วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

อินเทอร์เน็ตกับความเป็นส่วนตัว


คอมพิวเตอร์ของคุณเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตอยู่หรือเปล่า ถ้าใช่.. ชีวิตส่วนตัวของคุณอาจหายไปในพริบตา!

ประมาณ สองปีก่อน สก็อตต์ แมคนีลลี ประธานบริษัท ซัน ไมโครซิสเต็ม เคยกล่าวไว้ว่า “ถ้าคุณใช้อินเทอร์เน็ต คุณไม่มีทางได้ความเป็นส่วนตัวหรอก ดังนั้นทำใจเสียเถอะ” คำกล่าวนี้อาจจะเป็นการมองในแง่ร้ายมากไปสักหน่อย แต่หลังจากนั้นไม่นานนักก็มีข่าวการจับกุมแคร็กเกอร์ชาวรัสเซียที่เจาะเข้า เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซเพื่อขโมยหมายเลขบัตรเครดิตของลูกค้า และเร็วๆ นี้ ไมโครซอฟต์ออกมายอมรับว่าระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 2000 ทุกเวอร์ชันมีปัญหาด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่ทำให้แคร็กเกอร์สามารถเจาะเข้าควบคุมหรือโจรกรรมข้อมูล จากเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ไม่ยาก ไมโครซอฟต์แนะนำให้ผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 2000 ทุกเวอร์ชันให้ดาว์นโหลดโปรแกรมแก้ไขและทำการปิดช่องโหว่เร็วที่สุดเท่าที่ จะทำได้

ดูเหมือนว่าปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวบนอินเทอร์เน็ตจะกลาย เป็นเรื่องใหญ่ขึ้นทุกวัน จากการสำรวจของนิตยสารไทม์พบว่าผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต 61 เปอร์เซ็นต์ต่างกังวลว่าข้อมูลส่วนตัวจะรั่วไหลผ่านทางอินเทอร์เน็ต และอันที่จริงแล้ว ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอย่างเราๆ ท่านๆ อาจจะไม่รู้มาก่อนเลยว่า เวลานี้ข้อมูลส่วนตัวของคุณบางอย่างได้รั่วไหลออกไปในอินเทอร์เน็ตแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็ผ่านทางการเยี่ยมชมเว็บไซต์หลายๆ แห่งที่มีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง คุณต้องเสี่ยงกับอะไรบ้างเมื่อคุณออนไลน์ และคุณจะหาทางปกป้องตัวเองได้อย่างไร วันนี้เรามีคำตอบให้กับคุณ

โจรกรรม ตัวตนของคุณ
 
ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย แต่มันเกิดขึ้นแล้ว ทุกวันนี้ตัวตนของคุณไม่ได้พิสูจน์ด้วยหน้าตา ลักษณะเฉพาะทางร่างกาย หรือลายเซ็นของคุณเท่านั้น การทำธุรกิจหลายๆ อย่าง คุณไม่จำเป็นต้องปรากฏตัวเลยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่กระทำผ่านอินเทอร์เน็ต และนั่นเป็นช่องโหว่ที่ทำให้ผู้คนสามารถปลอมเป็นตัวคุณได้ หากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวคุณมากพอ ตัวอย่างที่เกิดขึ้นมาแล้ว คือกรณีของนายอับราฮัม อับดุลลาห์ ซึ่งถูกตำรวจจับกุมในข้อหาโจรกรรม ”ตัวตน" (identity) ของดารา และผู้มีชื่อเสียง เพื่อนำไปแอบอ้างหาเงินผ่านทางระบบออนไลน์และวิธีการอื่นๆ ขณะถูกจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจพบนิตยสาร ฉบับแสดงรายชื่อผู้ที่ร่ำรวยที่สุด 400 อันดับแรกของอเมริกา นอกจากนี้อับดุลลาห์ยังมี หมายเลขบัตรประกันสังคม หมายเลขบัตรเครดิต ข้อมูลบัญชีในธนาคาร หรือแม้แต่ชื่อก่อนแต่งงานของมารดาเหล่าคนดังทั้งหลาย เช่น สตีเวน สปีลเบิร์ก โอปราห์ วินฟรีย์ และมาร์ธา สจ๊วต ว่ากันว่าเขาสามารถทำเงินได้นับล้านเหรียญสหรัฐจากข้อมูลที่เขามีในมือ หนึ่งในกรณีที่เป็นข่าวคือการปลอมอีเมล์อ้างตัวป็น โธมัส ซีเบล ผู้ก่อตั้งบริษัทซีเบล ซิสเต็มส์ โดยส่งไปยังเมอร์ริล ลินช์ เพื่อขอให้โอนเงิน 10 ล้านเหรียญเข้าบัญชี

คดีของอับดุลลาห์กลายเป็น เรื่องที่คนทั้งสหรัฐให้ความสนใจ เอฟบีไอประมาณตัวเลขไว้ว่าทุกๆ ปีชาวอเมริกันถูกโจรกรรมตัวตนมากกว่า 500,000 ราย ปัจจุบัน ตัวเลขที่สูงลิ่งนี้ทำให้บริษัทประกันบางแห่งเริ่มเสนอขายกรมธรรม์คุ้มครอง ตัวตนกันแล้ว หลายคนอาจกลัวว่าผู้ร้ายอาจนำตัวตนของคุณไปใช้ก่ออาชญากรรมบนอินเทอร์เน็ต แต่ที่น่ากลัวที่สุดในเรื่องนี้ เห็นจะเป็นกรณีที่ผู้ร้ายใช้ตัวตนของผู้อื่นเมื่อถูกจับกุม หากเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายไหวตัวไม่ทัน ตัวตนของเหยื่อจะมีคำว่า ติดตัวไปตลอด กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็ยากที่จะแก้ไขเสียแล้ว

การโจรกรรมตัวตนนี้มักเริ่มจากวิธีที่ไม่ต้องอาศัยระบบออนไลน์ เช่น การเฝ้าดูพฤติกรรมของเหยื่อ การค้นขยะหาเศษเอกสารที่เหยื่ออาจจะทิ้ง เมื่อได้ตัวตนของเหยื่อแล้ว ขั้นต่อไปจึงเป็นการอาศัยระบบออนไลน์เพื่อทำธุรกรรมต่างๆ ครั้งหนึ่ง ชาร์ล กลูอิค ทำกระเป๋าเงินหล่นหาย ผู้ร้ายที่พบกระเป๋าเงินดังกล่าว นำใบขับขี่ของเขาไปทำบัตรเครดิต ใบในชื่อของกลูอิค และใช้บัตรเครดิตไปรูดจ่ายเงินไปกว่า 30,000 เหรียญสหรัฐ คุณจะปลอมตัวเป็นใครก็ได้หากคุณให้ใช้คอมพิวเตอร์เป็น” เขากล่าว
 
------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น