วันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

พระเยซูเจ้าถูกตรึงกางเขนเมื่อไร?





คำแปล

มีหลายคนทั้งที่เป็นคริสตชนและไม่ใช่คริสตชนที่ไม่เชื่อว่าพระเยซูเจ้ามีชีวิตอยู่จริง เรื่องหนึ่งที่ทำให้พวกเขาเชื่อเช่นนั้นก็คือการที่ไม่รู้วันเดือนปีและเวลาที่แน่นอนของการตรึงกางเขนของพระเยซูเจ้า  เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับพวกเราที่เป็นคริสตชนและเป็นคาทอลิก  เพราะความตายและการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าเป็นค่าไถ่ชีวิตนิรันดรของมนุษย์ทุกคน จุดนี้จึงเป็นจุดที่สำคัญของทุกเรื่อง พวกเราที่เป็นคาทอลิกมีความสนใจในประวัติศาสตร์และธรรมประเพณีของพระศาสนจักรเป็นอย่างมาก เพราะเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงเราเข้ากับพระคริสตเจ้า เราต้องการมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเยซูคริสต์และเราต้องการมีความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์กับพระเยซูคริสต์ด้วย เราได้พูดไปในตอนที่แล้วว่า ศีลล้างบาปนำเราไปสู่ห้วงเวลาในอดีตของการสิ้นพระชนม์และการคืนชีพของพระเยซูเจ้า  ศีลสง่า(confirmation)นำเราไปสู่วันที่พระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือพระมารดามารีย์และอัตรสาวก และพระจิตเสด็จมาเหนือพวกเราเป็นส่วนบุคคลด้วยเช่นกันในพิธีมิสซาศักดิ์สิทธิ์และในเทศกาลมหาพรตที่เพิ่งผ่านพ้นไป

ในวันนี้เรากำลังจะใช้วิธีการทางดาราศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ พร้อมด้วยประวัติศาสตร์โลก ประวัติศาสตร์พระศาสนจักร และพระคัมภีร์มาประกอบกันเพื่อสืบค้นหาวัน เดือน ปี และเวลาที่แน่นอนของการสิ้นพระชนม์บนกางเขนขององค์พระบุตรของพระเจ้า  พระบุคคลที่สองในพระตรีเอกภาพนิรันดร โดยมีจุดที่สามารถสืบค้นได้ทั้งหมด 9 จุดดังนี้

จุดที่ 1 จากพระคัมภีร์ลูกา 3:1 กล่าวว่า ยอห์น บัพติสเริ่มภารกิจของท่านในปีที่ 15 ของรัชสมัยไทบีเรียส ซีซาร์เป็นจักรพรรดิของอาณาจักรโรมัน

จุดที่ 2  นักประวัติศาสตร์โรมันบันทึกไว้ว่า ไทบีเรียส ซีซาร์ครองราชย์ต่อจากจักรพรรดิออกัสตัส และได้รับการรับรองจากรัฐสภาโรมันในวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 14 ได้ปกครองจนถึงปี ค.ศ. 37 ดังนั้นในเมื่อยอห์น บัพติสเริ่มภารกิจในปีที่ 15 ของรัชสมัยของไทบีเรียส ซีซาร์  นั่นคือในราวปี ค.ศ. 28 – 29  เวลานั้นยอห์น เริ่มประกอบพิธีล้างด้วยน้ำให้แก่ประชาชนที่แม่น้ำจอร์แดน และสั่งสอนประชาชนให้กลับใจเพราะอาณาจักรสวรรค์ใกล้เข้ามาแล้ว

จุดที่ 3  พระเยซูเจ้าทรงรับศีลล้างจากท่านนักบุญยอห์นตามที่ปรากฏในพระวาสาร ก็จะตกอยู่ในเวลาประมาณ ปี ค.ศ. 29-30 เพราะเรารู้จากพระวรสารว่า พระเยซูเจ้าทรงปรากฏพระองค์หลังจากที่ยอห์นได้ประกอบพิธีล้างและสั่งสอนประชาชนมาระยะหนึ่งแล้ว

จุดที่ 4  ตามพระวรสารนักบุญยอห์น กล่าวว่าพระเยซูเจ้าทรงเริ่มภารกิจของพระองค์เป็นเวลา 3 – 3.5 ปี นักบุญยอห์นผู้นิพนธ์พระวรสารนี้ได้บันทึกภารกิจของพระเยซูเจ้าโดยแบ่งตามช่วงเวลาของเทศกาลปัสกาในแต่ละปีของชาวยิว เป็นสามปัสกา (3ปี) ในขณะที่พระเยซูเจ้าทรงประทับอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม พระวรสารนักบุญยอห์นจึงบันทึกเป็นสามวงรอบของการปฏิบัติภารกิจในการสั่งสอนประชาชนของพระเยซูเจ้าหลังจากได้รับศีลล้างจากท่านยอห์น บัพติสแล้ว (3 ANNUAL CYCLE) ซึ่งปรากฏอยู่ในพระวรสารยอห์น 2:13-23  ยอห์น6:4 และยอห์น11:55 ,ยน. 12:1   เยรูซาเล็มเป็นจุดเริ่มต้นและเป็นจุดสุดท้ายของพระภารกิจของพระเยซูเจ้า ในพระวรสารยอห์น3:12-23 เป็นปัสกาครั้งแรก  ปัสกาครั้งที่ 2 ปรากฏในยอห์น 6 :4 ครั้งนี้พระเยซูเจ้าอยู่ระหว่างทางที่กาลิลีและตรัสถึงศีลมหาสนิทเป็นครั้งแรก นั่นคือปังซึ่งเป็นพระกายของพระองค์ซึ่งเป็นอาหารแท้และพระโลหิตของพระองค์เป็นเครื่องดื่มแท้ และนั่นนำไปสู่ปัสกาครั้งสุดท้ายที่กรุงเยรูซาเล็ม สถานที่พระเยซูเจ้าทรงปฏิบัติภารกิจสุดท้ายของพระองค์ เป็นเวลาแห่งการทรงถูกตรึงกางเขน ดังที่เราอ่านพบความเชื่อมโยงของปัสกากับพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าในยอห์น11:55  และในยอห์น 12:1 ดูเหมือนจะกล่าวถึงปัสกาอีกครั้งหนึ่ง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราจะพูดถึงในวันนี้

จุดที่ 5  พระเยซูเจ้าทรงปฏิบัติภารกิจในการสั่งสอนประชาชนเป็นเวลา 3 – 3.5  ปี (ไม่ถึง 4 ปีตามประเด็นที่ว่าอาจมีปัสกาอีกครั้งหนึ่ง) เมื่อนำจำนวนตัวเลขเหล่านี้มาประกอบเข้าด้วยกัน นั่นคือ พระเยซูเจ้าทรงเริ่มภารกิจประมาณปี ค.ศ. 29 – 30 และใช้เวลาในการปฏิบัติภารกิจประมาณ 3 ปีกว่า ดังนั้นพระองค์จึงทรงสิ้นพระชนม์ในราวปี ค.ศ. 33 หรือ ค.ศ. 34

จุดที่ 6  พระวรสารทั้งสี่ มัทธิว มาร์โก ลูกา และยอห์นกล่าวตรงกันว่าการตรึงกางเขนพระเยซูเจ้าเกิดขึ้นก่อนวันสัปบาโตของชาวยิวจะเริ่มต้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง นั่นคือเกิดในตอนเย็นหรือก่อนค่ำของวันศุกร์ภายในเทศกาลปัสกาซึ่งจะฉลองกันในวันพระจันทร์เต็มดวงเสมอ

ซอฟท์แวร์ทางคอมพิวเตอร์มีประโยชน์ในตอนนี้  เพราะเราสามารถย้อนเวลากลับไปในสถานที่ใดก็ได้ในโลกเพื่อหาปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์และวิถีดวงดาวบนท้องฟ้า ณ.เวลาที่ระบุ และผลลัพท์ที่ได้มีความถูกต้อง 100 %  ดังนั้นเราจึงใช้ซอฟท์แวร์ดาราศาสตร์นี้ย้อนกลับไปที่ท้องฟ้าของกรุงเยรูซาเล็มในอดีต ในช่วงเวลาเทศกาลปัสกา  เป็นวันที่มีพระจันทร์เต็มดวง และตรงกับวันศุกร์  เมื่อเราทำเช่นนี้เราพบว่าวันที่พระจันทร์เต็มดวงของเทศกาลปัสกาในวันของชาวยิวที่เรียกว่าวันที่ 14 ของนิซาน Nisan ปรากฏว่ามีเพียงสองครั้งเท่านั้น  คือ วันที่ 7 เมษายน ค.ศ. 30 และ วันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 33  การที่รู้ช่วงเวลารัชสมัยของไทบีเรียส ซีซาร์จากบันทึกของนักประวัติศาสตร์โรมัน  การรู้ช่วงเวลาภารกิจของยอห์น บัพติส ทำให้เรารู้ว่า เทศกาลปัสกาครั้งนั้นไม่ตรงกับวันที่ 7 เมษายน ค.ศ. 30

เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น  เพราะจากลูกา 3:1 ยอห์นเริ่มภารกิจในปีที่ 15 ของรัชสมัยของไทบีเรียส ซีซาร์ นั่นคือ ค.ศ. 28 หรือ ค.ศ. 29 ดังนั้นถ้าพระเยซูเจ้าถูกตรึงกางเขนในปี ค.ศ. 30 พระองค์ก็ปฏิบัติภารกิจเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นซึ่งไม่ตรงกับบันทึกในพระวรสารที่ระบุว่าพระเยซูเจ้าทรงปฏิบัติภารกิจในวงรอบสามปัสกา (3ปี)  ดังนั้นจึงเหลือเพียงวันที่อันเดียวที่เป็นจริงได้ นั่นก็คือ

วันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 33

พวกเราคริสตชนคาทอลิกจึงมั่นใจได้ 100% ว่า บาปของพวกเราได้รับการอภัยจากพระเป็นเจ้าในวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 33

นอกจากนี้เราสามารถรู้ได้ด้วยว่า พระเยซูเจ้าได้รับศีลล้างจากท่านนักบุญยอห์นตอนต้นปีค.ศ. 30 ซึ่งก็มีเหตุผล เพราะเราฉลองวันที่พระเยซูเจ้าทรงรับศีลล้างในวันที่ 6 มกราคม

เรารู้และมั่นใจแล้วว่า พระเยซูเจ้าทรงถูกตรึงกางเขนในวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 33   ดังนั้นวันที่พระองค์ทรงกลับฟื้นคืนพระชนม์จึงเป็นวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 33

สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญของพวกเราชาวคาทอลิกเพราะเราเชื่อในศีลมหาสนิท  เราเชื่อในพิธีมิสซาศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเราร่วมในพิธีมิสซาเราได้เข้าสู่ความลึกลับแห่งการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสตเจ้า  เมื่อเราศึกษาประวัติศาสตร์  เรารู้ว่าศีลมหาสนิทเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ การสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์ก็เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ กางเขนของพระคริสต์อยู่ในเรื่องราวนี้  เราได้รู้ถึงวัน เดือน ปีและเวลาที่แน่นอนของเหตุการณ์นี้โดยใช้วิทยาศาสตร์  ธรรมประเพณี และประวัติศาสตร์ในการย้อนเวลาไปสืบค้นเหตุการณ์นี้ได้

แต่ยังมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับศีลมหาสนิทที่เราจะสืบค้นในวันนี้ด้วย  นั่นคือมีหลายคนทีเดียวที่พูดว่า “รู้ไหมว่าพระคริสต์ทรงฉลองปัสกาในวันพฤหัสหรือวันศุกร์กันแน่?” เพราะพระวรสารนักบุญยอห์นหรือพระวรสารอื่นๆดูเหมือนจะไม่ได้ระบุไว้แน่ชัดว่าเป็นวันศุกร์ปัสกาหรือวันพฤหัสปัสกา จากการศึกษาข้อเขียนของบรรดาปิตาจารย์ จากหนังสือของบุคคลหลายท่านในอดีต และจากข้อเขียนของนักบุญโทมัส อไควนัส ทำให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

จุดที่ 9 ข้อสรุปก็คือวันศุกร์ เป็นวันปัสกาอย่างแน่นอน  ซึ่งทุกวันนี้เราทำการฉลองเทศกาลปัสกากันในเดือนเมษายน จึงมีคำถามตามมาว่า “ถ้าเช่นนั้นแล้วทำไมพระเยซูเจ้าจึงฉลองปัสกาในคืนวันพฤหัสในเมื่อวันปัสกาคือวันศุกร์เล่า?”  เราต้องจำไว้ว่า  ชาวยิวในสมัยก่อนและในทุกวันนี้นับจุดเริ่มต้นของวันในตอนพระอาทิตย์ตกดิน ไม่ใช่ตอนเที่ยงคืน12:00น. และไม่ใช่ตอนพระอาทิตย์ขึ้น เพราะฉะนั้นหลังจากพระอาทิตย์ตกดินของคืนวันพฤหัส นั่นก็เป็นวันปัสกาเรียบร้อยแล้ว  และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่พวกเราคาทอลิกสามารถร่วมพิธีมิสซาได้ในตอนเย็นวันเสาร์โดยถือว่าเป็นมิสซาวันอาทิตย์  ก็เพราะพระศาสนจักรใช้วิธีการนับวันของชาวยิว ซึ่งมีที่มาจากพระคัมภีร์บทปฐมกาลที่กล่าวว่ามีเวลาเย็นและเวลาเช้าเป็นวันที่หนึ่ง  เวลาเย็นและเวลาเช้าเป็นวันที่สอง  เวลาเย็นและเวลาเช้าเป็นวันที่สาม.....ดังนั้นเมื่อพระคริสต์ทรงรวบรวมอัครสาวกและนำพวกเขาเข้าสู่ความลึกลับแห่งปัสกา  พวกเขาก็ระลึกได้ถึงลูกแกะที่ถูกบูชายัญในสมัยของโมเสส และชาวอิสราแอลได้รับการปลดปล่อยจากการเป็นทาสของชวอิยิปต์โดยเดินผ่านทะเลแดงและถูกนำไปยังดินแดนแห่งพันธสัญญา  พระคริสต์ได้ทรงเข้าสู่ความลึกลับของพิธีกรรมในพระธรรมเก่า ทรงเชื่อมโยงเหตุการณ์ในพระธรรมเก่าเข้ากับพระมหาทรมาน การถูกตรึงกางเขนและการสิ้นพระชนม์ของพระองค์  นี่เป็นความงดงามทางเทววิทยาที่รวมเอาเหตุการณ์เลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย และปัสกาในศีลมหาสนิท พระมหาทรมาน และการสิ้นพระชนม์ของพระคริสตเจ้ามารวมกันกลายเป็นความจริงหนึ่งเดียว  เราชาวคาทอลิกจึงเชื่อมั่นว่าศีลมหาสนิทและพิธีมิสซาเป็นยัญบูชาของพระคริสตเจ้า ผู้ทรงสิ้นพระชนม์เพียงครั้งเดียว เป็นยัญบูชาอันประเสริฐสุดของมนุษย์-พระเจ้า เพื่อไถ่บาปของมนุษย์ทุกคน นี่คือความงดงาม

เมื่อเราไปร่วมพิธีมิสซา  เราไปสารภาพบาปกับพระสงฆ์ เราได้เชื่อมโยงเป็นการส่วนตัวและอย่างศักดิ์สิทธิ์กับพระเยซูคริสตเจ้า บาปของเราทั้งหมดได้รับการอภัยในพระคริสต์  เรารู้ว่าเราได้เป็นหนึ่งเดียวกับพระกายและพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ พระองค์ได้เข้ามาในร่างกายของเรา ในจิตวิญญาณของเรา นี่เป็นความจริงในประวัติศาสตร์ที่นำมาซึ่งความจริงอันงดงามทางเทววิทยาซึ่งผมต้องการแบ่งปันให้กับคุณในวันนี้และขอให้คุณนำไปสิ่งนี้ไปแบ่งปันให้กับคนอื่นๆด้วย

---------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น