วันอังคารที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561

พระสันตะปาปาเลโอที่ 1


พระสันตะปาปาเลโอที่ 1 เป็นพระสันตะปาปาผู้ยิ่งใหญ่องค์หนึ่งในประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักร  ประวัติโดยย่อของพระสันตะปาปาเลโอที่ 1 เป็นดังนี้

1.        พระองค์มีชีวิตอยู่ในปีค.ศ. 400 -461

2.        เป็นพระสันตะปาปาวันที่ 29 ก.ย. 440 สิ้นพระชนม์วันที่ 10 พ.ย. 461 เป็นชาวทัสคานี อิตาลี

3.        ในปี 445 พระสันตะปาปาเลโอทรงมีข้อพิพาทกับพระอัยกาดิโอสคอรัส ชาวอเล็กซานเดรีย  (สมัยนั้นศาสนจักรแบ่งเป็นสองฝั่งคือกรุงโรมมีพระสันตะปาปาเป็นหัวหน้าและกรุงคอนสแตนติโนเปิลมีพระอัยกาเป็นหัวหน้า) พระสันตะปาปาเลโอทรงเรียกร้องให้พระอัยกายอมขึ้นกับพระสันตะปาปา เช่นเดียวกับที่นักบุญมาร์โกเป็นศิษย์ของนักบุญเปโตร

4.        พระองค์ทรงต่อสู้กับลัทธินอกรีตเพลาเจียน(Pelagian) อย่างเข้มแข็ง เพราะพระองค์ทรงอ่านข้อเขียนของนักบุญออกัสตินผู้ที่มีชีวิตก่อนหน้าพระองค์  และพระองค์ทราบมาว่าผู้ถือลัทธิเพลาเจียนได้รับศีลมหาสนิทโดยยังไม่ประกาศยอมรับความผิดพลาดของพวกเขาอย่างเป็นทางการ  พระองค์จึงทรงออกกฎให้พวกเขาประกาศตนละทิ้งลัทธินั้นต่อหน้าศาลศาสนาก่อนจึงจะไปรับศีลมหาสนิทได้

5.        สมัยนั้นมีผู้ถือความเชื่อแบบ Monophysites ซึ่งสอนว่าพระคริสตเจ้าทรงมีพระธรรมชาติเพียงอย่างเดียว คือพระธรรมชาติพระเจ้า  แต่พระสันตะปาปาเลโอทรงปฏิเสธความเชื่อนี้ และในปี 449 พระองค์ทรงประกาศข้อคำสอนอันมีชื่อเสียงที่เรียก “Tome of Leo” ซึ่งสอนว่า พระคริสตเจ้าทรงเป็นพระบุคคลเดียว แต่มีสองธรรมชาติ นั่นคือทรงเป็นพระเจ้าแท้และมนุษย์แท้  ทั้งสองธรรมชาตินี้รวมเป็นหนึ่งเดียวอยู่ในพระบุคคลของพระคริสตเจ้า  และสังคยานาแห่งคาลเซดอนในปี 451 ประกาศว่า “นี่เป็นความเชื่อของบรรดาปิตาจารย์  นี่เป็นความเชื่อของอัครสาวก  ดังนั้นพวกเราทุกคนจึงเชื่อเช่นนี้  วิบัติแก่ผู้ที่ไม่เชื่อเช่นนี้  เปโตรได้กล่าวโดยผ่านทางเลโอ  ดังนั้นจึงเป็นคำสอนของอัครสาวกซึ่งเป็นความจริงแท้ที่เลโอและซีริลได้สอนไว้ อันจะเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงซิริล  เลโอและซิริลได้สอนในสิ่งเดียวกัน วิบัติแก่ผู้ที่ไม่เชื่อ  เพราะนี่เป็นความเชื่อที่แท้จริง  เราซึ่งเชื่อในความเชื่อดั้งเดิม เพราะนี่เป็นความเชื่อของบรรดาปิตาจารย์  เหตุใดจึงไม่อ่านสิ่งเหล่านี้ในเอเฟซัสเล่า?  นี่เป็นสิ่งที่เดโอสคอรัสได้ปกปิดไว้”

6.        พระสันตะปาปาเลโอที่ 1 ทรงเผชิญหน้ากับอัตติลา ชาวฮั่นที่ยกกองทัพมารุกรานยุโรปในปี 452 จนเป็นที่หวาดกลัวของทุกคน  อัตติลาได้ยกทัพมาอยู่หน้ากรุงโรมพร้อมที่เข้ายึดครอง   อัตติลายื่นข้อเสนอให้จักรพรรดิวาเลนติเนียนแห่งกรุงโรมยกน้องสาวให้เป็นภรรยาของเขา

7.        ชาย 3 คนถูกส่งไปประนีประนอมกับอัตติลา ได้แก่ พระสันตะปาปาเลโอที่ 1  , เจนนาดิอุส ผู้เป็นที่ปรึกษาของจักรพรรดิ  และ เมมมิอุส เจ้าเมืองคนก่อน

8.        ตามรายงานของ Prosper if Aquitaine ที่มีชีวิตอยู่ในสมัยนั้นบันทึกไว้ว่า อัตติลารู้สึกประทับใจพระสันตะปาปาเลโอมาก เขาจึงยอมยกทัพกลับไป  และ Paul the deacon ได้เขียนเล่าไว้ในปลายศตวรรษที่ 8 ว่า “ระหว่างที่อัตติลากำลังเจรจากับพระสันตะปาปาเลโอ มีชายร่างใหญ่สวมชุดคล้ายพระสงฆ์ ถือดาบเป็นอาวุธดูน่ากลัวยืนอยู่ข้างหลังพระสันตะปาปาเลโอ  มีเพียงอัตติลาผู้เดียวเท่านั้นที่เห็น  ชายผู้นี้ได้ขู่ที่จะทำร้ายอัตติลาและกองทัพของเขาจนตาย  ด้วยเหตุนี้อัตติลาจึงยอมรับข้อเสนอของพระสันตะปาปา ยอมยกทัพกลับไม่โจมตีต่อไป

9.        ในปี 455  กองทัพของคนป่าเถื่อนซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของยุโรปได้ยกทัพมาโจมตีกรุงโรม แต่พระสันตะปาปาเลโอ ทรงพูดชักชวนพวกเขาให้มีความเมตตาต่อชาวเมืองและเลิกคิดที่จะเผากรุงโรมเสีย ทำให้กรุงโรมซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางของพระศาสนจักรไม่ถูกทำลาย

10.   นักบุญพระสันตะปาปาเลโอที่ 1 สิ้นพระชนม์ในปี 461 เขาฝังพระศพของพระองค์ที่เมืองปอร์ติโค ในอาสนวิหารนักบุญเปโตรเดิม ตามคำขอร้องของพระองค์

จากประวัติเหล่านี้เราจะเห็นว่า พระสันตะปาปาเลโอที่ 1 ทรงมีลักษณะสำคัญ 3 ประการ คือ 1. ทรงมีพรสวรรค์ทางด้านเทววิทยาที่เกี่ยวกับพระธรรมชาติที่แท้จริงของพระคริสต์  2. พระสันตะปาปาเลโอทรงเรียกพระองค์ว่า POPE ซึ่งมีความหมายว่า เปโตรใหม่ (ตามสังคยานาคาลเซดอนบอกว่า นักบุญเปโตรพูดผ่านทางพระสันตะปาปา)  3. พระสันตะปาปาเลโอทรงมีพรสวรรค์ทางด้านการประนีประนอม

***********

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น