เรื่องราวของหญิงมุสลิมคนหนึ่ง
ฉันชื่ออนิลา
ฉันเคยอยู่ในครอบครัวมุสลิม
ตอนนี้ฉันเปลี่ยนมาเป็นคริสตชนแล้ว
ฉันไม่เคยเห็นคริสตชนมาก่อนเลยเมื่อเวลาที่เรียนอยู่ในโรงเรียน ฉันได้ยินพ่อแม่ซึ่งยังคงเป็นมุสลิมพูดว่า
คริสตชนเป็นพวกที่”ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวด้วย”
ฉันเคยสงสัยว่า
คน”ที่ไม่ควรยุ่งเกี่ยวด้วย”นี้ เป็นอย่างไร?
ฉันเคยคิดว่าพวกเขาไม่ใช่มนุษย์
และเมื่อฉันเริ่มศึกษาการพยาบาล ฉันมีเพื่อนที่เป็นคริสตชนบางคน พวกเขาศึกษาพระคัมภีร์ไบเบิลด้วยกันบ่อยๆ ในตอนนั้นฉันไม่มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิลเลย ฉันเห็นพวกเขาอ่านพระคัมภีร์ไบเบิลและสวดภาวนา ต่อมาฉันอยากรู้ว่าพวกเขาทำอะไรบ้าง? ฉันจึงถามพวกเขาและพวกเขาตอบว่า นี่คือหนังสือศักดิ์สิทธิ์”ไบเบิล”ของเรา
เหมือนกับหนังสือ “โกราน”ของคุณ
วันหนึ่งเพื่อนร่วมห้องของฉันที่เป็นคริสตชนไปเข้าเวร
ส่วนฉันหยุดพักและอยู่ที่ห้อง
ฉันตัดสินใจที่จะอ่านพระคัมภีร์ไบเบิลเพื่อดูว่าพวกเขาอ่านอะไร? ฉันเคยรู้จากการฟังมาว่า
หนังสือศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาถูกเขียนขึ้นโดยมนุษย์แทนที่จะมาจากพระวาจาที่แท้จริงของพระเจ้า
และมีข้อความที่หลากหลายประเภทปะปนกัน
เมื่อฉันอ่านในพระคัมภีร์ปฐมกาล
ฉันพบว่าเหมือนกับที่ฉันเคยอ่านในคัมภีร์โกราน
แต่มันอธิบายได้ดีมากจนฉันไม่คิดว่าจะเป็นการคิดประดิษฐ์ขึ้นจากฝีมือมนุษย์
ความสนใจของฉันเพิ่มขึ้นและฉันจะลักลอบอ่านพระคัมภีร์ของเพื่อนเสมอเมื่อเธอไม่อยู่ในห้อง เมื่อฉันอ่านพระคัมภีร์นักบุญมัทธิว
ฉันได้เรียนรู้เป็นอย่างมากและความสนใจในศาสนาคริสต์ของฉันก็เพิ่มขึ้นเป็นอันมาก
แต่ฉันไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครเลย เพราะเป็นไปไม่ได้สำหรับฉันที่จะบอกคนอื่นและพ่อแม่ของฉันว่าฉันได้อ่านพระคัมภีร์ไบเบิล
และบอกว่าไม่พบว่ามีสิ่งผิดอะไรในนั้น
หลังจากฉันสำเร็จการศึกษาการพยาบาล
ฉันไปที่เมืองอิสลามมาบัดเพื่อทำงาน พระเจ้าทรงประทานพระหรรษทานให้ฉันได้พบกับคริสตชนหญิงหลายคน
วันหนึ่งฉันได้ไปที่โบสถ์พร้อมกับเพื่อนคริสตชนของฉํน
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันไปที่โบสถ์ เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ได้เห็นพิธีในโบสถ์
ในระหว่างพิธีฉันรู้สึกว่าร่างกายสั่นสะท้านด้วยพลังฝ่ายจิต
ฉันควบคุมตัวไม่ได้เพราะเป็นพลังที่มีอำนาจมาก ฉันรู้สึกชอบพิธีมากและรู้สึกว่าจิตใจมีอิสระอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในอิสลาม
เพราะในอิสลามฉันไม่ได้รับอนุญาตให้พูดกับใคร และไม่สามารถสวดภาวนาในมัสยิดพร้อมกับผู้ชาย
ฉันรู้สึกดีมากในโบสถ์และฉันได้รับการต้อนรับด้วยความรักความอบอุ่นเป็นอย่างมาก ฉันตระหนักว่าคนเหล่านี้เป็นคนดีมากและเพื่อนของฉันก็รักฉันมากด้วย
เมื่อกลับมาที่บ้านพักฉันพูดกับเพื่อนฉันว่า
ฉันอยากไปที่โบสถ์อีก
ฉันได้ไปที่โบสถ์อีกและฉันชอบที่นั่นมาก
และฉันบอกเพื่อนว่าอํนอยากจะเป็นคริสตชน เพื่อนฉันบอกฉันว่า
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ฉันจะมาเป็นคริสตชนได้
แต่เธอบอกว่าจะลองไปปรึกษากับผู้อภิบาลดูก่อน
ผู้อภิบาลบอกฉันว่า
ฉันไม่สามารถมานับถือศาสนาคริสต์ได้ในประเทศที่เป็นอิสลาม ฉันจะถูกทรมานและถูกฆ่า
ดังนั้นให้ฉันเปลี่ยนความตั้งใจเสีย
ฉันถูกบังคับให้เปลี่ยนความคิด
ต่อมาพระเจ้าทรงประทานพละกำลังให้แก่ฉันและฉันได้กลับไปหาผู้อภิบาลอีกครั้ง
ฉันพูดว่าฉันจะเข้าสู่อ้อมกอดของพระคริสต์ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
ดังนั้นท่านจึงสอนเรื่องราวพระคัมภีร์และความเชื่อคริสตชนแก่ฉันมากขึ้น
และฉันพูดว่า ฉันต้องการรับการล้างบาป ฉันได้รับเวลาให้คิดทบทวนมากขึ้น แต่ฉันก็ไม่เปลี่ยนความตั้งใจของฉัน
แล้วฉันก็ได้รับการล้างบาปในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้า
นี่คือเรื่องราวเมื่อสามปีครึ่งที่ผ่านมาที่ฉันได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์
------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น