วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2561

สองอาณาจักร


ปิตาจารย์กล่าวว่า มีร่างกายลึกลับสองร่าง ซึ่งท่านเรียกว่าร่างกายลึกลับของพระคริสตเจ้าและร่างกายลึกลับของซาตาน.  นักบุญอิกนาตุสเรียกสิ่งนี้ว่า มาตรฐานสองอย่าง.   พูดให้ชัดตามพระคัมภีร์ก็คือ มีอาณาจักร 2 อาณาจักรคือ   อาณาจักรของปีศาจ ตามพระวาจาที่ตรัสว่า "ถ้าปีศาจแตกแยกกันเอง อาณาจักรของมันจะตั้งอยู่ได้อย่างไร?"(มธ.12:26-27)   และอาณาจักรของพระคริสต์ "อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับเชื้อแป้งที่หญิงผู้หนึ่งนำไปคลุกเคล้าลงในแป้งสามถัง" (มธ.13:23) และพระคริสต์ทรงสถาปนาอาณาจักรของพระองค์โดยตรัสกับเปโตรว่า "ท่านคือศิลา    บนศิลานี้เราจะตั้งพระศาสนจักรของเรา"(มธ.18:18) สองอาณาจักรกำลังสู้รบกันบนโลกนี้ เพื่อแย่งชิงมนุษยชาติ

ความตกต่ำของบิดามารดาเดิมของมนุษยชาติ

ปีศาจประจญล่อลวงให้บิดามารดาเดิมกินผลไม้ต้องห้าม.    เอวาและอาดัมไม่เชื่อฟังพระเป็นเจ้า. ผลที่ได้รับคือมนุษยชาติต้องสูญเสียชีวิตเหนือธรรมชาติ   ทำให้มนุษย์ใฝ่ฝันโหยหาความเป็นอมตะทางฝ่ายร่างกาย.    พระคริสตเจ้าจึงทรงตรัสว่าปีศาจเป็นฆาตกรตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว.    ถ้าปราศจากปีศาจ,จะไม่มีมนุษย์คนใดเลยที่ต้องตายบนโลกนี้.   ปีศาจทำอะไรและกำลังทำอะไรต่อไป.    มันได้รับจิตใจอิสระที่สามารถจะไม่เชื่อฟังพระเป็นเจ้า   ปีศาจมีเป้าหมายที่จะล่อลวงมนุษย์ให้ทำบาป.    แต่เราต้องแยกแยะให้ออก  ความแตกต่างระหว่างความมุ่งร้ายของปีศาจกับน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า.    น้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าคือ    แม้ว่าปีศาจจะประจญล่อลวงเรา    เราก็สามารถปฏิเสธมันและเราจะเจริญเติบโตขึ้นในความรักต่อพระผู้สร้างด้วยการเชื่อฟังพระองค์.    ในพระคัมภีร์,หลังจากปีศาจล่อลวงอาดัมและเอวาแล้ว.   พระเป็นเจ้าทรงสาปแช่งปีศาจและทรงทำนายว่า   "เราจะให้เจ้าเป็นศัตรูกับหญิงนั้น  ทั้งเผ่าพันธ์ของเจ้าและเผ่าพันธุ์ของนางด้วย"    หญิงผู้นั้นคือพระนางมารีย์.    เผ่าพันธุ์ของพระนางคือพระคริสตเจ้า.   นับจากสวนเอเดน, ก็มีความขัดแย้งกันระหว่างผู้ติดตามพระคริสต์กับผู้ติดตามซาตาน. (อาณาจักรของพระคริสต์ และ อาณาจักรของซาตาน)   นี่เป็นสิ่งที่เข้าใจกันว่าเป็นหลักพื้นฐานที่สุดของสงครามฝ่ายจิตซึ่งจะดำเนินตลอดไปจนสุดสิ้นประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ.

ต่อไป,เรามาดูในพระคัมภีร์พระธรรมใหม่.    พระคริสตเจ้าพระเจ้าของเราทรงเริ่มต้นภารกิจของพระองค์ด้วยการจำศีลอดอาหารสี่สิบวันในทะเลทราย  และทรงยอมให้ปีศาจประจญล่อลวงพระองค์.    นี่เป็นเรื่องที่ต้องย้ำเตือนว่า,การประจญล่อลวงของมันต้องทำให้เราปรารถนาที่จะมีความเข้มแข็งกว่ามันและเอาชนะการล่อลวงของมัน  ซึ่งพยายามล่อลวงให้เราทำตามอย่างมันในการปฏิเสธที่จะรับใช้พระเป็นเจ้า.    วิธีการรับมือกับมันก็คือ,เราต้องตระหนักรู้ถึงยุทธวิธีของมันและปฏิเสธมันอย่างเด็ดขาด.    เราต้องปฏิเสธที่จะทำตามใจของตนเอง    การทำตามใจตนเองนี้แหละที่ทำให้ลูซีเฟอร์กลายเป็นปีศาจ.    พระศาสนจักรระบุว่า    ปีศาจกลายเป็นปีศาจเพราะมันมีจิตใจอิสระ    และเมื่อจิตใจอิสระเลือกที่จะเป็นศัตรูต่อพระเป็นเจ้ามันก็กลับกลายเป็นความชั่วร้าย,กลายเป็นผีปีศาจ.

พระคริสต์ขับไล่ปีศาจ

ในพระคัมภีร์มีเรื่องที่น่าสังเกตคือการที่พระเยซูเจ้าทรงทำพิธีขับไล่ปีศาจหลายครั้ง. ปิตาจารย์อธิบายเหตุผลในเรื่องนี้. เมื่อพระคริสต์เสด็จมา, ปีศาจมองเห็นล่วงหน้าว่าอำนาจของมันในโลกนี้จะถูกทำลายลง มันจึงแสดงปฏิกิริยาต่อต้านอย่างเต็มที่ ในยุคสมัยของเรา มีหลายคนที่มอบตัวเองแก่ปีศาจ. พวกเขามีความกระตือรือร้นมาก. หัวหน้าพระสงฆ์ผู้ทำพิธีขับไล่ผีของโรมได้อธิบายเรื่องนี้ว่า   เหตุผลหลักคือ    คนที่มีจิตใจฝักใฝ่ทางโลกถูกชักชวนให้ติดตามเจ้าชายแห่งโลกนี้ได้ง่ายมาก.    ทำให้ลัทธิบูชาซาตานแพร่ขยายออกไป.   มีความแตกต่างในยุทธสงครามของพระศาสนจักรนี้กับสิ่งที่ปิตาจารย์เรียกว่าร่างกายลึกลับของซาตาน.    มีร่างกายลึกลับสองร่าง    นั่นคือร่างกายลึกลับของพระคริสตเจ้า และ ร่างกายลึกลับของซาตาน.    ปีศาจมีการปกครองและการจัดการที่ดีเยี่ยม    และถึงแม้ผู้ติดตามพระคริสต์จะมีความกระตือรือร้น, มีการจัดการที่ดีเข้มแข็งสักเพียงใดก็ตาม มันก็ไม่อาจเทียบได้กับการจัดการของผู้ติดตามปีศาจ    เพราะตามที่พระเยซูเจ้าตรัสไว้ว่า "บุตรของโลกมีความเฉลียวฉลาดในการงานของโลกมากกว่าบุตรแห่งความสว่าง" (ลก.16:8) ดังนั้นพระเป็นเจ้าจึงทรงเข้ามาแทรกแซงช่วยเหลือ. ตามที่เราได้เห็นแล้วว่าพระเยซูเจ้าและแม่พระเองได้ทรงประจักษ์มาหลายแห่งหลายครั้งเพื่อเตือนมนุษย์. และยังทรงประทานผู้ศักดิ์สิทธิ์และนักบุญหลายองค์ให้เป็นแบบอย่างแก่เรา.

นักบุญอิกนาตุสเรียกสิ่งนี้ว่า มาตรฐานสองอย่าง เราต้องเข้าใจให้ถูกต้องในความจริงที่ว่า ผู้ติดตามพระคริสตเจ้านั้นเป็นองค์กรทางสังคม. เราต้องมีส่วนร่วมกับพระคริสตเจ้าในการเผยแพร่พระธรรมคำสอนของพระองค์ในหมู่มวลมนุษยชาติทั่วโลก. ในเวลาเดียวกันต้องแสดงให้เห็นถึงความเชื่อของเราด้วย ขณะเดียวกันมีความเป็นจริงด้วยว่า ปีศาจก็ได้เผยแพร่คำสอนของมันไปทั่วโลกเช่นเดียวกัน ยังจำนิทานเปรียบเทียบเรื่องผู้หว่านได้ไหม ผู้หว่านได้หว่านเมล็ดพันธ์ดีในเวลากลางวัน เมื่อเวลาผ่านไปข้าวก็งอกงามขึ้นมา ปีศาจได้มาหว่านเมล็ดพันธ์ของมันในนาแปลงเดียวกันด้วย จึงมีผู้หว่านสองคนได้หว่านเมล็ดพันธ์ของตนลงในจิตใจของมนุษย์ ผู้หว่านคนแรกคือพระคริสต์ และอีกคนคือลูซีเฟอร์. คำพูดนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการใช้วาทศิลป์หรือเป็นความศรัทธางมงาย แต่นี่เป็นความจริงอันเป็นรากฐานของพระคริสตศาสนา. และเราจะมุ่งประเด็นไปที่การเปรียบเทียบวิธีการที่พระคริสตเจ้าทรงใช้ในการดูแลจัดการผู้ติดตามพระองค์เพื่อต่อสู้กับวิธีการที่ปีศาจใช้ในการดูแลจัดการคนของมัน. หรือที่นักบุญอิกนาตุสเรียกว่า สองมาตรฐานซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับจิตวิญญาณ    เรื่องนี้เป็นการเปิดเผยของพระเป็นเจ้าและเป็นความจำเป็นที่คริสตศาสนิกผู้มีความเชื่อต้องรู้. และต้องตระหนัก,ไม่ละเลยทำเป็นตาบอดต่อสิ่งที่เป็นอยู่ในโลกปัจจุบันนี้

อาณาจักรของซาตาน

นักบุญอิกนาตุส บอกว่า " หัวหน้าของบรรดาปีศาจทั้งมวลได้ระดมกองทัพปีศาจและส่งพวกมันออกไป    กองทัพปีศาจไปตามเมืองต่างๆทั่วโลก   เพื่อที่ว่าจะไม่มีจังหวัดใดหรือสถานที่ใดหรือสิ่งใดที่ถูกละเลยมองข้ามไป  ไม่ว่าที่นั้นจะมีสิ่งมีชีวิตหรือไม่ก็ตาม    มันออกไปเพื่อวางกับดักล่อลวงมนุษย์และมัดเขาด้วยโซ่    ตอนแรกมันจะประจญล่อลวงเขาให้มีความโลภปรารถนาความร่ำรวย    เนื่องด้วยเจ้าซาตานเองก็เคยเป็นเช่นนั้นด้วย    พวกเขาตกลงไปในกับดักของเกียรติยศชื่อเสียงอันไร้ค่าอย่างง่ายดาย    แล้วก็กลายเป็นคนหยิ่งยะโส.    กับดักแรกคือความร่ำรวย    กับดักที่สองคือเกียรติยศชื่อเสียง   และกับดักที่สามคือความหยิ่งผยอง    จากกับดักทั้งสามชักนำให้มนุษย์ไปสู่ความชั่วร้ายอื่นๆ

ยุทธวิธีของปีศาจคือการทำให้มนุษย์มีใจยึดติดกับสิ่งของของโลก.    มันพยายามล่อลวงให้มนุษย์ปรารถนาความสมบูรณ์พูนสุขทางวัตถุซึ่งเป็นความร่ำรวยที่มีราคาถูกที่สุด.    หรือไม่ก็ล่อลวงให้คนเราต้องการความรอบรู้.    อา,พระเจ้า, เจ้าปีศาจมันฉลาดนัก.    นอกจากนี้มันยังล่อลวงให้คนเราต้องการอำนาจที่จะควบคุมคนอื่นและอำนาจในการควบคุมจัดการสังคม    และเชื่อไหม,บางครั้งมันยังประจญล่อลวงให้บางคนปรารถนาความสมบูรณ์ฝ่ายจิตด้วย.    เขาเหล่านั้นกระหายความรู้.    แต่ไม่ว่าจะมีตำแหน่งสูงส่ง, ร่ำรวยหรือเป็นผู้รอบรู้ทางวิชาการฝ่ายโลกหรือแม้แต่ทางฝ่ายจิตใจก็ตาม    ความปรารถนาของพวกเขาเริ่มต้นด้วยความต้องการความมั่งคั่งสมบูรณ์และต่อมาต้องการได้รับการเป็นที่จดจำ, ได้รับคำสรรเสริญ.    พวกเขาบางคนต้องล้มลงเหมือนไม้ขีดไฟราคาถูกๆที่ตกลงบนพื้น    เพราะพวกเขายอมให้เจ้าปีศาจมาล่อหลอกได้.

การยึดติดกับสิ่งของของโลกจะค่อยๆทำให้ผู้นั้นไม่เพียงแต่พึงพอใจในสิ่งที่เขาเป็นเจ้าของเท่านั้น.    แต่ยังทำให้เขากระหายที่จะได้เป็นที่ยอมรับ,เป็นที่จดจำ,ได้รับการสรรเสริญและมีเกียรติยศชื่อเสียง.    ตามที่ท่านนักบุญอิกนาตุสได้กล่าวไว้, เมื่อมนุษย์ตกเป็นเหยื่อของเกียรติยศชื่อเสียงอันไร้ค่าแล้ว    ความหยิ่งผยองก็จะตามมาเป็นอันดับต่อไป    มีเศรษฐีเงินล้านมากสักเพียงใดที่ไม่รู้สึกตัวเองว่าตนเองอ่อนแอเพียงไรถ้ายังยึดติดกับสิ่งของของโลกนี้เหมือนต้องเวทมนตร์.   มันทำให้เขาตกเป็นเหยื่ออย่างง่ายดายโดยทำให้เขาหยิ่งยะโส.    เพราะเมื่อคนเราตกอยู่ในความหยิ่งผยองแล้ว    ก็จะไม่มีขีดจำกัดในการทำความชั่วร้ายนานาชนิดอีกต่อไป.    มนุษย์ที่หยิ่งผยองเป็นตัวแทนของปีศาจ    มันจะใช้เขาไปล่อลวงคนอื่นๆอีก    แท้จริงมันใช้เขาให้ทำงานพร้อมกับมัน  และภายใต้อำนาจชั่วร้ายของมัน    มันจัดการให้คนที่หยิ่งผยองได้รับอำนาจเฉพาะอย่างของมัน ตามที่ปิตาจารย์เรียกว่า - ร่างกายลึกลับของซาตาน.    ไม่ว่ามันจะมีชื่ออะไร มันถูกควบคุมด้วยบิดาแห่งการโกหก    และพระเป็นเจ้าทรงอนุญาตให้ปีศาจใช้อำนาจเหนือมนุษย์ของมันเฉพาะต่อผู้ที่ยอมให้ตัวเองเป็นทาสของมัน

****************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น