วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2560

สหรัฐรับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล


 
เมื่อวันพุธที่ 6 ธันวาคม 2017 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้สร้างความประหลาดใจให้แก่ประชาคมโลกอีกครั้งด้วยการประกาศว่าจะย้ายสถานฑูตสหรัฐจากเมืองเทลอาวิฟของอิสราเอล มาอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม  ซึ่งเท่ากับเป็นการประกาศว่า สหรัฐยอมรับว่ากรุงเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล โดนัลด์ ทรัมป์เป็นผู้นำประเทศคนแรกที่กล้าหาญประกาศรับรองในเรื่องนี้  ในขณะที่ประเทศอื่นๆไม่ว่าจะเป็นประเทศอาหรับในตะวันออกกลาง ประเทศมุสลิมอื่นๆทั่วโลก และรวมทั้งประเทศในยุโรปต่างก็แสดงความเห็นคัดค้านเป็นอย่างมาก เพราะกลัวว่าจะทำให้ชาวมุสลิมทั่วโลกไม่พอใจทำให้เกิดปัญหาความรุนแรงขึ้นได้

เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์เป็นผู้นำประเทศที่ได้เอ่ยพระนามพระเยซูเจ้าในบางโอกาส  ขณะที่ผู้นำประเทศอื่นๆในยุโรปซึ่งถึงแม้ว่าจะมีศาสนาคริสต์เป็นรากเหง้าความเจริญของประเทศในประวัติศาสตร์ก็ตาม ก็ไม่เคยอื่นพระนามพระเยซูเจ้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว 

แล้วสาเหตุใดที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศรับรองกรุงเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลในตอนนี้? อันที่จริงเรื่องนี้ก็เป็นนโยบายหนึ่งในการหาเสียงเป็นประธานาธิบดีของเขาอยู่แล้ว  หรืออาจเป็นเพราะเขามีลูกเขยและลูกสะใภ้เป็นชาวยิวใช่หรือไม่? หรือเขาต้องการเบี่ยงเบนประเด็นปัญหาต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นในรัฐสภา

ท่าทีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ นั้นเป็นคนที่ไม่ลดราวาศอกให้ใคร อย่างเช่นกรณีของเกาหลีเหนือ นายทรัมป์ก็ตอบโต้กับ คิม จอง อิน อย่างไม่ลดราวาศอก และการแก้ปัญหาของทรัมป์บางครั้งก็เป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ สิ่งนี้คือลักษณะที่แท้จริงของโดนัลด์ ทรัมป์ และยังแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของเขาด้วย

เหตุการณ์การประกาศของโดนัลด์ ทรัมป์ก่อนถึงวันคริสต์มาสนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง และต้องติดตามดูผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อไป

กรุงเยรูซาเล็มถูกสร้างขึ้นเมื่อ 3,000 ปีก่อนและถือว่าเป็นนครศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า เป็นเมืองแห่งสันติภาพ  ความหมายของชื่อเยรูซาเล็ม มีรากฐานมาจากคำว่า Uru-sa-lim ที่มีความหมายได้หลายอย่าง อาทิเช่น “เมืองแห่งสันติภาพ” หรือ “เมืองของ(เทพเจ้า)ซาเล็ม”  แต่มีผู้แปลโดยพิจารณาจากรากศัพท์ของฮิบรู แปลว่า “ถูกครอบครองโดยสันติภาพ” หรือ “รากฐานแห่งสันติภาพ”

แต่มีสันติภาพเกิดขึ้นเพียงน้อยครั้งในนครที่มีชื่อเสียงแห่งนี้  ในหลายศตวรรษที่ผ่านมา สถานที่นี้กลายเป็นสถานที่แห่งความขัดแย้ง  ตามที่นักประวัติศาสตร์ Eric H. Cline เขียนไว้ -  เยรูซาเล็มเคยถูกทำลายจนพินาศไปอย่างน้อย 2 ครั้ง ถูกยึดครองจากศัตรู 23 ครั้ง ถูกโจมตีทั้งใหญ่และเล็ก 52 ครั้ง“

ในพระคัมภีร์วิวรณ์ 16:14 กล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า ในวันของพระเจ้าจะเกิดสงครามครั้งใหญ่ในสถานที่เรียกว่า อามาเก็ดดอน ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเยรูซาเล็มไป 55 ไมล์ ประกาศกซากาเรียทำนายว่าพระเยซูเจ้าจะเสด็จกลับมายังโลกบนภูเขามะกอกในกรุงเยรูซาเล็มแล้วจะเกิดความขัดแย้งไปทั่วเมือง (Zechariah 14:1-4)

--------------------------


โดนัลด์ ทรัมป์ โชว์ลายเซ็นบนคำประกาศรับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงอิสราเอล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น