การตรวจสอบกรณีการประจักษ์ของแม่พระที่เมดจูกอเรจ์นำโดยพระคาร์ดินัล
Camillo Ruini ชาวอิตาลี (แต่งตั้งในสมัยพระสันตปาปาเบเนดิกต์ที่16) ได้สรุปว่าการประจักษ์
7 ครั้งแรกนั้น “เชื่อถือได้” และเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ (มีการโหวตรับรอง 13
ท่านและไม่รับ 1 ท่าน) การประจักษ์เริ่มต้นในปี 1981 นี่เป็นข่าวใหญ่
แม่พระทรงประจักษ์แก่เด็ก 6 คนในสัปดาห์แรกถึง 7 ครั้ง
คณะกรรมการตรวจสอบไม่ทำการตัดสินอย่างเด็ดขาด
(คำตัดสินอย่างเด็ดขาดกระทำโดยพระสันตปาปาเท่านั้น) เพียงแต่ระบุว่า
หลังจากการศึกษาอย่างเข้มข้นเป็นเวลานาน 4 ปี
กล่าวได้ว่าแม่พระทรงประจักษ์มาที่บอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนาจริง
พระสันตะปาปามีท่าทีที่จะยอมรับการตัดสินของคณะทำงานนี้เพราะพระองค์เคยตรัสถึงการศึกษาครั้งนี้ว่า
“ดีมากๆ”
ทำให้การประจักษ์ของแม่พระที่เมดจูกอเรจ์เป็นเรื่องใหญ่ในประวัติศาสตร์เรื่องหนึ่งทีเดียว
(แต่ก็ยังไม่ถือว่า100 เปอร์เซ็นต์ เพราะต้องรอให้พระสันตปาปาตัดสินครั้งสุดท้าย)
คณะทำงานประกาศรับรองเฉพาะการประจักษ์ในสัปดาห์แรกเท่านั้น
ซึ่งแม่พระทรงประจักษ์ในสัปดาห์นั้น 7 ครั้ง
ที่ฟาติมา ทางวาติกันรับรองว่าแม่พระประจักษ์มา 6 ครั้ง , ที่กัวดาลูเปรับรอง 5 ครั้ง, ที่น็อกซ์
1 ครั้ง , ที่เบธาเนีย 1
ครั้งที่วาติกันรับรอง, การประจักษ์แม่พระเหรียญอัศจรรย์ 2 ครั้ง ,
ที่แบนเนอซ์ 8 ครั้ง ที่โบแรง 27 ครั้ง ที่ลาซาแล็ต 1 ครั้ง , ที่วิสคอนซิน 2
ครั้ง, และที่ลูรดส์ 18 ครั้งที่วาติกันรับรอง
แต่การประจักษ์ในแต่ละแห่งอาจมีการประจักษ์มากกว่าที่วาติกันรับรอง
ดูเหมือนคณะทำงานจะยึดถือเอาระยะเวลาเป็นเกณฑ์ด้วย
การประจักษ์ส่วนใหญ่จะมีอยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง
และมีผู้เห็นแม่พระจำนวนหนึ่งซึ่งมักจะเป็นเพียงคนเดียว มีกรณีการประจักษ์ที่เลาส์ในฝรั่งเศส Laus in France ที่กินเวลานานถึงสองทศวรรษถึงจะได้รับการรับรอง (ในปี
2008) แม่พระทรงประจักษ์ในโลกนับร้อยครั้ง (บางคนบอกว่านับพันๆครั้งเพราะหลายครั้งเป็นการประจักษ์ส่วนตัว)
อย่างเช่นที่กิเบโฮ และที่ซานนิโคลัสในอาร์เจนตินา
ที่กิเบโฮนั้นมีผู้เห็นแม่พระ
7 คน แต่วาติกันรับรองผู้เห็นแม่พระเพียง 3 คนเท่านั้น
และกรณีของเมดจูกอเรจ์ก็เป็นเช่นเดียวกัน
ผู้เห็นแม่พระบางคนได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ
แต่บางคนไม่ได้รับการรับรอง
บางทีอาจเป็นเพราะข้อจำกัดในการศึกษา
แม่พระทรงเริ่มประจักษ์ที่เมดจูกอเรจ์ในปี 1981 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ทรงประจักษ์แก่ผู้เห็นแม่พระ
( 6 คน ) หลายพันครั้ง
คณะกรรมการศึกษากล่าวถึง “พฤติกรรม” behavior ของผู้เห็นแม่พระเหล่านี้ (ตามคำพูดที่ใช้ในรายงาน) ในระยะปีแรกมีผู้เห็นแม่พระอย่างน้อยสองคนที่ดำเนินชีวิตด้านศาสนาที่น่าสนใจ
แต่ก็ไม่มีใครเลยที่ประสงค์เป็นพระสงฆ์หรือซิสเตอร์ ซึ่งแตกต่างจากที่ฟาติมา (คณะทำงานรับรองผู้เห็นแม่พระที่เมดจูกอเรจ์เพียงสองคน)
ที่ลูรดส์ แบร์นาแด็ตได้บวชเป็นซิสเตอร์และที่กิเบโฮ
มีหนึ่งคนที่บวชเป็นซิสเตอร์และปัจจุบันอยู่ที่โรม
ส่วนอีกสองคนถูกฆ่าตายในเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
มีคำถามที่น่าสนใจหลายคำถาม
อย่างเช่นเรื่องของความลับสิบข้อที่ผู้เห็นแม่พระได้รับ มีการรับรองด้วยหรือไม่?
ทางคณะกรรมการไม่มีการตัดสินใจหรือกล่าวถึงในเรื่องนี้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องมีเหตุผล
ในพระศาสนจักรไม่เคยแสดงความเห็นในเรื่องของความลับจนกว่าคำทำนายในความลับนั้นจะเกิดขึ้นแล้วเท่านั้น
คณะศึกษาได้พูดถึงเรื่องที่น่าสนใจเรื่องหนึ่ง
– ในระยะแรกของการประจักษ์ มีผู้เห็นแม่พระทั้งสิ้น 7 คนไม่ใช่ 6 โดยนับรวมน้องสาวของ
มารีจา พาฟโลวิค เข้าด้วย
ซึ่งเธอได้เห็นแม่พระเพียงครั้งเดียว
มีอีกคำถามหนึ่งที่เกี่ยวกับ
พระคาร์ดินัล Gerhard Ludwig
Müller (รูปข้างล่าง) ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่และดูแลเกี่ยวกับคำสอนและเป็นผู้ที่ต่อต้านในเรื่องการประกาศรับรองของคณะทำงานนี้ พระคาร์ดินัลจะพูดอย่างไรในเรื่องนี้?
พระคาร์ดินัล
Müller เป็นผู้ที่ไม่อนุญาตให้อิวาน หนึ่งในผู้เห็นแม่พระที่เมดจูกอเรจ์มาอยู่ที่บอสตันเพื่อใช้โบสถ์เป็นสถานที่แม่พระทรงประจักษ์
พระคาร์ดินัล Müller
เป็นผู้ที่มีอำนาจในวาติกันและท่านยังได้สั่งให้พระอัครสังฆราชแห่งฟิลิปปินส์ถอนคำสั่งที่รับรองการประจักษ์ในลิปาของฟิลิปปินส์อีกด้วย
ทำให้พระอัครสังฆราชผิดหวังเป็นอย่างมาก (มีข่าวว่าท่านจะลาออกจากการเป็นพระสังฆราช)
และเมื่อไม่นานมานี้พระคาร์ดินัล Müllerได้สั่งห้ามการอ่านสาส์นแม่พระที่ซานนิโคลัสในที่สาธารณะ
ทั้งๆที่มีการรับรองการประจักษ์อย่างเป็นทางการแล้ว
พระคาร์ดินัล
Müller ต้องการย้ำเตือนว่าการประจักษ์ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับความเชื่อและท่านยังพยายามจะหยุดยั้งคณะกรรมการที่ทำงานในการรับรองการประจักษ์ในที่ต่างๆ ท่านได้อธิบายบิดเบือนคำพูดของพระสันตปาปาฟรังซิสที่ตรัสเรื่องการศึกษาการประจักษ์
แม่พระประจักษ์ในสัปดาห์แรก
วันพุธ
24 มิ.. 1981
เด็กเห็นสุภาพสตรีวัยรุ่นในระยะไกลสวมอาภรณ์สีเทาทรงอุ้มพระกุมารในอ้อมแขน
ทรงยืนอยู่บนเนินเขา Crnica (ปัจจุบันรู้กันในชื่อเนินเขาแห่งการประจักษ์)
การประจักษ์ครั้งแรกเกิดในตอนบ่าย ครั้งที่สองเกิดในเวลา
18.00 น.
วันพฤหัส 25
มิ.ย. 1981
เด็ก 6
คนเห็นแม่พระประจักษ์ที่ใกล้เนินเขา แม่พระตรัสว่า “จงสรรเสริญพระเยซูเจ้า”
อิวานกา – “แม่ของหนู่อยู่ที่ไหนคะ?”
(แม่ของเธอเสียชีวิตไปเมื่อสองเดือนที่แล้ว) “เธอมีความสุขแล้ว เธออยู่กับฉัน”
เด็ก – “ท่านจะมาอีกในวันพรุ่งนี้หรือไม่คะ?”
แม่พระทรงพยักหน้า
มีรยานา – “จะไม่มีใครเชื่อพวกเรา
พวกเขาจะพูดว่าพวกเราบ้าไปแล้ว
โปรดประทานหมายสำคัญด้วย” แม่พระทรงเพียงแต่ยิ้ม มีรยานาเชื่อว่าเธอจะได้รับหมายสำคัญ เวลาบนนาฬิกาของเธอเปลี่ยนไปในระหว่างการประจักษ์
“ลาก่อน เทวดาของฉัน จงไปในสันติของพระเจ้าเถิด”
วันศุกร์ 26
มิ.ย. 1981
มีฝูงชนมาประมาณ
2000 – 3000 คน มีหมายสำคัญเป็นแสงสว่างส่องลงมาจากภูเขาแห่งการประจักษ์ วิคก้าพรมน้ำเสกที่แม่พระและพูดว่า “ถ้าท่านคือแม่พระ
Gospa ขอให้อยู่กับเรา
ถ้าไม่ใช่จงไปให้พ้น” แม่พระทรงยิ้ม
อิวานกา – “ทำไมท่านจึงมาที่นี่คะ?
ท่านปรารถนาอะไร?”
“ฉันมาเพราะที่นี่ยังมีความเชื่อที่แท้จริง ฉันปรารถนาที่จะอยู่กับพวกลูกเพื่อทำให้ทั้งโลกกลับใจและคืนดีกัน”
อิวานกา – “แม่ของหนูพูดอะไรบ้างหรือเปล่า?”
“จงเชื่อฟังคุณยายของหนูและช่วยเหลือท่านเพราะท่านชรามากแล้ว”
มีรยานา – “คุณปู่ของหนู่เป็นอย่างไรบ้างคะ?”
(เขาเพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน) “เขาสบายดี”
ผู้คนที่อยู่ที่นั่นบอกเด็กให้ถามแม่พระ เด็กถามว่า “โปรดให้หมายสำคัญแก่พวกเราที่พิสูจน์ถึงการประจักษ์ของท่านด้วย”
“เป็นบุญของผู้ที่ไม่ได้เห็นแต่ได้เชื่อ”
มีรยานา – “ท่านเป็นใครคะ?”
“ฉันคือพระนางพรหมจารีย์มารีย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง”
มีรยานา – “ทำไมท่านจึงปรากฏแก่พวกเรา?
พวกเราไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่นๆ”
“ฉันไม่ได้เลือกคนที่ดีที่สุด”
มีรยานา – “ท่านจะกลับมาไหมคะ?” “จ้ะ ฉันจะมาในที่เดียวกันกับเมื่อวานนี้”
ขณะที่เดินกลับไปหมู่บ้านภายหลังการประจักษ์ มารีจาได้เห็นแม่พระอีกครั้ง
พระนางทรงหลั่งน้ำตาอยู่ใกล้กับกางเขนมีแสงสีรุ้งล้อมรอบ
“สันติภาพ สันติภาพ สันติภาพ จงคืนดีกัน
มีเพียงสันติภาพ จงมีสันติภาพกับพระเจ้าและมีสันติภาพกับตัวลูกเอง เพื่อที่จะเป็นเช่นนั้น จำเป็นต้องเชื่อ ต้องสวดภาวนา
อดอาหารและไปสารภาพบาป”
วันเสาร์ 27
มิ.ย. 1981
“จงสรรเสริญพระเยซูเจ้า”
จาคอบ – “ท่านประสงค์สิ่งใดต่อพระสงฆ์ฟรังซิสกันของพวกเราครับ?”
“ขอให้พวกเขารักษาความเชื่อของตนและปกป้องความเชื่อของผู้อื่น”
จาคอบและมีรยานา
– “โปรดให้หมายสำคัญแก่พวกเราเพราะประชาชนพูดว่าพวกเรากำลังโกหก”
“เทวดาของฉัน อย่าได้กลัวความอยุติธรรม มันมีมาอยู่เสมอ”
เด็กๆ – “พวกเราต้องสวดภาวนาอย่างไร?”
“จงสวดภาวนาบทข้าแต่พระบิดา
7 ครั้ง วันทามารีย์ 7 ครั้ง
และพระสิริรุ่งโรจน์ แต่ให้เพิ่มบทข้าพเจ้าเชื่อด้วย ลาก่อน
เทวดาของฉัน จงไปในสันติของพระเจ้าเถิด”
แม่พระตรัสกับอิวานซึ่งยืนอยู่ข้างๆคนอื่น
– “จงมีสันติและจงกล้าหาญ”
(อิวานเล่าว่า -
เมื่อพระนางทรงจากผมไป พระนางทรงยิ้มอย่างสวยงามที่สุด)
วันอาทิตย์ 28
มิ.ย. 1981
เด็ก – “ท่านปรารถนาสิ่งใด?”
“ฉันปรารถนาให้ประชาชนเชื่อและรักษาความเชื่อไว้”
วิคก้า - “ท่านประสงค์สิ่งใดจากพระสงฆ์คะ?”
“ขอให้พวกท่านเข้มแข็งในความเชื่อและขอให้พวกท่านช่วยเหลือพวกเธอ”
เด็ก – “ทำไมท่านจะไม่ปรากฏแก่ทุกคนในโบสถ์ล่ะคะ?”
“เป็นบุญของผู้ที่เชื่อแม้จะไม่ได้เห็น”
เด็ก – “ท่านจะกลับมาอีกไหมคะ?” “จ้ะ
ในที่ที่เดิม”
เด็ก – “ท่านชอบการสวดภาวนาหรือการร้องเพลงคะ?” “ทั้งสองอย่าง สวดภาวนาและร้องเพลง”
วิคก้า – “ท่านประสงค์สิ่งใดจากผู้คนที่มารวมกันอยู่ที่นี่คะ”
เด็กบอกว่าคำถามนี้ไม่ได้มีการตอบนอกจากแม่พระทรงชำเลืองสายตามองด้วยความรักอันเต็มเปี่ยม
และทรงยิ้ม แล้วแม่พระก็ทรงหายไป เด็กๆสวดภาวนาโดยหวังว่าแม่พระจะทรงกลับมา เพราะพระนางไม่ได้ตรัสว่า “ลาก่อน เทวดาของฉัน
ในระหว่างที่พวกเขาร้องเพลง
แม่พระทรงประจักษ์มาอีกครั้งตรัสว่า “พวกลูกทั้งหมดสวยงามมาก”
วิคก้า – “แม่พระที่รัก พระแม่ทรงปรารถนาสิ่งใดจากประชาชนเหล่านี้?” เธอย้ำคำถามนี้สามครั้งและในที่สุดเธอก็ได้รับคำตอบ
“ขอให้ผู้ที่ไม่ได้เห็นจงเชื่อเหมือนผู้ที่ได้เห็น”
วิคก้า – “ขอให้พระแม่โปรดทิ้งหมายสำคัญไว้เพื่อที่ประชาชนจะได้เชื่อว่าเราไม่ได้พูดโกหกหรือมองเห็นเราเป็นตัวตลกได้ไหมคะ?”
แม่พระไม่ทรงตอบเพียงแต่ทรงยิ้ม “จงไปในสันติของพระเจ้าเถิด” พระนางตรัสแล้วทรงหายไป
วันจันทร์ 29
มิ.ย. 1981
เด็ก – “แม่พระที่รัก
พระแม่มีความสุขที่เห็นประชาชนมากมายที่นี่ในวันนี้ไหมคะ?” “ยิ่งกว่าเป็นสุขเสียอีก”
(วิคก้าเขียนว่า พระนางทรงยิ้ม)
วิคก้า – “พระแม่จะทรงมาอยู่กับเรานานเท่าใดคะ?” “ตราบเท่าที่ลูกต้องการให้แม่อยู่จ้ะ เทวดาของแม่”
วิคก้า – “พระแม่ประสงค์สิ่งใดจากประชาชนที่มาที่นี่ทั้งๆที่ร้อนและมีหินแหลมคม?”
“มีเพียงพระเจ้าเดียว ความเชื่อเดียว
ขอให้ประชาชนเชื่อด้วยความมั่นคงและอย่ากลัวสิ่งใด”
วิคก้า – “พระแม่ทรงประสงค์สิ่งใดจากพวกเราคะ?”
“ขอให้พวกลูกมีความเชื่อที่มั่นคงและจงมีความไว้วางใจ”
วิคก้า – “พวกเราจะสามารถทนต่อการเบียดเบียนซึ่งจะเกิดขึ้นแก่พวกเราเพราะพระแม่ได้หรือไม่คะ?”
“พวกลูกจะสามารถทนได้
เทวดาของแม่ จงอย่ากลัว
พวกลูกจะสามารถทนได้ต่อทุกสิ่ง
ลูกต้องเชื่อและมีความไว้วางใจในแม่”
วิคก้าเขียนคำถามของ
Dr. Darinka
Glamuzina – “ฉันจะสัมผัสพระแม่ได้ไหม?” และเธอได้รับคำตอบ
“ยังคงมีโทมัสที่ช่างสงสัยอยู่เสมอ แต่ลูกสามารถเข้ามาใกล้ได้”
วิคก้าผายมือออกไปให้รู้ว่าแม่พระทรงอยู่ที่ไหน
Darinka พยายามสัมผัสแม่พระ
แต่แม่พระทรงหายไป
และแล้วทรงปรากฏมาอีกในแสงสว่างของพระนาง
Daniel Setka บิดาของเด็กอายุสามขวบที่เป็นโรคโลหิตเป็นพิษตั้งแต่อายุสี่วันหลังจากเกิด
ได้ขอให้เด็กๆวอนขอแม่พระให้ช่วยรักษาลูกของเขาที่เป็นโรค
เด็ก – “แม่พระที่รัก ดาเนียลน้อยจะพูดได้ในวันหนึ่งไหม?
โปรดรักษาเขาด้วยเถิดเพื่อที่พวกเขาจะได้เชื่อในพวกเรา ประชาชนเหล่านี้รักพระแม่มาก แม่พระที่รัก
โปรดแสดงอัศจรรย์ แม่พระที่รัก โปรดพูดบางอย่าง” เด็กๆพูดวอนขอซ้ำหลายครั้งและได้รับคำตอบ
“ขอให้พวกเขาเชื่อมั่นว่าจะได้รับการรักษาให้หาย จงไปในสันติของพระเจ้าเถิด
------------
ประโยคที่ถูกซ่อนไว้
(วันที่ 30
มิ.ย. ถึง 31 ธ.ค. 1981)
ในระหว่างที่กองกำลังตำรวจพยายามจับกุมเด็กๆ
แม่พระทรงประจักษ์แก่เด็กในสถานที่ซ่อนตัวของเด็กๆ
วันอังคาร 30
มิ.ย. 1981
ทรงประจักษ์ที่ Cerno มีรยานา – “พระแม่ทรงโกรธหรือไม่ที่พวกเราไม่ได้ไปที่เนินเขา?”
“ไม่เป็นไรหรอก”
มีรยานา – “พระแม่จะทรงโกรธหรือไม่ถ้าพวกเราไม่ไปที่เนินเขาอีกต่อไป
แต่พวกเราจะรออยู่ในโบสถ์แทน?” “จงไปในเวลาเดิมเสมอนะ จงไปในสันติของพระเจ้าเถิด”
ในวันนั้น
มีรยานาเข้าใจว่าแม่พระจะทรงกลับมาอีกเพียงสามครั้งจนถึงแค่วันศุกร์ แต่นั่นเป็นแค่ความเข้าใจเอาเองของเธอ
วันพฤหัส 2
มิ.ย. 1981
จาคอบ – “แม่พระที่รัก
โปรดประทานหมายสำคัญแก่พวกเรา” แม่พระดูเหมือนจะทรงยินยอมด้วยการพยักหน้า “ลาก่อน เทวดาที่รักของแม่”
--------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น