วันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2560

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับนักบุญ


นักบุญนิโคลัส

คนส่วนใหญ่ซึ่งไม่ใช่คริสตชนคาทอลิกและที่เป็นคาทอลิกด้วย อาจไม่รู้จักนักบุญนิโคลัส แต่พวกเขาจะรู้จักซานตาคลอสแทน  ซานตา = เซนต์ (นักบุญ)  คลอส มาจากคำว่านิโคลัสซึ่งเรียกสั้นๆเป็น คลอส  และยังมีการสร้างนิยายว่าซานตาคลอสอาศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ มีภรรยาคือ มิสซิสคลอส และมีพวกเอลฟ์เป็นผู้ช่วยคอยช่วยสร้างของเล่นในโรงงานผลิตของเล่น

 
แต่ในความเป็นจริง นักบุญนิโคลัสคือพระสังฆราชแห่งเมืองไมรา (ปัจจุบันอยู่ในตุรกี) ท่านมีชื่อเสียงในความมีเมตตาจิต และยังได้เคยทำอัศจรรย์หลายอย่างด้วย เช่น ทำให้คนตายกลับฟื้นคืนชีพเป็นต้น  ท่านจึงได้รับสมญาว่า “ผู้ทำงานที่น่ามหัศจรรย์ “Wonder-Worker”

 
เราไม่รู้ประวัติของท่านชัดเจนนัก ท่านเกิดวันที่ 15 มี.ค. 270  เสียชีวิตวันที่ 6 ธ.ค. 343 จากโครงกระดูกของท่านทำให้รู้ว่าท่านสูง 5 ฟุต 6 นิ้ว และมีจมูกที่หัก (ไม่รู้สาเหตุกว่าเป็นเพราะอะไร) ท่านเป็นพระสังฆราช ดังนั้นท่านจึงไม่มีภรรยาอย่างแน่นอน
 
น.นิโคลัสได้เข้าร่วมในสังคายนาที่เมืองนีเซียในปี 325 ด้วย และในสังคายนาครั้งนี้ น.นิโคลัสรู้สึกขัดเคืองคำสอนที่หลงผิดของอาเรียส ผู้ตั้งลัทธินอกรีตอาเรียนเป็นอย่างมาก ท่านจึงเดินตรงเข้าไปหาอาเรียสและชกเข้าที่ใบหน้าของเขา  พระสังฆราชองค์อื่นๆเห็นเช่นนั้นก็ตกใจ และสั่งให้ถอดถอนตำแหน่งและอาภรณ์ของท่านออก นำท่านไปขังในคุก  (น.นิโคลัสเองก็รู้สึกละอายใจที่ท่านไม่สามารถควบคุมอารมณ์ไว้ได้และต้องการขออภัยเช่นกัน)  แต่พระเยซูเจ้าและแม่พระได้ประจักษ์มาหาน.นิโคลัสในคุก  ในเวลาต่อมา เมื่อยามผู้คุมเข้ามาที่คุก ก็พบว่า น.นิโคลัส ไม่มีโซ่ล่ามเอาไว้ และท่านสวมเสื้อคลุมประดับลวดลายสำหรับตำแหน่งพระสังฆราชอยู่ (แม่พระทรงประทานให้แก่ท่าน) และท่านกำลังอ่านพระคัมภีร์อยู่อย่างเงียบๆ พระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์ทรงช่วยคืนอิสรภาพและตำแหน่งของท่านกลับมา

เรื่องเด่นๆอีกเรื่องคือการช่วยผู้บริสุทธิ์ให้พ้นโทษประหารชีวิต ครั้งหนึ่งมีเจ้าเมืองๆหนึ่งใส่ร้ายนายทหารสามคนให้พวกเขาถูกขังคุกเพราะความอิจฉา หลังจากที่นายทหารสามคนนี้ถูกส่งไปเมืองฟริเจียโดยจักรพรรดิคอนสแตนตินเพื่อปราบกบฏ พอกลับมาก็ถูกเจ้าเมืองใส่ร้ายต่อหน้าจักรพรรดิซึ่งต่อมาได้ถูกตัดสินโทษให้ประหารชีวิต

            นักบุญนิโคลัสรีบเดินทางไปลานประหารและยื่นมือหยุดดาบของเพชรฆาตอย่างกล้าหาญและประณามเจ้าเมืองให้กลับใจและขออภัยพวกเขาเสีย

(หมายเหตุ - มีอีกตำนานว่าเมื่อทหารสามคนนี้ก็รู้อยู่ว่าถูกใส่ร้าย จึงภาวนาต่อพระเจ้าผ่านคุณงามความดีของนักบุญนิโคลัส คืนนั้นก็เกิดการอัศจรรย์ขึ้นอีกครั้งหนึ่งครับ ท่านไปปรากฏในฝันของจักรพรรดิคอนสแตนตินและได้บอกเขาให้ปล่อยนายทหารสามคนนี้ไปเช่นเดียวกับเจ้าเมืองที่ฝันเห็นนักบุญนิโคลัสเหมือนกัน รุ่งเช้าจักรพรรดิคอนสแตนตินกับเจ้าเมืองก็รู้ว่าทั้งคู่ฝันอย่างเดียวกัน จึงเรียกนายทหารทั้งสามซึ่งตอนนี้เป็นนักโทษมาสอบถามก็พบว่าพวกเขาขานนามนักบุญนิโคลัสที่ปรากฏในฝันพวกเขานั่นเอง เมื่อทราบดังนี้แล้ว จักรพรรดิคอนสแตนตินจึงปล่อยพวกเขาไปครับ)

              น.นิโคลัสเสียชีวิตที่เมืองไมรา ร่างของท่านถูกฝังไว้ที่เมืองนี้และเป็นที่แสวงบุญของชาวคริสต์ตลอดมา.....ต่อมาในปี 1087 ศพของท่านถูกพ่อค้าชาวอิตาลีขโมยจากเมืองไมรามาไว้ที่เมืองบารี ประเทศอิตาลี จวบจนปัจจุบัน

รูปภาพน.นิโคลัสกำลังช่วยเหลือชายผู้บริสุทธิ์ให้รอดพ้นจากถูกประหารชีวิต


มีเรื่องที่เล่าเกี่ยวกับ น.นิโคลัสเรื่องหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดี มีชายคนหนึ่งมีลูกสาวสามคน  ชายคนนี้ไม่มีเงินเพียงพอสำหรับการแต่งงานของลูกสาวทั้งสาม  เมื่อน.นิโคลัสรู้เรื่องนี้ ท่านก็ช่วยเหลือชายคนนี้และลูกสาว ท่านแอบไปที่บ้านของชายคนนี้ในเวลากลางคืนและได้โยนถุงเงินสามถุงเข้าไปในบ้าน เพื่อที่ลูกสาวทั้งสามจะได้แต่งงานกับชายหนุ่มที่เธอรักและไม่ต้องถูกขายเป็นโสเภณีเพราะความยากจน ชายผู้เป็นพ่อบังเอิญมาเห็นน.นิโคลัสขณะที่กำลังโยนถุงเงินพอดี  เขาพยายามสรรเสริญ น.นิโคลัส  แต่ท่านบอกเขาให้สรรเสริญพระเป็นเจ้าแทน

น.นิโคลัสเป็นตัวอย่างแก่เราในการมีเมตตาจิตต่อผู้ตกทุกข์ได้ยาก และยังเป็นตัวอย่างในเรื่องของความกล้าหาญในการเป็นพยานยืนยันความจริงของพระเจ้า
----------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น