วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2561

ต้องเตรียมตัวให้พร้อมในการต่อสู้กับปีศาจ


             ROME - พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 เคยตรัสว่า เทศกาลมหาพรตเป็นระยะเวลาแห่งการ “ฝึกฝนจิตใจ” เพื่อเพิ่มความสามารถในการตระหนักรู้ถึง เสียงของพระเจ้าและตระหนักรู้ถึงเสียงของปีศาจด้วยเช่นกัน

            การตระหนักรู้นี้ไม่เพียงแต่ต้องมีในช่วงเวลามหาพรตเท่านั้น แต่จะต้องมีอยู่ตลอดเวลา  พระสงฆ์ผู้ทำพิธีขับไล่ปีศาจท่านหนึ่งบอกว่า เราจำเป็นต้องเตรียมตัวพร้อมอยู่เสมอ โดยต้องได้รับการฝึกหัดอย่างถูกต้องในการทำสงครามกับปีศาจและในการช่วยเหลือผู้อื่นด้วย

            คุณพ่อ เบนิโย ปาลิลลา แห่งคณะฟรังซิสกัน ผู้ทำพิธีขับไล่ปีศาจของสังฆมณฑลปาเลอโมในอิตาลี กล่าวว่า

            “บ่อยครั้งทีเดียว ที่พวกเราพระสงฆ์ไม่รู้วิธีที่จะเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่อยู่ต่อหน้าเรา และสิ่งนี้ก็ไม่เคยมีการพูดคุยกันในหมู่พระสงฆ์”

            คุณพ่อ ซีซาเร ทรูควิ ผู้ทำพิธีขับไล่ปีศาจอีกท่านหนึ่ง กล่าวว่า มีพระสงฆ์จำนวนมากที่ “ไม่เชื่อว่าการถูกปีศาจเข้าสิงเป็นเรื่องที่มีอยู่จริง เพราะมันเป็นกรณีที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อย”

            แต่ถึงแม้ว่ากรณีที่ถูกปีศาจเข้าสิงเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นก็ตาม ทุกสังฆมณฑลในโลกก็จำเป็นต้องมีพระสงฆ์ผู้ทำพิธีขับไล่ปีศาจที่ได้รับการฝึกหัดมาอย่างดีแล้วอย่างน้อยหนึ่งคน คุณพ่อ ซีซาเร กล่าวว่า

            “ก็เหมือนกับทันตแพทย์  เราไม่จำเป็นต้องไปหาทันตแพทย์ทุกสัปดาห์ แต่เราก็จำเป็นต้องมีทันตแพทย์ใช่ไหม”

            พระสงฆ์ผู้ทำพิธีขับไล่ปีศาจที่ได้รับการฝึกหัดและมีประสบการณ์จะช่วยพิจารณากรณีที่เกิดขึ้นว่ามีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการกระทำของปีศาจหรือไม่

            และพระสงฆ์ก็จะช่วยประชาสัตบุรุษให้มีความเข้าใจถึงการปรากฏอยู่ของปีศาจได้ ท่านกล่าวว่า “คุณต้องสอนผู้คนด้วยว่า ไม่ใช่ทุกกรณีที่เป็นการกระทำของปีศาจ”

            “เวลานี้ผมมีอยู่กรณีหนึ่ง ชายคนหนึ่งที่ได้ไปหาหมอผีอัฟริกัน เพราะเขาไม่พบพระสงฆ์คาทอลิกที่จะรับฟังและเป็นที่ปรึกษาให้กับเขาได้”

             “ผมคิดว่า ถ้าเขาได้พบพระสงฆ์คาทอลิกที่จะรับฟังเรื่องของเขา เป็นเพื่อนเขาและช่วยเหลือเขา เขาก็คงไม่ถูกผีสิงเหมือนอย่างในเวลานี้”

            ภาวะทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ การไม่มีงานทำ เป็นสิ่งขับดันให้ประชาชนจำนวนหนึ่งหันไปพึ่งหมอดู และสิ่งที่เป็นเวทมนตร์ และส่วนใหญ่ก็เป็นการหลอกลวง อย่างไรก็ตาม การไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องฝ่ายจิตในด้านมืดเหล่านี้ “อาจทำให้ปีศาจเข้าสู่จิตใจของผู้ที่เปิดใจให้กับมันได้”  ดังนั้นจึงอาจต้องได้รับความช่วยเหลือจากรพระสงฆ์ผู้ทำพิธีขับไล่ปีศาจ 

            ผู้คนควรพิจารณาให้ดีด้วยว่า พระสงฆ์ผู้นั้นได้รับการรับรองจากพระสังฆราชให้ทำพิธีขับไล่ปีศาจแล้วหรือไม่ พระสงฆ์จะทำพิธีขับไล่ปีศาจได้เฉพาะในเขตสังฆมณฑลของตนเท่านั้น ไม่ใช่ที่อื่น

            คุณพ่อ ซีซาเร เป็นหนึ่งในพระสงฆ์ผู้เชี่ยวชาญในการสอนของหลักสูตรการขับไล่ปีศาจและบทสวดปลดปล่อยจิตวิญญาณจากปีศาจ ที่มหาวิทยาลัย Legionaries of Christ’s Pontifical University Regina Apostolorum ในกรุงโรม

            ท่านเขียนหนังสือเล่าเรื่องเกี่ยวกับการที่ท่านได้มาเป็นพระสงฆ์ผู้ทำพิธีขับไล่ปีศาจโดยไม่คาดฝัน หนังสือชื่อ Profession: Exorcist. The Most Disturbing Cases of Possession and Liberation

            ท่านเขียนว่า ท่านได้ไปเยี่ยมคุณพ่อเอม็อท (ผู้ทำพิธีขับไล่ปีศาจอย่างเป็นทางการของโรม เสียชีวิตแล้ว) และคุณพ่อเอม็อทได้เชิญให้ท่านเข้าเรียนหลักสูตรขับไล่ปีศาจครั้งแรกที่จัดขึ้นในมหาวิทยาลัยเมื่อปี 2004 และท่านได้ร่วมในพิธีขับไล่จริงๆ ท่านถือไม้กางเขนไว้ต่อหน้าชายคนหนึ่งที่พยายามจะฆ่าท่าน

            ในเวลานั้นท่านรู้สึกกลัวมาก ท่านยืนตัวแข็ง ผมบนศีรษะลุกชันขึ้นมา คุณพ่อเอม็อทบอกให้ท่านอยู่จนจบพิธีและช่วยเหลือในการสวดภาวนา.

            คุณพ่อซีซาเร กล่าวว่า ระยะเวลาสี่วันที่ได้อยู่กับคุณพ่อเอม็อทเป็นช่วงเวลาที่น่าประหลาดใจ หลังจากนั้นท่านได้จากมหาวิทยาลัยไป และกลายเป็นพระสงฆ์ผู้ทำพิธีขับไล่ปีศาจประจำสังฆมณฑลเชอร์ ในสวิสเซอร์แลนด์

            ท่านกล่าวว่า งานของท่านเป็นการอภิบาลด้วยกิจเมตตาอย่างหนึ่ง มันทำให้ผู้คนใกล้ชิดกับศีลศักดิ์สิทธิ์และมีชีวิตในการสวดภาวนามากขึ้น ทำให้พวกเขามีความซื่อสัตย์ต่อรพระคริสต์และมีสันติสุขในจิตใจ  งานที่ท่านทำนี้เหมือนกับที่พระเยซูเจ้าทรงทำ เป็นสงครามฝ่ายจิตเหมือนที่เขียนไว้ในพระวรสาร ประสบการณ์ที่ได้รับนั้นแสดงให้เห็นว่า สิ่งที่พระเยซูเจ้าตรัสนั้นเป็นความจริง “เป็นเรื่องดีมากที่ได้รู้และเข้าใจว่า เมื่อคุณเป็นพระสงฆ์ผู้ทำพิธีขับไล่ปีศาจ คุณมีพลังอำนาจของการสวดภาวนาอยู่ในมือของคุณอย่างแท้จริง”

****************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น