วันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

มีน้อยคนที่ได้รับความรอดหรือ?


นักบุญเลียวนาร์ด แห่งพอร์ตเมาไรซ์ Leonard of Port Maurice(1676-1751)

ท่านเป็นนักบวชฟรังซิสกันผู้ศักดิ์สิทธิ์ ท่านอาศัยอยู่ในอารามเซนต์โบนาเวนตูราในกรุงโรม  และยังเป็นมิชชันนารีที่ยิ่งใหญ่ผู้หนึ่งในประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักร ท่านเคยเทศน์ให้แก่ประชาชนนับพันคนที่จัตุรัสกลางแจ้งของเมืองทุกเมือง เมื่อโบสถ์ไม่สามารถรองรับคนจำนวนมากที่มาฟังท่านเทศน์ได้  บทเทศน์ที่สำคัญของท่านเรื่องหนึ่งคือเรื่อง “มีคนจำนวนน้อยที่ได้รับความรอด” (The little Number of Those Who are Saved) 
ด้วยบทเทศน์บทนี้ คนบาปที่ได้ฟังท่านเทศน์ได้กลับใจจำนวนมาก 
และต่อไปนี้คือบทเทศน์ของท่าน :
 
********************
 
“พี่น้องทั้งหลาย เพราะความรักของข้าพเจ้าที่มีต่อพวกท่าน ข้าพเจ้าปรารถนาจะสามารถให้ความมั่นใจแก่พวกท่านถึงความสุขนิรันดรของพวกท่าน โดยกล่าวแก่ท่านแต่ละคนดังนี้ “ท่านจะได้ไปสวรรค์อย่างแน่นอน  คริสตชนจำนวนมากจะได้รับความรอด ดังนั้นท่านก็จะได้รับความรอดด้วยเช่นกัน”  แต่ข้าพเจ้าจะสามารถให้ความมั่นใจเช่นนี้แก่ท่านได้อย่างไร  ถ้าหากท่านประพฤติตนเป็นปฏิปักษ์ต่อพระบัญญัติของพระเป็นเจ้าเหมือนกับท่านเป็นศัตรูที่เลวร้ายของพระองค์เช่นนี้เล่า??  ข้าพเจ้ามองเห็นว่าพระเจ้าทรงปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยท่านให้รอด  แต่ข้าพเจ้าก็พบด้วยว่าในตัวท่านมีความโน้มเอียงไปในทางชั่ว  ดังนั้นในวันนี้ข้าพเจ้าจะเป็นอย่างไรถ้าหากข้าพเจ้าพูดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับพวกท่าน? ข้าพเจ้าจะทำให้ท่านไม่พอใจ  แต่ถ้าข้าพเจ้าไม่พูด  ข้าพเจ้าก็จะทำให้พระเจ้าไม่พอพระทัย

นี่ไม่ใช่การพูดอย่างไร้สาระ  แต่นี่เป็นคำเตือนที่ประกาศถึงความจริงจากเบื้องบน  เป็นความจริงแท้แน่นอน ข้าพเจ้าขอพูดกับผู้มีนิสัยเกียจคร้าน ใช้ชีวิตอย่างเสรี เอาแต่อ้างถึงพระเมตตาของพระเจ้าและบอกว่าการกลับใจนั้นทำได้ง่ายมาก  แล้วพวกเขาก็ดำเนินชีวิตอยู่ในบาปต่อไป และยังคงหลับใหลอยู่บนหนทางไปสู่นรก

เพื่อทำให้พวกเขามีความเข้าใจที่ถูกต้องและปลุกพวกเขาให้ตื่นจากความหลับใหล  ในวันนี้ให้พวกเราพิจารณาถึงคำถามที่ยิ่งใหญ่นี้เถิด

จำนวนของคริสตชนที่ได้รับความรอดมีมากกว่าจำนวนของคริสตชนที่ถูกสาปแช่งหรือไม่?
 
ท่านผู้มีใจศรัทธาอยู่แล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องฟังก็ได้  เพราะคำเทศน์นี้ไม่ได้มีสำหรับท่าน

เป้าหมายของปีศาจก็คือทำให้บุคคลดังกล่าวมีใจหยิ่งผยองไม่เกรงกลัวพระเจ้าและไปเข้าร่วมกับปีศาจ ซึ่งมันจะสาปแช่งวิญญาณเหล่านั้นด้วยการทำให้พวกเขามั่นใจอย่างผิดๆว่าเขาจะได้รับความรอด

เพื่อขจัดความสงสัยในเรื่องนี้ ให้เราพิจารณาคำสอนของบรรดาปิตาจารย์ในพระศาสนจักร ทั้งทางฝ่ายกรีกและละติน ท่านเหล่านั้นเป็นนักเทววิทยาและนักประวัติศาสตร์ผู้คงแก่เรียน  และให้เราใช้พระคัมภีร์มาเป็นแนวทางในการพิจารณาไตร่ตรองด้วย

บัดนี้อย่าได้ฟังว่าข้าพเจ้าจะพูดอะไร เพราะข้าพเจ้าบอกแล้วข้าพเจ้าไม่ต้องการจะพูดหรือตัดสินในเรื่องนี้  แต่ขอให้พวกท่านฟังสิ่งที่นักคิดผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้กล่าวแก่พวกท่านเถิด  ท่านเหล่านี้เป็นผู้แนะแนวทางของพระศาสนจักรของพระเจ้า เพื่อมอบแสงสว่างแก่พวกท่าน อันจะทำให้พวกท่านไม่เดินออกนอกทางที่จะนำไปสู่สวรรค์

เราจะทำแบบนี้คือ เราจะอาศัยแสงสว่างสามอย่างได้แก่  แสงสว่างแห่งความเชื่อ แสงสว่างแห่งอำนาจในการสั่งสอน และแสงสว่างแห่งเหตุผล  ด้วยแสงสว่างเหล่านี้จะทำให้เราสามารถเข้าใจปัญหานี้ได้อย่างแน่นอน

อันดับแรก ให้เราปรึกษานักเทววิทยาในการพิจารณาอย่างระมัดระวังและเพื่อไม่เป็นการดูหมิ่นคำสอนของพวกท่าน  ให้เราฟังจากพระคาร์ดินัลสองท่านคือ  คาจิตัน และเบลลามิน

ทั้งสองท่านสอนว่า คริสตชนที่เป็นผู้ใหญ่จำนวนมากถูกสาปแช่งไปสู่นรก  ให้เวลาแก่ข้าพเจ้าสักหน่อยที่จะแสดงแหตุผลในเรื่องนี้  แล้วท่านก็จะเกิดความมั่นใจด้วยตัวของท่านเอง

ข้าพเจ้าขออ้างคำพูดของซูอาเรส  ท่านได้ปรึกษากับนักเทววิทยาหลายคนและศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านเขียนไว้ว่า “ด้วยสามัญสำนึก เรารู้ว่าในจำนวนคริสตชนทั้งหลาย  ผู้ที่ถูกสาปแช่งมีมากกว่าผู้ที่ได้รับความรอด”

และจากอำนาจในการสั่งสอนของปิตาจารย์กรีกและละตินที่มีต่อนักเทววิทยาทั้งหลาย  ท่านก็จะพบว่า ปิตาจารย์ทุกท่านก็กล่าวในลักษณะเดียวกัน  นี่เป็นคำสั่งสอนของนักบุญทีโอดอร์  นักบุญบาซิล นักบุญเอแฟรม และนักบุญยอห์น คริสซอสโตม

ตามคำบอกเล่าของบารอนเนียสซึ่งกล่าวว่า  สิ่งนี้เป็นความเห็นทั่วไปของปิตาจารย์กรีก และความจริงนี้ได้ถูกเปิดเผยแก่นักบุญซีเมออน สไตไลท์  ท่านนักบุญต้องการความมั่นใจว่าท่านจะได้รับความรอดอย่างแน่นอน  ดังนั้นท่านจึงไปยืนบนยอดเสาเป็นเวลานานถึงสี่สิบปี ไม่ว่าอากาศจะเป็นอย่างไร  ทั้งนี้เพื่อทำกิจใช้โทษบาปของท่านเองและเพื่อทุกคนจะได้รับความรอด

บัดนี้ให้เราพิจารณาคำสั่งสอนของปิตาจารย์ละตินบ้าง  ท่านจะได้ยินนักบุญเกรโกรี่กล่าวอย่างชัดเจนว่า “มีหลายคนที่มารับความเชื่อ  แต่มีคนจำนวนน้อยที่ได้เข้าสู่อาณาจักรสวรรค์”

นักบุญอังแซล์มประกาศว่า “มีคนจำนวนน้อยที่ได้รับความรอด”  นักบุญออกุสตินกล่าวชัดเจนยิ่งกว่า “เพราะฉะนั้น จึงมีคนจำนวนน้อยที่ได้รับความรอดเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนของคนที่ถูกสาปแช่ง”

และยังมีคำกล่าวที่น่าหวาดหวั่นที่สุดจากนักบุญเจโรม ในบั้นปลายชีวิตของท่าน ต่อหน้าบรรดาศิษย์ที่มารวมตัวกัน  ท่านกล่าวคำพูดที่น่าหวาดหวั่นว่า “ในจำนวนคนหนึ่งหมื่นคนที่ดำเนินชีวิตในทางไม่ดี  ท่านจะพบเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สมควรจะได้รับพระคุณการุณย์”

และพระวาจาจากพระคัมภีร์

ลองค้นดูในพระคัมภีร์พระธรรมเก่าและพระธรรมใหม่  ท่านจะพบทั้งรูปแบบ สัญลักษณ์ และพระวาจาจำนวนมากที่กล่าวอย่างชัดเจนถึงความจริงข้อนี้ – มีคนจำนวนน้อยที่ได้รับความรอด

ในยุคสมัยของโนอาห์  มนุษย์ทั้งหมดถูกน้ำท่วม  มีเพียงคนเพียงแปดคนที่รอดชีวิตในเรือสำเภา  นักบุญเปโตรกล่าวว่า “สำเภานี้เป็นรูปแบบของพระศาสนจักร”

นักบุญออกัสตินกล่าวว่า “คนแปดคนที่รอดชีวิตนี้  เป็นสิ่งบ่งชี้ว่ามีคริสตชนจำนวนน้อยที่ได้รับความรอด  เพราะมีคนจำนวนน้อยที่ปฏิเสธโลกอย่างจริงใจ  และในจำนวนคนที่บอกว่าปฏิเสธโลกนั้นก็พูดแต่ปาก  แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามที่ตนพูด พวกเขาไม่ขึ้นไปในเรือสำเภาซึ่งก็คือพระศาสนจักร”

พระคัมภีร์ไบเบิลยังได้บอกพวกเราว่ามีชาวฮีบรูเพียงสองคนเท่านั้นจากจำนวนสองล้านคนที่ได้เข้าสู่ดินแดนแห่งพันธะสัญญาหลังจากที่ออกมาจากอิยิปต์  และมีเพียงสี่คนที่หลบหนีออกมาจากไฟที่เผาเมืองโซดม ส่วนคนอื่นถูกลงโทษในไฟที่เผาเมืองจนมอดไหม้

(หมายเหตุ – พระเจ้าทรงช่วยชาวยิวใก้พ้นจากการเป็นทาสออกมาจากอิยิปต์  แต่พวกเขาต้องเร่ร่อนอยู่ในทะเลทรายเพราะพวกเขาเป็นกบฏต่อพระเจ้า  พวกเขาอยู่ในทะเลทราย 40 ปีจนผู้ใหญ่ที่ออกมาจากอิยิปต์ตายหมดเหลือแต่ โยชัวกับครอบครัวเท่านั้นที่ได้เข้าแผ่นดินแห่งพันธสัญญาพร้อมกับลูกหลานของชาวยิวที่ตายไปแล้ว)

ข้าพเจ้าจะยังไม่จบการเทศน์ ถ้าข้าพเจ้าไม่แสดงหลักฐานทั้งหมดที่พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงความจริงข้อนี้  เราจงตั้งใจฟังเสียงจากองค์ปรีชาญาณดูเถิด

พระเยซูเจ้าทรงตอบว่าอะไรต่อคำถามของชายคนหนึ่งซึ่งถามพระองค์ว่า “พระอาจารย์ มีน้อยคนที่ได้รอดหรือ?”

พระองค์ทรงเงียบหรือ?  พระองค์ทรงลังเลที่จะตอบหรือ?  พระองค์ทรงปิดบังไว้เพราะกลัวว่าฝูงชนจะตกใจกลัวหรือ? เปล่าเลย ชายคนหนึ่งได้ถาม  และพระองค์ตรัสกับประชาชนทุกคนซึ่งอยู่ที่นั่น  พระองค์ตรัสว่า

“ท่านถามเราว่ามีน้อยคนที่ได้รับความรอดหรือ? เราขอบอกท่านว่า ‘จงพยายามเข้าไปในประตูที่แคบเถิด  เพราะหลายคนที่พยายามเข้าไปแต่ก็เข้าไม่ได้”

ใครเล่าเป็นผู้พูด ? คือองค์พระบุตรของพระเจ้า  องค์ความจริงนิรันดร  พระผู้ตรัสในอย่างชัดเจน (ในเวลาอื่น) ว่า “ผู้ถูกเรียกมีมาก  แต่ผู้ได้รับเลือกมีน้อย”

พระองค์มิได้ตรัสว่า มนุษย์ทุกคนถูกเรียก และมนุษย์ทุกคนนั้น มีน้อยคนที่ได้รับเลือก  แต่ตรัสว่า หลายคนถูกเรียก  ซึ่งมีความหมาย  ตามคำอธิบายของนักบุญเกรโกรี่ ว่า จากมนุษย์ทุกคน  มีหลายคนที่ถูกเรียกให้มาสู่ความเชื่อที่แท้จริง  แต่จากคนเหล่านี้มีน้อยคนที่ได้รอด

พี่น้องทั้งหลาย  นี่เป็นพระวาจาของพระอาจารย์เจ้าของเรา องค์พระคริสตเยซู  มันชัดเจนไหม?  มันเป็นความจริง  จงบอกกับข้าพเจ้าเถิด  เป็นไปได้หรือที่ในเวลานี้จะไม่มีความเชื่อในหัวใจของพวกท่านและมันไม่สั่นสะท้านจิตใจของท่านเลย

จงมองขึ้นไปและมองดูพระสังฆราชของพระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์  ผู้อภิบาลซึ่งมีหน้าที่ดูแลวิญญาณทั้งหลาย  จำนวนของผู้ที่ได้รับความรอดในท่ามกลางมนุษย์ทุกคนนั้น มากกว่าจำนวนของผู้ที่ถูกสาปแช่งหรือไม่?

จงฟังคำพูดของแคนทิมเปรอเถิด  เขาจะเล่าเหตุการณ์หนึ่งให้ท่านฟัง  และท่านก็จงสรุปเอาเอง  มีการจัดประชุมพระสังฆราชขึ้นในปารีส  มีพระสังฆราชและพระสงฆ์จำนวนมากมาร่วมประชุม  พระมหากษัตริย์และเจ้าชายก็เสด็จมาร่วมฟังการประชุมนี้ด้วย

นักเทศน์ผู้มีชื่อเสียงท่านหนึ่งได้รับเชิญให้มาเทศน์  ในขณะที่เขากำลังเตรียมบทเทศน์อยู่นั้น  ปีศาจร้ายน่ากลัวตนหนึ่งได้ปรากฏแก่ท่านและพูดว่า - “ถ้าท่านต้องการเทศน์สิ่งที่มีประโยชน์ต่อพวกเขาแล้วละก็ จงนำคำพูดของข้าไปบอกพวกเขาเถอะ  ‘เราซึ่งเป็นเจ้าชายแห่งความมืด ขอขอบคุณ บรรดาเจ้าชาย พระสังฆราช และพระสงฆ์ผู้ดูแลวิญญาณ เพราะโดยอาศัยการละเลยหน้าที่ของพวกเจ้า ผู้มีความเชื่อจำนวนมากจึงถูกสาปแช่งให้ตกนรก และพวกข้าได้เตรียมรางวัลไว้ให้พวกเจ้าแล้วสำหรับการกระทำนี้ของพวกเจ้า เมื่อพวกเจ้าจะมาอยู่กับพวกข้าในนรก’"

คำอธิบายของนักบุญ วินเซนต์ เฟอร์เรอร์ต่อไปนี้จะช่วยให้พวกท่านพิจารณาไตร่ตรองได้ดียิ่งขึ้น

ท่านนักบุญเล่าว่า มีพระสงฆ์ท่านหนึ่งที่อาศัยอยู่ในเมืองลิยอง  ท่านรู้สึกท้อใจในการเทศน์สอนประชาชนที่นั่นเพื่อทำให้พวกเขาสำนึกผิดกลับใจและทำกิจใช้โทษบาปของพวกเขา  เพราะพวกเขาไม่มีความศรัทธา

พระสงฆ์ท่านนี้เสียชีวิตในวันเดียวกันและชั่วโมงเดียวกันกับนักบุญเบอร์นาร์ด  ต่อมาวิญญาณของพระสงฆ์ได้ไปปรากฏต่อพระสังฆราชของเขา และพระสงฆ์พูดกับพระสังฆราชว่า

“พระคุณเจ้าครับ ขอให้รู้ไว้เถิดว่า  ในเวลาที่ผมเสียชีวิตนั้น  มีคนเสียชีวิตในเวลาเดียวกับผมจำนวน 33,000 คน  ในจำนวนนี้  ท่านเบอร์นาร์ดและผมได้เข้าสู่สวรรค์โดยตรง  มีสามคนที่ไปไฟชำระ  และคนอื่นๆที่เหลือไปสู่นรก”

พระสงฆ์ร่วมคณะของข้าพเจ้าคนหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในความศักดิ์สิทธิ์และคำเทศน์สอนของท่าน  ท่านได้ไปเทศน์สอนในเยอรมนี  ท่านพูดถึงความน่าขยะแขยงของบาปความไม่บริสุทธิ์  คำเทศน์สอนนั้นมีพลังอำนาจมากจนทำให้สตรีผู้หนึ่งเสียชีวิตด้วยความเศร้าเสียใจอย่างยิ่งต่อหน้าผู้คนทั้งหมด  และต่อมาสตรีผู้นี้ได้กลับฟื้นขึ้นมา  เธอเล่าให้คนที่นั่นฟังว่า

“เมื่อฉันไปอยู่เบื้องพระพักตร์พระตรีเอกภาพ  มีคน 6,000 คนจากทุกส่วนของโลกได้ไปถึงที่นั่นด้วย  ในจำนวนนี้  มีสามคนที่ได้รอดโดยไปสู่ไฟชำระ  และคนที่เหลือถูกสาปแช่งไปสู่นรกทั้งหมด”

ไม่เป็นความจริงหรอกหรือที่ว่ามีถนนสองสายที่นำไปสู่สวรรค์  นั่นคือ  ถนนแห่งความบริสุทธิ์  และถนนแห่งการสำนึกผิดกลับใจ ?  บัดนี้ ข้าพเจ้าขอบอกท่านว่ามีคนจำนวนน้อยมากที่เลือกเดินในถนนสายใดสายหนึ่งในสองสายนี้  สำหรับประชาชนทั่วไป  ท่านสามารถสรุปได้ว่ามีน้อยคนที่ได้รับความรอด

ข้าพเจ้าสังเกตเห็นว่าพวกท่านเกือบทุกคนต่างก้มหน้า  รู้สึกประหลาดใจและตระหนกตกใจ  แต่ให้เราทิ้งความงุนงงนั้นไปเสียเถิด  และปลอบประโลมใจเราเอง  ให้เราพยายามดึงประโยชน์จากความกลัวของเรา

เพื่อให้กำลังใจแก่พวกท่าน  ข้าพเจ้าขอบอกว่า  คนทั้งหลายไม่ว่าอยู่ในวัยใด  มีฐานะอะไรหรือมีสถานภาพอะไรก็ตาม  ท่านจะพบว่าจำนวนคนชั่วนั้นไม่ได้มีมากเป็นร้อยเท่าของคนดีเลย ถึงแม้จะมีคนบางคนพูดว่า ‘คนดีนั้นหายาก ส่วนคนชั่วมีมากกว่า’? ก็ตาม

เราอาจพูดแบบเดียวกับคำพูดของซาล์เวียนุส ว่า เป็นการง่ายที่จะพบคนบาปเพราะมีจำนวนนับไม่ถ้วนและทำบาปทุกชนิด ยิ่งเสียกว่าการจะพบคนที่ดีบริสุทธิ์ซึ่งมีน้อยนิด

แต่ท่านอาจจะแย้งว่า ‘การทำกิจใช้โทษบาปจะไม่สามารถชดเชยความบริสุทธิ์ที่สูญเสียไปได้หรือ? นั่นเป็นความจริง ข้าพเจ้ายอมรับ แต่ข้าพเจ้าก็รู้ด้วยว่า การทำกิจใช้โทษบาปนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก เพราะเราได้สูญเสียอุปนิสัยนี้ไปแล้ว และพวกคนบาปก็มักจะดูถูกเยาะเย้ยผู้ที่กระทำสิ่งนี้ว่า การกระทำเพียงเท่านี้จะเพียงพอที่จะทำให้มั่นใจว่าจะช่วยให้ได้รับความรอดได้หรือ?

ถ้าพูดถึงศีลอภัยบาปแล้ว  จะพบว่ามีการสารภาพบาปอย่างไม่ถูกต้องมากมาย  หลายคนพิจารณาบาปไม่ครบถ้วน  หลายคนไม่ได้สำนึกผิดด้วยจริงใจ  หลายคนให้คำสัญญาเลื่อนลอย  หลายคนไม่มีความเสียใจในบาปอย่างสมบูรณ์  ดังนั้นจึงไม่ได้รับการอภัยบาป

ท่านจะเชื่อถือหรือ  คนที่ได้สารภาพบาปความไม่บริสุทธิ์  และยังคงทำบาปในบางโอกาส?  หรือบางคนที่สารภาพบาปการขาดความยุติธรรม แต่ไม่มีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองเสียใหม่?

หรือบางคนที่กลับไปทำบาปเดิมอีก หลังจากที่ได้ไปสารภาพบาปแล้ว?  โอ  ช่างเป็นการดูหมิ่นศีลศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่นี้ยิ่งนัก

คาทอลิกที่เป็นผู้ใหญ่แล้วส่วนใหญ่สารภาพบาปอย่างไม่ดีในเวลาใกล้ตาย  พวกเขาส่วนมากถูกสาปแช่ง  ข้าพเจ้าขอบอกว่า ‘แน่ยิ่งกว่าแน่เสียอีก’ เพราะคนใกล้ตายที่สารภาพบาปอย่างไม่ดีในเวลาที่มีสุขภาพดี ย่อมเป็นการยากที่เขาจะสารภาพบาปอย่างดีได้ในเวลาใกล้ตาย

ในเวลานั้น  เขาจะอยู่ในสภาพที่มึนงง  จิตใจสับสน  มีอุปสรรคหลายอย่างสำหรับเขา  จากวัตถุสิ่งของที่เขามี  จากความลุ่มหลงในเนื้อหนัง  จากอุปนิสัยส่วนตัว  และเหนือสิ่งใด  จากปีศาจที่ทำทุกวิถีทางที่จะดึงเขาไปสู่นรก

ดังนั้น  ถ้าท่านรวบรวมการสารภาพบาปที่ไม่ดี  และสิ่งต่างๆที่กล่าวไปแล้วเหล่านี้เข้าด้วยกัน    ท่านจะสรุปไม่ได้หรือว่า  คริสตชนส่วนใหญ่ที่เป็นผู้ใหญ่ถูกสาปแช่งให้อยู่ในนรก คนบาปหลายคนที่ตายอย่างคาดไม่ถึงในบาป  สาเหตุจากการไม่ดูแลของหมอหรือญาติพี่น้องก็ตาม  หรือตายในแผ่นดินไหว  จากการตกจากที่สูง  จากสงคราม  จากการต่อสู้  จากการถูกฟ้าผ่า ถูกไฟเผาหรือจมน้ำ 

และนั่นเป็นเหตุผลของนักบุญคริสซอสโตม  นักบุญผู้นี้กล่าวว่า  คริสตชนส่วนใหญ่กำลังเดินไปตามถนนสู่นรกตลอดชีวิตของพวกเขา

พวกท่านอาจบอกข้าพเจ้าว่า‘พระเมตตาของพระเจ้านั้นยิ่งใหญ่’ ถูกแล้ว แต่นั่นสำหรับผู้ที่ยำเกรงพระเป็นเจ้า นี่เป็นคำพูดของประกาศก “พระยุติธรรมของพระองค์น่าสะพรึงกลัวสำหรับผู้ที่ไม่ยำเกรงพระองค์ และพระยุติธรรมจะกล่าวโทษทุกคนที่ดื้อรั้นทำบาป”

มีข้อความในพระคัมภีร์นับร้อยๆแห่ง  ที่พระเจ้าตรัสกับพวกเราว่า  พระองค์ปรารถนาที่จะช่วยมนุษย์ให้ได้รับความรอด พระคัมภีร์เขียนว่า – “เป็นความปรารถนาของเราหรือที่จะให้คนบาปต้องตายโดยไม่สำนึกผิดกลับใจ?  พระเจ้าผู้ทรงชีวิตตรัสว่า  เราไม่ปรารถนาความตายของคนบาป  แต่เราต้องการให้เขาสำนึกผิดกลับใจและมีชีวิตอยู่?”

จงสำนึกผิดกลับใจ

สำนึกผิดกลับใจอย่างแท้จริง

จงหันหลังให้บาป

และมารับความรอด

**********************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น