เดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนที่เราระลึกถึงวิญญาณของผู้เสียชีวิตเป็นพิเศษ ผู้เสียชีวิตแล้วและวิญญาณของเขาอยู่ในสวรรค์ เราเรียกพวกเขาว่า พระศาสนจักรที่มีชัยชนะ วิญญาณของผู้ที่อยู่ในไฟชำระ เราเรียกพวกเขาว่า พระศาสนจักรที่กำลังทนทุกข์ ส่วนผู้มีความเชื่อที่มีชีวิตอยู่บนโลก เราเรียกว่า พระศาสนจักรที่กำลังสู้รบ
เราคิดถึงวิญญาณในไฟชำระเป็นพิเศษ เพราะพวกเขาน่าสงสาร พวกเขากำลังได้รับความทุกข์อย่างแสนสาหัส ความทุกข์บนโลกนี้แม้ว่าจะมากสักเพียงไร เมื่อเปรียบเทียบกับความทุกข์ในไฟชำระแล้ว ก็เป็นเพียงฝุ่นธุลีที่เล็กกว่าก้อนหินที่ใหญ่ เมื่อเราประสบความทุกข์ เราก็ยังหลีกเลี่ยงได้บ้างหรือบรรเทาให้น้อยลง แต่ในไฟชำระ วิญญาณเหล่านั้นช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พวกเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือบรรเทาความทุกข์ให้ลดน้อยลงได้ด้วยตัวเอง พวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพิงความช่วยเหลือจากผู้มีความเชื่อในโลกนี้เท่านั้น
วิญญาณในไฟชำระต้องทนทุกข์เป็นเวลานานเท่าไร?
ระยะเวลาที่ต้องอยู่ในไฟชำระของวิญญาณแต่ละคนขึ้นอยู่กับ
1.
จำนวนบาปความผิดที่วิญญาณได้กระทำ
2.
เจตนาและความหนักเบาของบาปเหล่านั้น
3.
มีการทำกิจใช้โทษบาปแล้วหรือไม่?
หรือมีความเสียใจในบาปอย่างสมบูรณ์หรือไม่? ในเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลก
4.
ข้อนี้มีผลอย่างมากต่อระยะเวลาที่อยู่ในไฟชำระ นั่นคือ
มีความช่วยเหลือพวกเขาจากผู้มีความเชื่อหลังจากที่เขาได้ตายไปแล้วหรือไม่?
ระยะเวลาที่วิญญาณต้องอยู่ในไฟชำระนั้นยาวนานเกินกว่าที่เราอาจคาดคิด มีตัวอย่างมากมายในเรื่องนี้จากประวัติและการเปิดเผยของนักบุญบางองค์
บิดาของนักบุญหลุยส์ เบอร์แทรนด์ (St. Louis Bertrand) เป็นผู้มีใจศรัทธามากจนถือได้ว่าเป็นคริสตชนตัวอย่างทีเดียว จึงทำให้ท่านได้เป็นบิดาของนักบุญผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง ท่านเคยปรารถนาที่จะเป็นนักบวชคาร์ทูเซียน จนกระทั่งรู้ตัวว่านั่นไม่ใช่พระประสงค์ของพระเจ้า
เมื่อเสียชีวิตแล้ว ลูกชายคือ นักบุญหลุยส์ ได้ประกอบพิธ๊มิสซาอุทิศมากมายหลายครั้งสวดภาวนาและทำพลีกรรมเพื่อบิดาอย่างมากมายเป็นเวลานาน เพราะตระหนักดีถึงพระยุติธรรมของพระเจ้า และท่านได้เห็นนิมิตของบิดาที่กำลังทนทุกข์อยู่ในไฟชำระ แม้กระนั้น เวลาก็ผ่านไปถึง 8 ปี ท่านนักบุญจึงได้ทราบว่าบิดาถูกปลดปล่อยจากไฟชำระขึ้นสู่สวรรค์แล้ว
น้องสาวของนักบุญมาลาคีเสียชีวิตและไปอยู่ในไฟชำระเป็นเวลานาน ทั้งๆที่นักบุญมาลาคีได้สวดภาวนาและทำพลีกรรมเป็นเวลานานและอย่างจริงจังเพื่ออุทิศแก่เธอก็ตาม
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับซิสเตอร์คาร์เมลไลท์ท่านหนึ่งในเมืองแพมพลูนา (Pampluna) ท่านดำเนินชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์มากและท่านได้ช่วยวิญญาณของเพื่อนซิสเตอร์หลายคนให้ออกจากไฟชำระ แต่วิญญาณที่ท่านช่วยเหลือนี้ ส่วนใหญ่ต้องใช้เวลานานตั้งแต่ 30 – 60 ปี
วิญญาณของซิสเตอร์คาร์เมลไลท์ที่อยู่ในไฟชำระ กว่าจะได้เป็นอิสระจากไฟชำระก็ต้องใช้เวลานานถึง 40 , 50 และ 60 ปี แล้วผู้มีความเชื่อที่เป็นสามัญชนทั่วไปล่ะ? ผู้ที่มีชีวิตอยู่ในท่ามกลางกระแสของโลก และมีความอ่อนแอประสามนุษย์?
นักบุญวินเซนต์ เฟอร์เรอร์ เมื่อน้องสาวของท่านเสียชีวิต ท่านได้สวดภาวนาและประกอบพิธีมิสซามากมายเพื่อช่วยวิญญาณของน้องสาวให้ออกจากไฟชำระ ต่อมาวิญญาณของน้องสาวได้ปรากฏแก่ท่านนักบุญและบอกกับท่านว่า ถ้าไม่ใช่อำนาจจากความช่วยเหลือของท่านนักบุญที่วิงวอนต่อพระเมตตาของพระเจ้าแล้ว เธอจะต้องอยู่ในไฟชำระเป็นเวลายาวนานมากจนไม่อาจคาดคิดได้เลยทีเดียว
ในคณะนักบวชโดมินิกันมีกฏอยู่ข้อหนึ่งที่จะสวดภาวนาอุทิศแก่วิญญาณของเพื่อนนักบวชในคณะด้วยการเอ่ยนามของนักบวชเหล่านั้นในวันครบรอบการตายของเขาทุกปี และวิญญาณเหล่านั้นบางท่านได้เสียชีวิตไปนานหลายร้อยปีแล้ว ทั้งๆที่ท่านเหล่านั้นเป็นผู้มีใจศรัทธาและมีความรู้ดีในทางศาสนา กฏนี้คงไม่ได้รับการรับรองจากทางพระศาสนจักร ถ้าหากไม่เป็นสิ่งที่จำเป็นและควรกระทำ
ไม่ใช่วิญญาณทุกดวงที่ต้องอยู่ในไฟชำระอันแสนทรมานเป็นเวลานาน วิญญาณหลายดวงที่ได้ทำบาปความผิดต่างๆ แต่เขาได้สำนึกผิดด้วยความเสียใจอย่างสมบูรณ์และทำกิจใช้โทษบาปอย่างดีแล้ว แต่อาจมีความผิดบางอย่างหลงเหลืออยู่บ้าง เขาก็จะได้รับโทษไม่หนักมากและไม่นานนัก
ทำไมวิญญาณจึงได้รับความทรมานเป็นเวลานานเช่นนั้น? เหตุผลอาจพบได้โดยไม่ยาก
1.
ความเลวร้ายของบาปที่คนเรากระทำและเราคิดว่าเล็กน้อยนั้น เป็นเรื่องใหญ่โตมากที่กระทำต่อพระเจ้าผู้ทรงความดีอย่างหาที่เปรียบมิได้ ดังนั้นเราจึงเห็นว่าบรรดานักบุญขณะที่มีชีวิตอยู่บนโลก พวกท่านร้องไห้ในความผิดที่ท่านได้กระทำลงไป
2.
ถ้าวิญญาณถูกสาปแช่งให้ตกนรกเพราะบาปหนักเพียงข้อเดียว ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า วิญญาณที่ได้รับโทษในไฟชำระ
ต้องอยู่เป็นเวลานานสักเพียงใดถ้าหากเขาทำบาปเบานับจำนวนไม่ถ้วน
พระเยซูเจ้าตรัสแก่เราว่า เราต้องถูกพิพากษาให้จองจำอยู่ในคุกสำหรับคำพูดไม่ดีต่อเพื่อนพี่น้องของเรา และเราจะออกมาไม่ได้จนกว่าจะชำระถึงเศษสุดท้าย (มธ. 5:26)
บรรดานักบุญได้เคยทำบาปซึ่งไม่หนักมาก แต่ท่านมีความเศร้าเสียใจเป็นอย่างมากและทำกิจใช้โทษบาปอย่างจริงจัง เราเคยทำบาปที่หนักมากกว่านักบุญเหล่านั้นไม่ใช่หรือ แต่เราก็เศร้าเสียใจในบาปเพียงเล็กน้อย และทำกิจใช้โทษบาปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
วิญญาณที่กลับใจในวาระสุดท้ายของชีวิต หลังจากประพฤติตนไม่ดีมาตลอด ย่อมอยู่ในไฟชำระเป็นเวลายาวนานมาก ทำไมนะหรือ? ก็เพราะพวกเขาไม่มีเวลาในการทำกิจใช้โทษบาปนั่นเอง
ขอให้เราสวดภาวนาอุทิศแก่วิญญาณในไฟชำระเถิด
พวกเขาต้องพึ่งพาการสวดภาวนาของเรา
ขอมิสซาอุทิศแก่พวกเขาด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นความรักอันยิ่งใหญ่ของเราต่อพวกเขา
เมื่อวิญญาณของเขาเหล่านั้นได้เข้าสู่สวรรค์แล้ว พวกเขาจะกตัญญูต่อเรา พวกเขาจะสวดภาวนาแก่เราที่ได้ช่วยเหลือพวกเขา พวกเขาจะไม่หยุดสวดภาวนเพื่อเราเลยจนกว่าจะได้เห็นเราเข้าสู่สวรรค์เช่นเดียวกับเขาด้วย
********************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น