูเปรับรอง 5 ครั้ง, ที่น็อกซ์ 1 ครั้ง  , ที่เบธาเนีย 1 ครั้งที่วาติกันรับรอง,  การประจักษ์แม่พระเหรียญอัศจรรย์ 2 ครั้ง , ที่แบนเนอซ์ 8 ครั้ง ที่โบแรง 27 ครั้ง ที่ลาซาแล็ต 1 ครั้ง , ที่วิสคอนซิน 2 ครั้ง, และที่ลูรดส์ 18 ครั้งที่วาติกันรับรอง  แต่การประจักษ์ในแต่ละแห่งอาจมีการประจักษ์มากกว่าที่วาติกันรับรอง

ดูเหมือนคณะทำงานจะยึดถือเอาระยะเวลาเป็นเกณฑ์ด้วย การประจักษ์ส่วนใหญ่จะมีอยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง และมีผู้เห็นแม่พระจำนวนหนึ่งซึ่งมักจะเป็นเพียงคนเดียว  มีกรณีการประจักษ์ที่เลาส์ในฝรั่งเศส Laus in France ที่กินเวลานานถึงสองทศวรรษถึงจะได้รับการรับรอง (ในปี 2008) แม่พระทรงประจักษ์ในโลกนับร้อยครั้ง (บางคนบอกว่านับพันๆครั้งเพราะหลายครั้งเป็นการประจักษ์ส่วนตัว) อย่างเช่นที่กิเบโฮ และที่ซานนิโคลัสในอาร์เจนตินา

ที่กิเบโฮนั้นมีผู้เห็นแม่พระ 7 คน แต่วาติกันรับรองผู้เห็นแม่พระเพียง 3 คนเท่านั้น และกรณีของเมดจูกอเรจ์ก็เป็นเช่นเดียวกัน  ผู้เห็นแม่พระบางคนได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ แต่บางคนไม่ได้รับการรับรอง  บางทีอาจเป็นเพราะข้อจำกัดในการศึกษา  แม่พระทรงเริ่มประจักษ์ที่เมดจูกอเรจ์ในปี 1981 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ทรงประจักษ์แก่ผู้เห็นแม่พระ ( 6 คน ) หลายพันครั้ง  คณะกรรมการศึกษากล่าวถึง “พฤติกรรม” behavior ของผู้เห็นแม่พระเหล่านี้ (ตามคำพูดที่ใช้ในรายงาน) ในระยะปีแรกมีผู้เห็นแม่พระอย่างน้อยสองคนที่ดำเนินชีวิตด้านศาสนาที่น่าสนใจ แต่ก็ไม่มีใครเลยที่ประสงค์เป็นพระสงฆ์หรือซิสเตอร์ ซึ่งแตกต่างจากที่ฟาติมา (คณะทำงานรับรองผู้เห็นแม่พระที่เมดจูกอเรจ์เพียงสองคน)  ที่ลูรดส์ แบร์นาแด็ตได้บวชเป็นซิสเตอร์และที่กิเบโฮ มีหนึ่งคนที่บวชเป็นซิสเตอร์และปัจจุบันอยู่ที่โรม ส่วนอีกสองคนถูกฆ่าตายในเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

มีคำถามที่น่าสนใจหลายคำถาม  อย่างเช่นเรื่องของความลับสิบข้อที่ผู้เห็นแม่พระได้รับ  มีการรับรองด้วยหรือไม่? ทางคณะกรรมการไม่มีการตัดสินใจหรือกล่าวถึงในเรื่องนี้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องมีเหตุผล ในพระศาสนจักรไม่เคยแสดงความเห็นในเรื่องของความลับจนกว่าคำทำนายในความลับนั้นจะเกิดขึ้นแล้วเท่านั้น

คณะศึกษาได้พูดถึงเรื่องที่น่าสนใจเรื่องหนึ่ง – ในระยะแรกของการประจักษ์ มีผู้เห็นแม่พระทั้งสิ้น 7 คนไม่ใช่ 6 โดยนับรวมน้องสาวของ มารีจา พาฟโลวิค เข้าด้วย  ซึ่งเธอได้เห็นแม่พระเพียงครั้งเดียว

มีอีกคำถามหนึ่งที่เกี่ยวกับ พระคาร์ดินัล Gerhard Ludwig Müller (รูปข้างล่าง) ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่และดูแลเกี่ยวกับคำสอนและเป็นผู้ที่ต่อต้านในเรื่องการประกาศรับรองของคณะทำงานนี้  พระคาร์ดินัลจะพูดอย่างไรในเรื่องนี้?

พระคาร์ดินัล Müller เป็นผู้ที่ไม่อนุญาตให้อิวาน หนึ่งในผู้เห็นแม่พระที่เมดจูกอเรจ์มาอยู่ที่บอสตันเพื่อใช้โบสถ์เป็นสถานที่แม่พระทรงประจักษ์

พระคาร์ดินัล Müller เป็นผู้ที่มีอำนาจในวาติกันและท่านยังได้สั่งให้พระอัครสังฆราชแห่งฟิลิปปินส์ถอนคำสั่งที่รับรองการประจักษ์ในลิปาของฟิลิปปินส์อีกด้วย ทำให้พระอัครสังฆราชผิดหวังเป็นอย่างมาก (มีข่าวว่าท่านจะลาออกจากการเป็นพระสังฆราช) และเมื่อไม่นานมานี้พระคาร์ดินัล Müllerได้สั่งห้ามการอ่านสาส์นแม่พระที่ซานนิโคลัสในที่สาธารณะ  ทั้งๆที่มีการรับรองการประจักษ์อย่างเป็นทางการแล้ว

พระคาร์ดินัล Müller ต้องการย้ำเตือนว่าการประจักษ์ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับความเชื่อและท่านยังพยายามจะหยุดยั้งคณะกรรมการที่ทำงานในการรับรองการประจักษ์ในที่ต่างๆ  ท่านได้อธิบายบิดเบือนคำพูดของพระสันตปาปาฟรังซิสที่ตรัสเรื่องการศึกษาการประจักษ์


แม่พระประจักษ์ในสัปดาห์แรก

วันพุธ 24 มิ.. 1981

เด็กเห็นสุภาพสตรีวัยรุ่นในระยะไกลสวมอาภรณ์สีเทาทรงอุ้มพระกุมารในอ้อมแขน ทรงยืนอยู่บนเนินเขา Crnica (ปัจจุบันรู้กันในชื่อเนินเขาแห่งการประจักษ์) การประจักษ์ครั้งแรกเกิดในตอนบ่าย  ครั้งที่สองเกิดในเวลา 18.00 น.

วันพฤหัส 25 มิ.ย. 1981

เด็ก 6 คนเห็นแม่พระประจักษ์ที่ใกล้เนินเขา แม่พระตรัสว่า “จงสรรเสริญพระเยซูเจ้า”

อิวานกา – “แม่ของหนู่อยู่ที่ไหนคะ?” (แม่ของเธอเสียชีวิตไปเมื่อสองเดือนที่แล้ว) “เธอมีความสุขแล้ว  เธออยู่กับฉัน”

เด็ก – “ท่านจะมาอีกในวันพรุ่งนี้หรือไม่คะ?” แม่พระทรงพยักหน้า

มีรยานา – “จะไม่มีใครเชื่อพวกเรา พวกเขาจะพูดว่าพวกเราบ้าไปแล้ว  โปรดประทานหมายสำคัญด้วย” แม่พระทรงเพียงแต่ยิ้ม  มีรยานาเชื่อว่าเธอจะได้รับหมายสำคัญ  เวลาบนนาฬิกาของเธอเปลี่ยนไปในระหว่างการประจักษ์

“ลาก่อน  เทวดาของฉัน จงไปในสันติของพระเจ้าเถิด”

วันศุกร์ 26 มิ.ย. 1981

มีฝูงชนมาประมาณ 2000 – 3000 คน  มีหมายสำคัญเป็นแสงสว่างส่องลงมาจากภูเขาแห่งการประจักษ์  วิคก้าพรมน้ำเสกที่แม่พระและพูดว่า “ถ้าท่านคือแม่พระ Gospa ขอให้อยู่กับเรา  ถ้าไม่ใช่จงไปให้พ้น” แม่พระทรงยิ้ม

อิวานกา – “ทำไมท่านจึงมาที่นี่คะ? ท่านปรารถนาอะไร?”

“ฉันมาเพราะที่นี่ยังมีความเชื่อที่แท้จริง  ฉันปรารถนาที่จะอยู่กับพวกลูกเพื่อทำให้ทั้งโลกกลับใจและคืนดีกัน”

อิวานกา – “แม่ของหนูพูดอะไรบ้างหรือเปล่า?”

“จงเชื่อฟังคุณยายของหนูและช่วยเหลือท่านเพราะท่านชรามากแล้ว”

มีรยานา – “คุณปู่ของหนู่เป็นอย่างไรบ้างคะ?” (เขาเพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน)  “เขาสบายดี”

ผู้คนที่อยู่ที่นั่นบอกเด็กให้ถามแม่พระ  เด็กถามว่า “โปรดให้หมายสำคัญแก่พวกเราที่พิสูจน์ถึงการประจักษ์ของท่านด้วย”

“เป็นบุญของผู้ที่ไม่ได้เห็นแต่ได้เชื่อ”

มีรยานา – “ท่านเป็นใครคะ?” “ฉันคือพระนางพรหมจารีย์มารีย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง”

มีรยานา – “ทำไมท่านจึงปรากฏแก่พวกเรา? พวกเราไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่นๆ”

“ฉันไม่ได้เลือกคนที่ดีที่สุด”

มีรยานา – “ท่านจะกลับมาไหมคะ?”  “จ้ะ ฉันจะมาในที่เดียวกันกับเมื่อวานนี้”

ขณะที่เดินกลับไปหมู่บ้านภายหลังการประจักษ์  มารีจาได้เห็นแม่พระอีกครั้ง พระนางทรงหลั่งน้ำตาอยู่ใกล้กับกางเขนมีแสงสีรุ้งล้อมรอบ

“สันติภาพ  สันติภาพ สันติภาพ  จงคืนดีกัน  มีเพียงสันติภาพ  จงมีสันติภาพกับพระเจ้าและมีสันติภาพกับตัวลูกเอง  เพื่อที่จะเป็นเช่นนั้น  จำเป็นต้องเชื่อ  ต้องสวดภาวนา  อดอาหารและไปสารภาพบาป”

วันเสาร์ 27 มิ.ย. 1981

“จงสรรเสริญพระเยซูเจ้า”

จาคอบ – “ท่านประสงค์สิ่งใดต่อพระสงฆ์ฟรังซิสกันของพวกเราครับ?”

“ขอให้พวกเขารักษาความเชื่อของตนและปกป้องความเชื่อของผู้อื่น”

จาคอบและมีรยานา – “โปรดให้หมายสำคัญแก่พวกเราเพราะประชาชนพูดว่าพวกเรากำลังโกหก”

“เทวดาของฉัน  อย่าได้กลัวความอยุติธรรม  มันมีมาอยู่เสมอ”

เด็กๆ – “พวกเราต้องสวดภาวนาอย่างไร?”

“จงสวดภาวนาบทข้าแต่พระบิดา 7 ครั้ง  วันทามารีย์ 7 ครั้ง และพระสิริรุ่งโรจน์ แต่ให้เพิ่มบทข้าพเจ้าเชื่อด้วย  ลาก่อน  เทวดาของฉัน จงไปในสันติของพระเจ้าเถิด”

แม่พระตรัสกับอิวานซึ่งยืนอยู่ข้างๆคนอื่น – “จงมีสันติและจงกล้าหาญ”

(อิวานเล่าว่า -  เมื่อพระนางทรงจากผมไป พระนางทรงยิ้มอย่างสวยงามที่สุด)

วันอาทิตย์ 28 มิ.ย. 1981

เด็ก – “ท่านปรารถนาสิ่งใด?”

“ฉันปรารถนาให้ประชาชนเชื่อและรักษาความเชื่อไว้”

วิคก้า -  “ท่านประสงค์สิ่งใดจากพระสงฆ์คะ?”

“ขอให้พวกท่านเข้มแข็งในความเชื่อและขอให้พวกท่านช่วยเหลือพวกเธอ”

เด็ก – “ทำไมท่านจะไม่ปรากฏแก่ทุกคนในโบสถ์ล่ะคะ?”

“เป็นบุญของผู้ที่เชื่อแม้จะไม่ได้เห็น”

เด็ก – “ท่านจะกลับมาอีกไหมคะ?”  “จ้ะ  ในที่ที่เดิม”

เด็ก – “ท่านชอบการสวดภาวนาหรือการร้องเพลงคะ?”  “ทั้งสองอย่าง  สวดภาวนาและร้องเพลง”

วิคก้า – “ท่านประสงค์สิ่งใดจากผู้คนที่มารวมกันอยู่ที่นี่คะ”   เด็กบอกว่าคำถามนี้ไม่ได้มีการตอบนอกจากแม่พระทรงชำเลืองสายตามองด้วยความรักอันเต็มเปี่ยม และทรงยิ้ม  แล้วแม่พระก็ทรงหายไป  เด็กๆสวดภาวนาโดยหวังว่าแม่พระจะทรงกลับมา  เพราะพระนางไม่ได้ตรัสว่า “ลาก่อน เทวดาของฉัน ในระหว่างที่พวกเขาร้องเพลง  แม่พระทรงประจักษ์มาอีกครั้งตรัสว่า “พวกลูกทั้งหมดสวยงามมาก”

วิคก้า – “แม่พระที่รัก  พระแม่ทรงปรารถนาสิ่งใดจากประชาชนเหล่านี้?”  เธอย้ำคำถามนี้สามครั้งและในที่สุดเธอก็ได้รับคำตอบ

“ขอให้ผู้ที่ไม่ได้เห็นจงเชื่อเหมือนผู้ที่ได้เห็น”

วิคก้า – “ขอให้พระแม่โปรดทิ้งหมายสำคัญไว้เพื่อที่ประชาชนจะได้เชื่อว่าเราไม่ได้พูดโกหกหรือมองเห็นเราเป็นตัวตลกได้ไหมคะ?” แม่พระไม่ทรงตอบเพียงแต่ทรงยิ้ม “จงไปในสันติของพระเจ้าเถิด” พระนางตรัสแล้วทรงหายไป

วันจันทร์ 29 มิ.ย. 1981

เด็ก – “แม่พระที่รัก  พระแม่มีความสุขที่เห็นประชาชนมากมายที่นี่ในวันนี้ไหมคะ?”  “ยิ่งกว่าเป็นสุขเสียอีก” (วิคก้าเขียนว่า พระนางทรงยิ้ม)

วิคก้า – “พระแม่จะทรงมาอยู่กับเรานานเท่าใดคะ?”   “ตราบเท่าที่ลูกต้องการให้แม่อยู่จ้ะ  เทวดาของแม่”

วิคก้า – “พระแม่ประสงค์สิ่งใดจากประชาชนที่มาที่นี่ทั้งๆที่ร้อนและมีหินแหลมคม?”

“มีเพียงพระเจ้าเดียว  ความเชื่อเดียว ขอให้ประชาชนเชื่อด้วยความมั่นคงและอย่ากลัวสิ่งใด”

วิคก้า – “พระแม่ทรงประสงค์สิ่งใดจากพวกเราคะ?”

“ขอให้พวกลูกมีความเชื่อที่มั่นคงและจงมีความไว้วางใจ”

วิคก้า – “พวกเราจะสามารถทนต่อการเบียดเบียนซึ่งจะเกิดขึ้นแก่พวกเราเพราะพระแม่ได้หรือไม่คะ?”

“พวกลูกจะสามารถทนได้  เทวดาของแม่  จงอย่ากลัว  พวกลูกจะสามารถทนได้ต่อทุกสิ่ง  ลูกต้องเชื่อและมีความไว้วางใจในแม่”

วิคก้าเขียนคำถามของ Dr. Darinka Glamuzina – “ฉันจะสัมผัสพระแม่ได้ไหม?” และเธอได้รับคำตอบ

“ยังคงมีโทมัสที่ช่างสงสัยอยู่เสมอ  แต่ลูกสามารถเข้ามาใกล้ได้”

วิคก้าผายมือออกไปให้รู้ว่าแม่พระทรงอยู่ที่ไหน  Darinka พยายามสัมผัสแม่พระ  แต่แม่พระทรงหายไป  และแล้วทรงปรากฏมาอีกในแสงสว่างของพระนาง

Daniel Setka บิดาของเด็กอายุสามขวบที่เป็นโรคโลหิตเป็นพิษตั้งแต่อายุสี่วันหลังจากเกิด  ได้ขอให้เด็กๆวอนขอแม่พระให้ช่วยรักษาลูกของเขาที่เป็นโรค

เด็ก – “แม่พระที่รัก  ดาเนียลน้อยจะพูดได้ในวันหนึ่งไหม?  โปรดรักษาเขาด้วยเถิดเพื่อที่พวกเขาจะได้เชื่อในพวกเรา  ประชาชนเหล่านี้รักพระแม่มาก  แม่พระที่รัก  โปรดแสดงอัศจรรย์  แม่พระที่รัก  โปรดพูดบางอย่าง”  เด็กๆพูดวอนขอซ้ำหลายครั้งและได้รับคำตอบ

“ขอให้พวกเขาเชื่อมั่นว่าจะได้รับการรักษาให้หาย  จงไปในสันติของพระเจ้าเถิด
------------
ประโยคที่ถูกซ่อนไว้

(วันที่ 30 มิ.ย. ถึง 31 ธ.ค. 1981)

ในระหว่างที่กองกำลังตำรวจพยายามจับกุมเด็กๆ  แม่พระทรงประจักษ์แก่เด็กในสถานที่ซ่อนตัวของเด็กๆ

วันอังคาร 30 มิ.ย. 1981

ทรงประจักษ์ที่ Cerno  มีรยานา – “พระแม่ทรงโกรธหรือไม่ที่พวกเราไม่ได้ไปที่เนินเขา?”

“ไม่เป็นไรหรอก”

มีรยานา – “พระแม่จะทรงโกรธหรือไม่ถ้าพวกเราไม่ไปที่เนินเขาอีกต่อไป แต่พวกเราจะรออยู่ในโบสถ์แทน?”  “จงไปในเวลาเดิมเสมอนะ  จงไปในสันติของพระเจ้าเถิด”

ในวันนั้น  มีรยานาเข้าใจว่าแม่พระจะทรงกลับมาอีกเพียงสามครั้งจนถึงแค่วันศุกร์  แต่นั่นเป็นแค่ความเข้าใจเอาเองของเธอ

วันพฤหัส 2 มิ.ย. 1981

จาคอบ – “แม่พระที่รัก โปรดประทานหมายสำคัญแก่พวกเรา”  แม่พระดูเหมือนจะทรงยินยอมด้วยการพยักหน้า  “ลาก่อน เทวดาที่รักของแม่”

--------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น