โดย–Michael H.
Brown
วันที่ 13 ต.ค.
1917 เกิดอัศจรรย์ดวงอาทิตย์ที่ฟาติมา
วันนี้เป็นวันครบรอบ 100 ปีพอดีของเหตุการณ์นั้น นี่เป็น
“อัศจรรย์ดวงอาทิตย์ที่ยิ่งใหญ่ของฟาติมา” มีประชาชนได้เห็นประมาณ 70,000 คน
จากทุกชนชั้น ทุกฐานะ ทุกอาชีพ มีทั้งผู้ที่เชื่อในพระเจ้าและผู้ที่ไม่เชื่อ
มีนักวิทยาศาสตร์ นายแพทย์ นักการเมือง ฯลฯ
ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าเปลี่ยนไปจากสถานะเดิมของมัน และวันก่อนหน้านี้ก็มีฝนตกหนักตลอดทั้งคืน
แต่สภาพอากาศก็กลับมาเป็นปกติไม่นานก่อนจะเกิดอัศจรรย์ ดวงอาทิตย์หมุนรอบตัวเองอย่างรวดเร็ว
สาดแสงเป็นสีต่างๆไปทั่วท้องฟ้า
แล้วดวงอาทิตย์ก็เหมือนกับจะหลุดออกจากตำแหน่งของมันตกลงมายังโลก ประชาชนพากันตกใจร้องเสียงดัง
บางคนสวดวอนขอพระเจ้าอภัยบาปของเขา
ก่อนบ่ายโมง
ลูซีอาและลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนก็ตกอยู่สัมพันธญาณ เมฆบนท้องฟ้าเปิดออก ลูซีอาเห็นแม่พระทรงอาภรณ์สีขาวมีนักบุญยอแซฟยืนอยู่ด้านข้างอุ้มพระกุมารเยซู
ต่อมาลูซีอาเห็นแม่พระในลักษณะแม่พระมหาทุกข์ทรงอยู่กับพระเยซูเจ้าที่เป็นผู้ใหญ่ทรงทอดพระเนตรฝูงชนด้วยความสงสารและทรงยกพระหัตถ์อวยพรบรรดาผู้แสวงบุญเหล่านั้น ในตอนท้ายของการอยู่ในสัมพันธญาณนี้ ลูซีอาเห็นแม่พระในลักษณะของแม่พระแห่งภูเขาคาร์เมลทรงอาภรณ์สีน้ำตาลดำ
“ขณะที่สิ่งเหล่านี้เกิดอยู่
บางอย่างคล้านจานแบนเคลื่อนไหวอยู่ด้านหน้าของดวงอาทิตย์
และดวงอาทิตย์ได้เต้นเป็นเวลานาน 10
นาทีเหมือนล้อไฟที่บรรยายไว้ในพระคัมภีร์เอเซเคียล มันหมุนและสาดแสงรังสีเจิดจ้าสะท้อนเป็นสีเขียว
แดง สัม ฟ้า และม่วงบนใบหน้าของผู้คนด้านล่าง มันหมุนอยู่ประมาณ 3 นาที แล้วหยุด
แล้วเริ่มตกลงมาเป็นแนวทางซิกแซก ราวกับว่าจะทำลายโลกให้แตกไป”
เมื่ออัศจรรย์สิ้นสุดลง
ประชาชนต่างพบว่า เสื้อผ้าที่ตนสวมใส่ที่เปียกจากฝนตกนั้น ได้แห้งและสะอาด
ผู้ที่เชื่อยากก็มีทฤษฏีของตัวเอง
บางคนบอกว่าเป็นปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลดซ้อน
มีบล็อกหนึ่งบอกว่า ปรากฏการณ์ของดวงอาทิตย์เช่นนี้เป็นปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นเมื่อแกนของโลกเคลื่อน
บางคนบอกว่าเป็นการสะกดจิตหมู่หรือเป็นการเห็นภาพลวงตาหมู่
แต่คนจำนวนนับหมื่นจะเห็นภาพลวงตาแบบเดียวกันและพร้อมๆกันได้อย่างไร?
บางคนยังบอกว่า
จานแบนที่อยู่ด้านหน้าดวงอาทิตย์นั้นคือ จานบินของมนุษย์ต่างดาว (;Michael H.
Brown;" – มันดูเหมือนแผ่นศีลมหาสนิทมากกว่า
ผมได้เห็นมาด้วยตาของตัวเอง และได้เขียนบรรยายไว้ในเว็ปไซต์บางแห่ง)
ผมได้เห็น “อัศจรรย์ดวงอาทิตย์”
หลายครั้งในระหว่างทำการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้มากกว่า 40 ปี อันได้แก่
สถานที่ใกล้ลีซีเออร์ในฝรั่งเศส
ที่ลูรดส์เมื่อสองปีก่อน
ที่เบธาเนียในเวเนซูเอล่า
ที่ควิโตในเอกวาดอร์ ที่ไอร์แลนด์ ที่เมดจูกอเรจ์ ในเฮอเซโกวินา ที่ซาร์วานิสตายาในยูเครน และยังมีที่อื่นๆอีก เป็นสถานที่กล่าวกันว่าแม่พระทรงประจักษ์มาหรือเคยประจักษ์มา
ผู้ที่เห็นแม่พระมีทั้งผู้มีใจศรัทธาและไม่ศรัทธา พวกเขาได้รับพระพรให้เห็นสิ่งที่เหนือธรรมชาติทางกายภาพ พวกเขาได้เห็นสิ่งที่พระเจ้าทรงให้เขาเห็น ที่เบธาเนีย ผมเห็นดวงอาทิตย์หมุนและสาดแสงรังสียาวมายังโลกคล้ายกับรูปภาพของแม่พระในเหรียญอัศจรรย์
ผมเคยพูดกับนักดาราศาสตร์ชื่อ
ดร. โยเซฟ แพตเตอร์สันที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย
เขาบอกว่าเวลา 10 นาทีนั้นทำให้คนเราตาบอดได้ มันจะเผาเรตินาเป็นรู สิ่งนี้ไม่ได้เกิดกับผมเลย ดร.แพตเตอร์สันพูดว่าเขาไม่สามารถหาเหตุผลใดมาอธิบายถึงปรากฏการณ์ของการที่ดวงอาทิตย์หมุนในแบบที่ผมเล่าให้เขาฟัง
หรืออะไรที่เป็นสิ่งคล้ายจานสีขาวที่ดูเหมือนจะเคลื่อนไหวอยู่หน้าดวงอาทิตย์
และผมก็ไม่ได้เห็นจุดดับบนดวงอาทิตย์อย่างแน่นอน
เช้าวันหนึ่งที่เมดจูกอเรจ์
ดวงอาทิตย์ได้สาดแสงรังสีรูปร่างคล้ายกางเขนลงมายังสวนองุ่นที่อยู่ไม่ไกลจากตัวผมมากนัก (ในระหว่างเกิดเหตุการณ์นี้ผมเห็นคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งจ้องมองอยู่
เมื่อผมเข้าไปใกล้พวกเขาเพื่อถามว่าเขาเห็นสิ่งเดียวกับผมหรือเปล่า ผมก็จำได้ว่าพวกเขาคือโค๊ชผู้ฝึกสอนโลมาที่มีชื่อเสียง
ชูล่าและภรรยาของเขา)
พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่
16 ผู้แปลความหมายของความลับฟาติมาข้อที่สาม
กล่าวว่า “ในเรื่องนี้ อาจอธิบายทางเทววิทยาได้ว่ามีรูปแบบการมองเห็นหรือ “นิมิต”
สามแบบ นั่นคือ นิมิตด้วยประสาทสัมผัส , การรับรู้ทางภายนอกหรือภายในร่างกาย
และนิมิตฝ่ายจิต ( visio
sensibilis – imaginativa – intellectualis) เป็นที่แน่ชัดว่า นิมิตที่ลูรดส์ ที่ฟาติมา
และที่อื่นๆเป็นการรับรู้ทางภายนอกร่างกายของประสาทสัมผัส
ภาพและรูปแบบที่มองเห็นไม่ได้อยู่อย่างเลื่อนลอยแต่อยู่ในสถานที่อย่างเช่นที่ต้นไม้หรือบ้าน
ไม่เหมือนกับผู้ที่มีประสบการณ์ใกล้ตายที่เห็นอุโมงค์เปิดออก
หรือแสงสว่างเจิดจ้าเกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขา
พระเจ้าสามารถทำในสิ่งที่ทรงประสงค์
พระองค์สามารถทำให้ฝูงชนมีประสบการณ์ที่เหนือธรรมชาติบางอย่างที่เกินความเป็นจริงได้
ที่กีเบโฮ
ในราวันดา ผู้เห็นแม่พระอธิบายว่า สิ่งแวดล้อมตัวเขาได้หายไปในทันทีทันใดในระหว่างที่แม่พระทรงประจักษ์มา
(พระศาสนจักรรับรองแล้ว)
พวกเขาไม่เห็นฝูงชนที่รายล้อมอยู่แต่เห็นเป็นอย่างอื่นแทน (เห็นเป็นทุ่งดอกไม้
บางดอกสดชื่น บางดอกเหี่ยวแห้ง)
จงเชื่อสิ่งที่คุณเห็น ปรากฏการณ์เกิดขึ้นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เมื่อเราไม่ได้เจ็บป่วยทางประสาท และเรามีใจศรัทธาปฏิบัติกิจทางคริสต์ศาสนา
โดยการสวดภาวนาและพลีกรรมอดอาหาร
เราจะรับรู้ถึงโลกที่อยู่เหนือกายภาพ
เหนือสิ่งต่างๆของโลกนี้
–Michael H. Brown
------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น