ปิตาจารย์กล่าวว่า
มีร่างกายลึกลับสองร่าง ซึ่งท่านเรียกว่าร่างกายลึกลับของพระคริสตเจ้าและร่างกายลึกลับของซาตาน.
นักบุญอิกนาตุสเรียกสิ่งนี้ว่า มาตรฐานสองอย่าง.
พูดให้ชัดตามพระคัมภีร์ก็คือ มีอาณาจักร 2 อาณาจักรคือ
อาณาจักรของปีศาจ ตามพระวาจาที่ตรัสว่า "ถ้าปีศาจแตกแยกกันเอง
อาณาจักรของมันจะตั้งอยู่ได้อย่างไร?"(มธ.12:26-27)
และอาณาจักรของพระคริสต์
"อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับเชื้อแป้งที่หญิงผู้หนึ่งนำไปคลุกเคล้าลงในแป้งสามถัง"
(มธ.13:23) และพระคริสต์ทรงสถาปนาอาณาจักรของพระองค์โดยตรัสกับเปโตรว่า "ท่านคือศิลา
บนศิลานี้เราจะตั้งพระศาสนจักรของเรา"(มธ.18:18) สองอาณาจักรกำลังสู้รบกันบนโลกนี้
เพื่อแย่งชิงมนุษยชาติ
ความตกต่ำของบิดามารดาเดิมของมนุษยชาติ
ปีศาจประจญล่อลวงให้บิดามารดาเดิมกินผลไม้ต้องห้าม.
เอวาและอาดัมไม่เชื่อฟังพระเป็นเจ้า.
ผลที่ได้รับคือมนุษยชาติต้องสูญเสียชีวิตเหนือธรรมชาติ ทำให้มนุษย์ใฝ่ฝันโหยหาความเป็นอมตะทางฝ่ายร่างกาย. พระคริสตเจ้าจึงทรงตรัสว่าปีศาจเป็นฆาตกรตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว.
ถ้าปราศจากปีศาจ,จะไม่มีมนุษย์คนใดเลยที่ต้องตายบนโลกนี้.
ปีศาจทำอะไรและกำลังทำอะไรต่อไป. มันได้รับจิตใจอิสระที่สามารถจะไม่เชื่อฟังพระเป็นเจ้า
ปีศาจมีเป้าหมายที่จะล่อลวงมนุษย์ให้ทำบาป.
แต่เราต้องแยกแยะให้ออก ความแตกต่างระหว่างความมุ่งร้ายของปีศาจกับน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า.
น้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าคือ
แม้ว่าปีศาจจะประจญล่อลวงเรา เราก็สามารถปฏิเสธมันและเราจะเจริญเติบโตขึ้นในความรักต่อพระผู้สร้างด้วยการเชื่อฟังพระองค์.
ในพระคัมภีร์,หลังจากปีศาจล่อลวงอาดัมและเอวาแล้ว.
พระเป็นเจ้าทรงสาปแช่งปีศาจและทรงทำนายว่า
"เราจะให้เจ้าเป็นศัตรูกับหญิงนั้น ทั้งเผ่าพันธ์ของเจ้าและเผ่าพันธุ์ของนางด้วย"
หญิงผู้นั้นคือพระนางมารีย์. เผ่าพันธุ์ของพระนางคือพระคริสตเจ้า.
นับจากสวนเอเดน, ก็มีความขัดแย้งกันระหว่างผู้ติดตามพระคริสต์กับผู้ติดตามซาตาน.
(อาณาจักรของพระคริสต์ และ อาณาจักรของซาตาน) นี่เป็นสิ่งที่เข้าใจกันว่าเป็นหลักพื้นฐานที่สุดของสงครามฝ่ายจิตซึ่งจะดำเนินตลอดไปจนสุดสิ้นประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ.
ต่อไป,เรามาดูในพระคัมภีร์พระธรรมใหม่.
พระคริสตเจ้าพระเจ้าของเราทรงเริ่มต้นภารกิจของพระองค์ด้วยการจำศีลอดอาหารสี่สิบวันในทะเลทราย และทรงยอมให้ปีศาจประจญล่อลวงพระองค์. นี่เป็นเรื่องที่ต้องย้ำเตือนว่า,การประจญล่อลวงของมันต้องทำให้เราปรารถนาที่จะมีความเข้มแข็งกว่ามันและเอาชนะการล่อลวงของมัน ซึ่งพยายามล่อลวงให้เราทำตามอย่างมันในการปฏิเสธที่จะรับใช้พระเป็นเจ้า.
วิธีการรับมือกับมันก็คือ,เราต้องตระหนักรู้ถึงยุทธวิธีของมันและปฏิเสธมันอย่างเด็ดขาด.
เราต้องปฏิเสธที่จะทำตามใจของตนเอง
การทำตามใจตนเองนี้แหละที่ทำให้ลูซีเฟอร์กลายเป็นปีศาจ.
พระศาสนจักรระบุว่า ปีศาจกลายเป็นปีศาจเพราะมันมีจิตใจอิสระ
และเมื่อจิตใจอิสระเลือกที่จะเป็นศัตรูต่อพระเป็นเจ้ามันก็กลับกลายเป็นความชั่วร้าย,กลายเป็นผีปีศาจ.
พระคริสต์ขับไล่ปีศาจ
ในพระคัมภีร์มีเรื่องที่น่าสังเกตคือการที่พระเยซูเจ้าทรงทำพิธีขับไล่ปีศาจหลายครั้ง.
ปิตาจารย์อธิบายเหตุผลในเรื่องนี้. เมื่อพระคริสต์เสด็จมา, ปีศาจมองเห็นล่วงหน้าว่าอำนาจของมันในโลกนี้จะถูกทำลายลง
มันจึงแสดงปฏิกิริยาต่อต้านอย่างเต็มที่ ในยุคสมัยของเรา มีหลายคนที่มอบตัวเองแก่ปีศาจ.
พวกเขามีความกระตือรือร้นมาก. หัวหน้าพระสงฆ์ผู้ทำพิธีขับไล่ผีของโรมได้อธิบายเรื่องนี้ว่า
เหตุผลหลักคือ คนที่มีจิตใจฝักใฝ่ทางโลกถูกชักชวนให้ติดตามเจ้าชายแห่งโลกนี้ได้ง่ายมาก.
ทำให้ลัทธิบูชาซาตานแพร่ขยายออกไป.
มีความแตกต่างในยุทธสงครามของพระศาสนจักรนี้กับสิ่งที่ปิตาจารย์เรียกว่าร่างกายลึกลับของซาตาน.
มีร่างกายลึกลับสองร่าง นั่นคือร่างกายลึกลับของพระคริสตเจ้า และ ร่างกายลึกลับของซาตาน.
ปีศาจมีการปกครองและการจัดการที่ดีเยี่ยม
และถึงแม้ผู้ติดตามพระคริสต์จะมีความกระตือรือร้น, มีการจัดการที่ดีเข้มแข็งสักเพียงใดก็ตาม มันก็ไม่อาจเทียบได้กับการจัดการของผู้ติดตามปีศาจ
เพราะตามที่พระเยซูเจ้าตรัสไว้ว่า "บุตรของโลกมีความเฉลียวฉลาดในการงานของโลกมากกว่าบุตรแห่งความสว่าง"
(ลก.16:8) ดังนั้นพระเป็นเจ้าจึงทรงเข้ามาแทรกแซงช่วยเหลือ. ตามที่เราได้เห็นแล้วว่าพระเยซูเจ้าและแม่พระเองได้ทรงประจักษ์มาหลายแห่งหลายครั้งเพื่อเตือนมนุษย์.
และยังทรงประทานผู้ศักดิ์สิทธิ์และนักบุญหลายองค์ให้เป็นแบบอย่างแก่เรา.
นักบุญอิกนาตุสเรียกสิ่งนี้ว่า
มาตรฐานสองอย่าง เราต้องเข้าใจให้ถูกต้องในความจริงที่ว่า
ผู้ติดตามพระคริสตเจ้านั้นเป็นองค์กรทางสังคม. เราต้องมีส่วนร่วมกับพระคริสตเจ้าในการเผยแพร่พระธรรมคำสอนของพระองค์ในหมู่มวลมนุษยชาติทั่วโลก.
ในเวลาเดียวกันต้องแสดงให้เห็นถึงความเชื่อของเราด้วย ขณะเดียวกันมีความเป็นจริงด้วยว่า
ปีศาจก็ได้เผยแพร่คำสอนของมันไปทั่วโลกเช่นเดียวกัน ยังจำนิทานเปรียบเทียบเรื่องผู้หว่านได้ไหม
ผู้หว่านได้หว่านเมล็ดพันธ์ดีในเวลากลางวัน เมื่อเวลาผ่านไปข้าวก็งอกงามขึ้นมา ปีศาจได้มาหว่านเมล็ดพันธ์ของมันในนาแปลงเดียวกันด้วย
จึงมีผู้หว่านสองคนได้หว่านเมล็ดพันธ์ของตนลงในจิตใจของมนุษย์ ผู้หว่านคนแรกคือพระคริสต์
และอีกคนคือลูซีเฟอร์. คำพูดนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการใช้วาทศิลป์หรือเป็นความศรัทธางมงาย
แต่นี่เป็นความจริงอันเป็นรากฐานของพระคริสตศาสนา. และเราจะมุ่งประเด็นไปที่การเปรียบเทียบวิธีการที่พระคริสตเจ้าทรงใช้ในการดูแลจัดการผู้ติดตามพระองค์เพื่อต่อสู้กับวิธีการที่ปีศาจใช้ในการดูแลจัดการคนของมัน.
หรือที่นักบุญอิกนาตุสเรียกว่า สองมาตรฐานซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับจิตวิญญาณ เรื่องนี้เป็นการเปิดเผยของพระเป็นเจ้าและเป็นความจำเป็นที่คริสตศาสนิกผู้มีความเชื่อต้องรู้.
และต้องตระหนัก,ไม่ละเลยทำเป็นตาบอดต่อสิ่งที่เป็นอยู่ในโลกปัจจุบันนี้
อาณาจักรของซาตาน
นักบุญอิกนาตุส บอกว่า
" หัวหน้าของบรรดาปีศาจทั้งมวลได้ระดมกองทัพปีศาจและส่งพวกมันออกไป กองทัพปีศาจไปตามเมืองต่างๆทั่วโลก
เพื่อที่ว่าจะไม่มีจังหวัดใดหรือสถานที่ใดหรือสิ่งใดที่ถูกละเลยมองข้ามไป ไม่ว่าที่นั้นจะมีสิ่งมีชีวิตหรือไม่ก็ตาม มันออกไปเพื่อวางกับดักล่อลวงมนุษย์และมัดเขาด้วยโซ่ ตอนแรกมันจะประจญล่อลวงเขาให้มีความโลภปรารถนาความร่ำรวย
เนื่องด้วยเจ้าซาตานเองก็เคยเป็นเช่นนั้นด้วย พวกเขาตกลงไปในกับดักของเกียรติยศชื่อเสียงอันไร้ค่าอย่างง่ายดาย
แล้วก็กลายเป็นคนหยิ่งยะโส. กับดักแรกคือความร่ำรวย
กับดักที่สองคือเกียรติยศชื่อเสียง
และกับดักที่สามคือความหยิ่งผยอง
จากกับดักทั้งสามชักนำให้มนุษย์ไปสู่ความชั่วร้ายอื่นๆ
ยุทธวิธีของปีศาจคือการทำให้มนุษย์มีใจยึดติดกับสิ่งของของโลก.
มันพยายามล่อลวงให้มนุษย์ปรารถนาความสมบูรณ์พูนสุขทางวัตถุซึ่งเป็นความร่ำรวยที่มีราคาถูกที่สุด.
หรือไม่ก็ล่อลวงให้คนเราต้องการความรอบรู้.
อา,พระเจ้า, เจ้าปีศาจมันฉลาดนัก.
นอกจากนี้มันยังล่อลวงให้คนเราต้องการอำนาจที่จะควบคุมคนอื่นและอำนาจในการควบคุมจัดการสังคม
และเชื่อไหม,บางครั้งมันยังประจญล่อลวงให้บางคนปรารถนาความสมบูรณ์ฝ่ายจิตด้วย.
เขาเหล่านั้นกระหายความรู้.
แต่ไม่ว่าจะมีตำแหน่งสูงส่ง, ร่ำรวยหรือเป็นผู้รอบรู้ทางวิชาการฝ่ายโลกหรือแม้แต่ทางฝ่ายจิตใจก็ตาม
ความปรารถนาของพวกเขาเริ่มต้นด้วยความต้องการความมั่งคั่งสมบูรณ์และต่อมาต้องการได้รับการเป็นที่จดจำ,
ได้รับคำสรรเสริญ. พวกเขาบางคนต้องล้มลงเหมือนไม้ขีดไฟราคาถูกๆที่ตกลงบนพื้น
เพราะพวกเขายอมให้เจ้าปีศาจมาล่อหลอกได้.
การยึดติดกับสิ่งของของโลกจะค่อยๆทำให้ผู้นั้นไม่เพียงแต่พึงพอใจในสิ่งที่เขาเป็นเจ้าของเท่านั้น.
แต่ยังทำให้เขากระหายที่จะได้เป็นที่ยอมรับ,เป็นที่จดจำ,ได้รับการสรรเสริญและมีเกียรติยศชื่อเสียง.
ตามที่ท่านนักบุญอิกนาตุสได้กล่าวไว้, เมื่อมนุษย์ตกเป็นเหยื่อของเกียรติยศชื่อเสียงอันไร้ค่าแล้ว
ความหยิ่งผยองก็จะตามมาเป็นอันดับต่อไป มีเศรษฐีเงินล้านมากสักเพียงใดที่ไม่รู้สึกตัวเองว่าตนเองอ่อนแอเพียงไรถ้ายังยึดติดกับสิ่งของของโลกนี้เหมือนต้องเวทมนตร์.
มันทำให้เขาตกเป็นเหยื่ออย่างง่ายดายโดยทำให้เขาหยิ่งยะโส.
เพราะเมื่อคนเราตกอยู่ในความหยิ่งผยองแล้ว ก็จะไม่มีขีดจำกัดในการทำความชั่วร้ายนานาชนิดอีกต่อไป.
มนุษย์ที่หยิ่งผยองเป็นตัวแทนของปีศาจ มันจะใช้เขาไปล่อลวงคนอื่นๆอีก แท้จริงมันใช้เขาให้ทำงานพร้อมกับมัน และภายใต้อำนาจชั่วร้ายของมัน มันจัดการให้คนที่หยิ่งผยองได้รับอำนาจเฉพาะอย่างของมัน
ตามที่ปิตาจารย์เรียกว่า - ร่างกายลึกลับของซาตาน. ไม่ว่ามันจะมีชื่ออะไร มันถูกควบคุมด้วยบิดาแห่งการโกหก
และพระเป็นเจ้าทรงอนุญาตให้ปีศาจใช้อำนาจเหนือมนุษย์ของมันเฉพาะต่อผู้ที่ยอมให้ตัวเองเป็นทาสของมัน
****************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น