วันที่ 5 มีนาคม 1953 สตาลิน ผู้นำสหภาพโซเวียตผู้สั่งการให้สังหารหมู่และเบียดเบียนคริสตศาสนามากที่สุดในประวัติศาสตร์ได้เสียชีวิตลง
ตามคำพูดของ
สเวทลานา Svetlana ลูกสาวของสตาลินได้เล่าว่า “การตายของคุณพ่อเป็นไปอย่างช้าๆและไม่ราบรื่น.....ใบหน้าของเขากลายเป็นสีดำคล้ำและดูแปลก...ลักษณะของเขาเปลี่ยนไป...ความทุกข์ทรมานของความตายนั้นมันดูน่ากลัวมาก มันทำให้เขาดิ้นรนทุรนทุรายในขณะที่พวกเราเฝ้าดู....ช่วงสุดท้าย ในทันใดน้ันเขาก็ลืมตาขึ้น
มันเป็นภาพที่น่ากลัวมาก เหมือนเขาเป็นบ้า
หรือ โกรธ และกลัวความตายอย่างที่สุด....”
“และทันทีทันใด จังหวะการหายใจของเขาก็เปลี่ยนไป นางพยาบาลคนหนึ่งคิดว่ามันเหมือนเป็น’การทักทาย’ ดูเหมือนเขากำลังชี้นิ้วไปที่ไหนสักแห่งข้างบนหรือกำลังด่าว่าพวกเราทุกคน...”
จากการสังเกตของสเวทลานา สตาลินเหมือนกำลังตะกุยตะกายในอากาศเพื่อหาออกซิเจน
ในเวลาต่อมา วิญญาณของสตาลินก็หลุดลอยออกจากร่างของเขาไป.....
สตาลินตายไปโดยไม่ได้แต่งตั้งผู้สืบทอดอำนาจ
จอร์จี มาเลนคอฟ (Georgy
Malenkov) ดำรงตำแหน่งผู้นำสหภาพโซเวียตต่อจากสตาลิน
ในเวลานั้น อเมริกาก็มีผู้นำคนใหม่คือ
ประธานาธิบดีไอเซนฮาว และมีรองประธานาธิบดีคือ
ริชาร์ด นิกสัน
------------------------------------
เอเสเคียล 18:23
------------------------------------
เอเสเคียล 18:23
“เจ้าคิดว่าเราชื่นชมที่เห็นคนชั่วตายหรือ?”
พระเจ้าตรัส “เราไม่ต้องการเช่นนั้น เราต้องการเห็นเขากลับใจและมีชีวิตอยู่มากกว่า”
พระเป็นเจ้าไม่ทรงปรารถนาให้มีมนุษย์สักคนเดียวต้องถูกโทษในนรก คนชั่วต้องลงไปในนรกเพราะเขาไม่ต้องการความช่วยเหลือของพระเจ้า
2เปโตร 3:9 กล่าวไว้ว่า “พระเป็นเจ้าไม่ทรงรีรอที่จะปฏิบัติตามพระสัญญาดังที่บางคนคิด
แต่พระองค์ทรงอดกลั้นต่อท่านทั้งหลาย ไม่ประสงค์ให้ผู้ใดต้องพินาศ แต่ทรงประสงค์ให้ทุกคนกลับใจเปลี่ยนวิถีชีวิต”
พระเป็นเจ้าไม่ทรงปรารถนาให้มีมนุษย์สักคนเดียวต้องถูกโทษในนรก พระองค์มิได้พอพระทัยที่ต้องตัดสินลงโทษคนบาป พระองค์ไม่ทรงโกรธแค้นคนบาป หรือหัวเราะเยาะคนบาป แต่พระองค์ต้องการให้คนบาปกลับใจและมีชีวิต “อย่าอวดความมั่งมีเลย แต่ให้เขาอวดในสิ่งนี้คือ ในการที่เขาเข้าใจและรู้จักเรา ว่าเราคือพระเจ้าที่แสดงความรักความเมตตากรุณา แสดงความยุติธรรมและความชอบธรรมในโลก เพราะเราพอใจในสิ่งเหล่านี้”(เยเรมีย์ 9:24)
พระเป็นเจ้าไม่ทรงปรารถนาให้มีมนุษย์สักคนเดียวต้องถูกโทษในนรก พระองค์มิได้พอพระทัยที่ต้องตัดสินลงโทษคนบาป พระองค์ไม่ทรงโกรธแค้นคนบาป หรือหัวเราะเยาะคนบาป แต่พระองค์ต้องการให้คนบาปกลับใจและมีชีวิต “อย่าอวดความมั่งมีเลย แต่ให้เขาอวดในสิ่งนี้คือ ในการที่เขาเข้าใจและรู้จักเรา ว่าเราคือพระเจ้าที่แสดงความรักความเมตตากรุณา แสดงความยุติธรรมและความชอบธรรมในโลก เพราะเราพอใจในสิ่งเหล่านี้”(เยเรมีย์ 9:24)
---------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น