พระสันตะปาปาเลโอที่
1 เป็นพระสันตะปาปาผู้ยิ่งใหญ่องค์หนึ่งในประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักร ประวัติโดยย่อของพระสันตะปาปาเลโอที่
1 เป็นดังนี้
1.
พระองค์มีชีวิตอยู่ในปีค.ศ. 400 -461
2.
เป็นพระสันตะปาปาวันที่ 29 ก.ย. 440 สิ้นพระชนม์วันที่ 10 พ.ย. 461
เป็นชาวทัสคานี อิตาลี
3.
ในปี 445 พระสันตะปาปาเลโอทรงมีข้อพิพาทกับพระอัยกาดิโอสคอรัส
ชาวอเล็กซานเดรีย (สมัยนั้นศาสนจักรแบ่งเป็นสองฝั่งคือกรุงโรมมีพระสันตะปาปาเป็นหัวหน้าและกรุงคอนสแตนติโนเปิลมีพระอัยกาเป็นหัวหน้า)
พระสันตะปาปาเลโอทรงเรียกร้องให้พระอัยกายอมขึ้นกับพระสันตะปาปา เช่นเดียวกับที่นักบุญมาร์โกเป็นศิษย์ของนักบุญเปโตร
4.
พระองค์ทรงต่อสู้กับลัทธินอกรีตเพลาเจียน(Pelagian) อย่างเข้มแข็ง เพราะพระองค์ทรงอ่านข้อเขียนของนักบุญออกัสตินผู้ที่มีชีวิตก่อนหน้าพระองค์ และพระองค์ทราบมาว่าผู้ถือลัทธิเพลาเจียนได้รับศีลมหาสนิท โดยยังไม่ประกาศยอมรับความผิดพลาดของพวกเขาอย่างเป็นทางการ พระองค์จึงทรงออกกฎให้พวกเขาประกาศตนละทิ้งลัทธินั้นต่อหน้าศาลศาสนาก่อนจึงจะไปรับศีลมหาสนิทได้
5.
สมัยนั้นมีผู้ถือความเชื่อแบบ Monophysites ซึ่งสอนว่าพระคริสตเจ้าทรงมีพระธรรมชาติเพียงอย่างเดียว
คือพระธรรมชาติพระเจ้า
แต่พระสันตะปาปาเลโอทรงปฏิเสธความเชื่อนี้ และในปี 449
พระองค์ทรงประกาศข้อคำสอนอันมีชื่อเสียงที่เรียก “Tome of Leo” ซึ่งสอนว่า พระคริสตเจ้าทรงเป็นพระบุคคลเดียว แต่มีสองธรรมชาติ
นั่นคือทรงเป็นพระเจ้าแท้และมนุษย์แท้
ทั้งสองธรรมชาตินี้รวมเป็นหนึ่งเดียวอยู่ในพระบุคคลของพระคริสตเจ้า และสังคยานาแห่งคาลเซดอนในปี 451 ประกาศว่า “นี่เป็นความเชื่อของบรรดาปิตาจารย์ นี่เป็นความเชื่อของอัครสาวก ดังนั้นพวกเราทุกคนจึงเชื่อเช่นนี้ วิบัติแก่ผู้ที่ไม่เชื่อเช่นนี้ เปโตรได้กล่าวโดยผ่านทางเลโอ
ดังนั้นจึงเป็นคำสอนของอัครสาวกซึ่งเป็นความจริงแท้ที่เลโอและซีริลได้สอนไว้
อันจะเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงซิริล
เลโอและซิริลได้สอนในสิ่งเดียวกัน วิบัติแก่ผู้ที่ไม่เชื่อ เพราะนี่เป็นความเชื่อที่แท้จริง เราซึ่งเชื่อในความเชื่อดั้งเดิม เพราะนี่เป็นความเชื่อของบรรดาปิตาจารย์
เหตุใดจึงไม่อ่านสิ่งเหล่านี้ในเอเฟซัสเล่า? นี่เป็นสิ่งที่เดโอสคอรัสได้ปกปิดไว้”
6.
พระสันตะปาปาเลโอที่ 1 ทรงเผชิญหน้ากับอัตติลา
ชาวฮั่นที่ยกกองทัพมารุกรานยุโรปในปี 452 จนเป็นที่หวาดกลัวของทุกคน
อัตติลาได้ยกทัพมาอยู่หน้ากรุงโรมพร้อมที่เข้ายึดครอง อัตติลายื่นข้อเสนอให้จักรพรรดิวาเลนติเนียนแห่งกรุงโรมยกน้องสาวให้เป็นภรรยาของเขา
7.
ชาย 3 คนถูกส่งไปประนีประนอมกับอัตติลา ได้แก่ พระสันตะปาปาเลโอที่
1 , เจนนาดิอุส ผู้เป็นที่ปรึกษาของจักรพรรดิ และ เมมมิอุส เจ้าเมืองคนก่อน
8.
ตามรายงานของ Prosper
if Aquitaine ที่มีชีวิตอยู่ในสมัยนั้นบันทึกไว้ว่า
อัตติลารู้สึกประทับใจพระสันตะปาปาเลโอมาก เขาจึงยอมยกทัพกลับไป และ Paul the deacon ได้เขียนเล่าไว้ในปลายศตวรรษที่ 8 ว่า “ระหว่างที่อัตติลากำลังเจรจากับพระสันตะปาปาเลโอ
มีชายร่างใหญ่สวมชุดคล้ายพระสงฆ์ ถือดาบเป็นอาวุธดูน่ากลัวยืนอยู่ข้างหลังพระสันตะปาปาเลโอ มีเพียงอัตติลาผู้เดียวเท่านั้นที่เห็น ชายผู้นี้ได้ขู่ที่จะทำร้ายอัตติลาและกองทัพของเขาจนตาย
ด้วยเหตุนี้อัตติลาจึงยอมรับข้อเสนอของพระสันตะปาปา ยอมยกทัพกลับไม่โจมตีต่อไป
9.
ในปี 455 กองทัพของคนป่าเถื่อนซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของยุโรปได้ยกทัพมาโจมตีกรุงโรม
แต่พระสันตะปาปาเลโอ
ทรงพูดชักชวนพวกเขาให้มีความเมตตาต่อชาวเมืองและเลิกคิดที่จะเผากรุงโรมเสีย
ทำให้กรุงโรมซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางของพระศาสนจักรไม่ถูกทำลาย
10.
นักบุญพระสันตะปาปาเลโอที่ 1 สิ้นพระชนม์ในปี 461
เขาฝังพระศพของพระองค์ที่เมืองปอร์ติโค ในอาสนวิหารนักบุญเปโตรเดิม
ตามคำขอร้องของพระองค์
จากประวัติเหล่านี้เราจะเห็นว่า พระสันตะปาปาเลโอที่ 1 ทรงมีลักษณะสำคัญ
3 ประการ คือ 1. ทรงมีพรสวรรค์ทางด้านเทววิทยาที่เกี่ยวกับพระธรรมชาติที่แท้จริงของพระคริสต์ 2. พระสันตะปาปาเลโอทรงเรียกพระองค์ว่า POPE ซึ่งมีความหมายว่า เปโตรใหม่
(ตามสังคยานาคาลเซดอนบอกว่า นักบุญเปโตรพูดผ่านทางพระสันตะปาปา) 3.
พระสันตะปาปาเลโอทรงมีพรสวรรค์ทางด้านการประนีประนอม
***********
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น