นักบุญนิโคลัส
คนส่วนใหญ่ซึ่งไม่ใช่คริสตชนคาทอลิกและที่เป็นคาทอลิกด้วย
อาจไม่รู้จักนักบุญนิโคลัส แต่พวกเขาจะรู้จักซานตาคลอสแทน ซานตา = เซนต์ (นักบุญ) คลอส มาจากคำว่านิโคลัสซึ่งเรียกสั้นๆเป็น
คลอส
และยังมีการสร้างนิยายว่าซานตาคลอสอาศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ มีภรรยาคือ
มิสซิสคลอส และมีพวกเอลฟ์เป็นผู้ช่วยคอยช่วยสร้างของเล่นในโรงงานผลิตของเล่น
แต่ในความเป็นจริง
นักบุญนิโคลัสคือพระสังฆราชแห่งเมืองไมรา (ปัจจุบันอยู่ในตุรกี)
ท่านมีชื่อเสียงในความมีเมตตาจิต และยังได้เคยทำอัศจรรย์หลายอย่างด้วย เช่น
ทำให้คนตายกลับฟื้นคืนชีพเป็นต้น
ท่านจึงได้รับสมญาว่า “ผู้ทำงานที่น่ามหัศจรรย์ “Wonder-Worker”
เราไม่รู้ประวัติของท่านชัดเจนนัก
ท่านเกิดวันที่ 15 มี.ค. 270
เสียชีวิตวันที่ 6 ธ.ค. 343 จากโครงกระดูกของท่านทำให้รู้ว่าท่านสูง 5 ฟุต
6 นิ้ว และมีจมูกที่หัก (ไม่รู้สาเหตุกว่าเป็นเพราะอะไร) ท่านเป็นพระสังฆราช ดังนั้นท่านจึงไม่มีภรรยาอย่างแน่นอน
น.นิโคลัสได้เข้าร่วมในสังคายนาที่เมืองนีเซียในปี
325 ด้วย และในสังคายนาครั้งนี้ น.นิโคลัสรู้สึกขัดเคืองคำสอนที่หลงผิดของอาเรียส ผู้ตั้งลัทธินอกรีตอาเรียนเป็นอย่างมาก
ท่านจึงเดินตรงเข้าไปหาอาเรียสและชกเข้าที่ใบหน้าของเขา พระสังฆราชองค์อื่นๆเห็นเช่นนั้นก็ตกใจ และสั่งให้ถอดถอนตำแหน่งและอาภรณ์ของท่านออก
นำท่านไปขังในคุก (น.นิโคลัสเองก็รู้สึกละอายใจที่ท่านไม่สามารถควบคุมอารมณ์ไว้ได้และต้องการขออภัยเช่นกัน) แต่พระเยซูเจ้าและแม่พระได้ประจักษ์มาหาน.นิโคลัสในคุก ในเวลาต่อมา เมื่อยามผู้คุมเข้ามาที่คุก
ก็พบว่า น.นิโคลัส ไม่มีโซ่ล่ามเอาไว้
และท่านสวมเสื้อคลุมประดับลวดลายสำหรับตำแหน่งพระสังฆราชอยู่
(แม่พระทรงประทานให้แก่ท่าน) และท่านกำลังอ่านพระคัมภีร์อยู่อย่างเงียบๆ พระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์ทรงช่วยคืนอิสรภาพและตำแหน่งของท่านกลับมา
เรื่องเด่นๆอีกเรื่องคือการช่วยผู้บริสุทธิ์ให้พ้นโทษประหารชีวิต
ครั้งหนึ่งมีเจ้าเมืองๆหนึ่งใส่ร้ายนายทหารสามคนให้พวกเขาถูกขังคุกเพราะความอิจฉา
หลังจากที่นายทหารสามคนนี้ถูกส่งไปเมืองฟริเจียโดยจักรพรรดิคอนสแตนตินเพื่อปราบกบฏ
พอกลับมาก็ถูกเจ้าเมืองใส่ร้ายต่อหน้าจักรพรรดิซึ่งต่อมาได้ถูกตัดสินโทษให้ประหารชีวิต
นักบุญนิโคลัสรีบเดินทางไปลานประหารและยื่นมือหยุดดาบของเพชรฆาตอย่างกล้าหาญและประณามเจ้าเมืองให้กลับใจและขออภัยพวกเขาเสีย
นักบุญนิโคลัสรีบเดินทางไปลานประหารและยื่นมือหยุดดาบของเพชรฆาตอย่างกล้าหาญและประณามเจ้าเมืองให้กลับใจและขออภัยพวกเขาเสีย
(หมายเหตุ
- มีอีกตำนานว่าเมื่อทหารสามคนนี้ก็รู้อยู่ว่าถูกใส่ร้าย
จึงภาวนาต่อพระเจ้าผ่านคุณงามความดีของนักบุญนิโคลัส
คืนนั้นก็เกิดการอัศจรรย์ขึ้นอีกครั้งหนึ่งครับ ท่านไปปรากฏในฝันของจักรพรรดิคอนสแตนตินและได้บอกเขาให้ปล่อยนายทหารสามคนนี้ไปเช่นเดียวกับเจ้าเมืองที่ฝันเห็นนักบุญนิโคลัสเหมือนกัน
รุ่งเช้าจักรพรรดิคอนสแตนตินกับเจ้าเมืองก็รู้ว่าทั้งคู่ฝันอย่างเดียวกัน
จึงเรียกนายทหารทั้งสามซึ่งตอนนี้เป็นนักโทษมาสอบถามก็พบว่าพวกเขาขานนามนักบุญนิโคลัสที่ปรากฏในฝันพวกเขานั่นเอง
เมื่อทราบดังนี้แล้ว จักรพรรดิคอนสแตนตินจึงปล่อยพวกเขาไปครับ)
น.นิโคลัสเสียชีวิตที่เมืองไมรา ร่างของท่านถูกฝังไว้ที่เมืองนี้และเป็นที่แสวงบุญของชาวคริสต์ตลอดมา.....ต่อมาในปี 1087 ศพของท่านถูกพ่อค้าชาวอิตาลีขโมยจากเมืองไมรามาไว้ที่เมืองบารี ประเทศอิตาลี จวบจนปัจจุบัน
น.นิโคลัสเสียชีวิตที่เมืองไมรา ร่างของท่านถูกฝังไว้ที่เมืองนี้และเป็นที่แสวงบุญของชาวคริสต์ตลอดมา.....ต่อมาในปี 1087 ศพของท่านถูกพ่อค้าชาวอิตาลีขโมยจากเมืองไมรามาไว้ที่เมืองบารี ประเทศอิตาลี จวบจนปัจจุบัน
รูปภาพน.นิโคลัสกำลังช่วยเหลือชายผู้บริสุทธิ์ให้รอดพ้นจากถูกประหารชีวิต
มีเรื่องที่เล่าเกี่ยวกับ
น.นิโคลัสเรื่องหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดี มีชายคนหนึ่งมีลูกสาวสามคน
ชายคนนี้ไม่มีเงินเพียงพอสำหรับการแต่งงานของลูกสาวทั้งสาม เมื่อน.นิโคลัสรู้เรื่องนี้
ท่านก็ช่วยเหลือชายคนนี้และลูกสาว
ท่านแอบไปที่บ้านของชายคนนี้ในเวลากลางคืนและได้โยนถุงเงินสามถุงเข้าไปในบ้าน เพื่อที่ลูกสาวทั้งสามจะได้แต่งงานกับชายหนุ่มที่เธอรักและไม่ต้องถูกขายเป็นโสเภณีเพราะความยากจน
ชายผู้เป็นพ่อบังเอิญมาเห็นน.นิโคลัสขณะที่กำลังโยนถุงเงินพอดี เขาพยายามสรรเสริญ น.นิโคลัส แต่ท่านบอกเขาให้สรรเสริญพระเป็นเจ้าแทน
น.นิโคลัสเป็นตัวอย่างแก่เราในการมีเมตตาจิตต่อผู้ตกทุกข์ได้ยาก
และยังเป็นตัวอย่างในเรื่องของความกล้าหาญในการเป็นพยานยืนยันความจริงของพระเจ้า
----------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น