นี่เป็นรูปปั้น
3 มิติ “carbon copy”
ของพระเยซูเจ้าที่สร้างขึ้นจากแบบในผ้าห่อพระศพแห่งตูริน
“รูปปั้นเป็นขนาดเท่าของจริง
สร้่างขึ้นด้วยวิธีการวัดที่แม่นยำ จากรูปในผ้าห่อพระศพซึ่งเป็นพระกายของพระคริสต์ที่ถูกห่อหลังจากทรงถูกตรึงกางเขน”
นาย Giulio Fanti ผู้เป็นอาจารย์สอนกลศาสตร์และการวัดอุณหภูมิที่มหาวิทยาลัยแห่งปาดัง
กล่าวอธิบาย
เขาได้ศึกษาผ้าห่อพระศพแห่งตูรินและได้สร้าง “carbon copy” ออกมาเป็นรูปปั้น 3 มิติ
และเขายืนยันว่ารูปปั้นนี้เป็นลักษณะที่แท้จริงของพระคริสต์
เขากล่าวว่า
“ตามที่เราศึกษามา พระเยซูเจ้าทรงมีพระรูปที่งดงามเป็นพิเศษ มีแขนขายาวและแข็งแรง พระองค์สูงเกือบ 5 ฟุต 11 นิ้ว
โดยค่าเฉลี่ยความสูงของผู้ชายในสมัยนั้นจะอยู่ที่ 5 ฟุต 5 นิ้ว
และพระองค์ทรงมีความสง่าผ่าเผยมาก”
**************
หลังจากใช้เวลาสองปีในการศึกษาผ้าห่อพระศพแห่งตูริน
มหาวิทยาลัย University
and the Hospital of Padua
ก็ได้สร้างรูปปั้นแบบจำลองของบุคคลในรูปภาพของผ้าห่อพระศพนี้ออกมา
รูปปั้นมีขนาดส่วนสูง 180 ซม.
ศาสตราจารย์ Giulio
Fanti ซึ่งอยู่ใน Department of Industrial Engineering เป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานนี้ การสร้างรูปปั้นใช้เทคนิคอันเป็นนวัตกรรมใหม่ที่มีการวัดที่แม่นยำถึง
90%
ในปี 1978 Professor Giovanni Tamburelli
แห่งมหาวิทยาลัยตูรินได้ใช้คอมพิวเตอร์สร้างภาพจากผ้าห่อพระศพ
ความสว่างและมืดของภาพจะแสดงให้เห็นถึงความลึกและมิติของภาพในแต่ละส่วนของร่างกาย
ซึ่งด้วยวิธีทำให้รู้ว่า รูปในผ้าห่อพระศพนี้ไม่สามารถสร้างขึ้นได้โดยจิตรกรวาดรูป
นักวิทยาศาสตร์ต่างๆก็เห็นด้วยว่า
รูปไม่ได้ถูกสร้างขึ้นด้วยการระบายสีด้วยมือของมนุษย์
แต่รูปเกิดจากการพิมพ์ร่างกายของมนุษย์ลงบนผืนผ้าโดยตรง
ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ที่มีชีวิต หรือเป็นศพ หรือเป็นรูปปั้นก็ตาม แต่การพิมพ์รูปลงในผืนผ้านี้มีลักษณะพิเศษมาก ซึ่งไม่ใช่เป็นการห่อผ้ากับร่างกาย
เพราะถ้าเป็นลักษณะนี้รูปภาพจะบิดเบี้ยวไม่ตรงตามความเป็นจริงของร่างกาย
สิ่งที่ได้รู้เพิ่มเติมจากการศึกษาผ้าห่อพระศพ
คือเส้นใยของผ้าที่มีรูปภาพติดอยู่จะเป็นสีดำเฉพาะด้านบนผิวของเส้นใยเท่านั้น ลักษณะแปลกอีกประการหนึ่งคือบนเส้นด้ายเดียวกันเส้นใยสีดำจะขนาบข้างด้วยเส้นใยที่ยังคงเป็นสีขาว ตามความเห็นของ Prof. Fanti ปรากฏการณ์เช่นนี้จะเป็นไปได้เฉพาะในรูปแบบของการฉายรังสีที่เชื่อมโยงกับสนามไฟฟ้าเท่านั้น การทดลองในห้องแล็บกับผืนผ้าเพื่อให้ออกมามีลักษณะแบบเดียวกับผ้าห่อพระศพ
โดยการใช้ความร้อนจากขดลวดโลหะหรือใช้สารละลายกรดเคลือบลงไปบนผ้านั้นไม่ประสบความสำเร็จ เพราะขดลวดจะไหม้หรือกลายเป็นเขม่าสีดำไปทั้งหมด
Tamburelli’s
Computerized Reconstruction
นักเคมี Luigi Garlaschelli from Pavia ผู้เป็นสมาชิดของ
Cicap (Italian Committee for the Investigation of Claims
of the Pseudosciences) พยายามใช้เทคนิคหลายวิธีกับคนที่มีชีวิต โดยใช้
a bas-relief
คลุมใบหน้าและพรมสารละลายสีที่เป็นกรดลงไปบนผ้า
ผู้เป็นอาสาสมัครถูกห่อด้วยผ้าลินินเหมือนกับผ้าที่ใช้ห่อพระศพ และเมื่อนำผ้ามาล้างและตากให้แห้ง จากนั้นเอาเลือดของมนุษย์ใส่ลงไป ผ้าบริเวณที่สัมผัสกับสารละลายกรดจะมีสีเหลืองคล้ายกับผ้าห่อพระศพแห่งตูริน
Fanti แสดงความคิดเห็นว่า “การทดลองของ Garlaschelli
ช่วยยืนยันได้มาก แต่ในระดับของอนุภาค
มันไม่ได้ผล
อนุภาคของสีที่ผสมกับกรดนั้นมองเห็นได้ชัดเจน
และการล้างด้วยน้ำก็ไม่สามารถล้างออกได้ด้วย
แต่ในผ้าห่อพระศพแห่งตูรินนั้นไม่มีร่องรอยของอนุภาคของสีแบบนั้นติดอยู่เลย ในการทดลองเส้นด้ายที่สัมผัสกับกรดจะกลายเป็นสีดำไป
ซึ่งแตกต่างจากผ้าห่อพระศพแห่งตูรินที่เส้นใยจะถูกออกซิไดซ์อย่างสม่ำเสมอ การทดลองของ Professor
Garlaschelli ไม่ตอบสนองต่อการสังเกตุการณ์ของผมที่รายงานไว้ใน the Journal of
Imaging Science and Technology (Vol. 5 No. 2 of 2011) ผมจึงขอยืนยันว่า
แม้แต่เขาก็ไม่สามารถสร้างผ้าในลักษณะเหมือนกับผ้าห่อพระศพแห่งตูรินในทุกมิติได้
และไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยว่า ผ้าห่อพระศพแห่งตูรินเป็นของปลอม”
มีข้อสังเกตจากผู้ที่ศึกษาผ้าห่อพระศพแห่งตูรินว่า
ใบหน้าของชายในผ้านั้นมีความสงบ
ไม่มีลักษณะของการถูกทรมานดังเช่นที่พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้เกี่ยวกับพระมหาทรมานของพระคริสต์ จึงทำให้บางคนสงสัยว่า
ผ้าลินินนั้นไม่ได้ห่อพระศพของพระเยซูเจ้าแต่อาจใช้ห่อศพของคนอื่นที่ถูกประหารชีวิตด้วยการตรึงกางเขน แต่ความคิดนี้ก็ไม่น่าถูกต้องเช่นกัน
เพราะถ้าเป็นคนที่ถูกตรึงกางเขนก็ต้องมีใบหน้าที่แสดงถึงความทุกข์ทรมาน
ในเรื่องนี้สำหรับผู้มีความเชื่อย่อมไม่สงสัยว่าเป็นผ้าห่อพระศพของพระเยซูเจ้าหรือไม่? เพราะเราเชื่อว่าใบหน้าที่สงบเป็นเพราะเวลานั้นพระเยซูเจ้าทรงกลับฟื้นคืนพระชนม์แล้วนั่นเอง
ในปี
1988 มีการศึกษาอายุของผ้าห่อพระศพแห่งตูรินด้วยวิธีการตรวจด้วย Carbon 14
และการศึกษาครั้งนั้นพบว่าผ้าห่อพระศพมีอายุอยู่ในระหว่างปีค.ศ. 1260-1390
แต่การทดลองนี้มีข้อสงสัยมากมายในวิธีการตรวจสอบและความแม่นยำหรือความผิดพลาดทางสถิติ มีความเชื่อว่าผ้าลินินตัวอย่างที่นำไปทดลองนั้นมีการปนเปื้อนจากวัตถุภายนอก
ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่มาจากการที่ผ้าถูกไฟไหม้ในปี 1532 ขณะที่เก็บรักษาไว้ที่ Chambery,
France ทำให้โลหะเงินบางส่วนปะปนไปบนเนื้อผ้า
หรืออาจเกิดขึ้นในเวลาที่ผ้าถูกเก็บรักษาโดยแม่ชีหลังจากถูกไฟไหม้แล้ว จึงจำเป็นต้องมีการทดสอบใหม่
Prof. Fanti กล่าวต่อไปว่า “เราได้พยายามหาอายุของผ้าห่อพระศพแห่งตูรินด้วยวิธีทางเลือกแทนการใช้
carbon 14 เราได้รวบรวมตัวอย่างผ้าลินินสมัยโบราณจากหลายแหล่งและหลายยุคสมัย แม้แต่พิพิทภัณฑ์อิยิปต์ในตูรินก็ยังมอบตัวอย่างผ้าให้แก่เราด้วย เราใช้เครื่องจักรพิเศษดึงเส้นใยจนกระทั่งขาด และเราก็สามารถหาความสัมพันธ์ระหว่างความแข็งแรงของเส้นใยกับอายุของมันได้
จากการทดสอบนี้ทำให้เราได้อายุของผ้าห่อพระศพแห่งตูรินอยู่ที่ประมาณปี 250
ซึ่งอยู่ในศตวรรณที่หนึ่ง
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานจากร่องรอยของเหรียญที่จารึกอยู่บนเนื้อผ้าที่บ่งบอกอายุของผ้าด้วย ร่องรอยนี้แสดงให้เห็นว่ามีการเคารพบูชาผ้าห่อพระศพแห่งตูรินตั้งแต่ในศตวรรษแรกๆแล้ว”
***********************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น