วันศุกร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2561

พระเมตตาและการต่อสู้ฝ่ายจิต


              ชีวิตของคริสตชนเป็นชีวิตแห่งการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง เป็นการต่อสู้กับตัวเอง ต่อสู้กับโลกแลต่อสู้กับอำนาจแห่งความมืด (การล่อลวงของปีศาจ) นักบุญโฟสตินาได้บันทึกในไดอารี่ของเธอ บ่อยครั้งได้พูดถึงการต่อสู้ฝ่ายจิตใจของเธอ ซึ่งช่วยให้กำลังใจแก่เราในการดำเนินชีวิตฝ่ายจิต
 
“พระเยซูของดิฉัน พระหรรษทานของพระองค์ ดิฉันเห็นและรู้สึกถึงความทุกข์ยากของดิฉัน ดิฉันเริ่มต้นวันด้วยการต่อสู้และจบวันด้วยการต่อสู้ ในทันทีที่ดิฉันชนะอุปสรรคอันหนึ่ง อุปสรรคอีกสิบอย่างก็มาแทนที่ แต่ดิฉันไม่วิตกกังวลล เพราะดิฉันรู้ว่าเวลานี้เป็นเวลาแห่งการต่อสู้ดิ้นรน ไม่ใช่เวลาแห่งสันติภาพ เมื่อความหนักของการต่อสู้มีมากจนเกินจะทนรับได้ ดิฉันจะทำตัวเหมือนเด็กเล็กๆที่อยู่ในอ้อมแขนของพระบิดาสวรรค์และดิฉันวางใจว่าดิฉันจะไม่พินาศ โอ พระเยซูของดิฉัน ดิฉันช่างมีใจโอนเองไปทางบาป และสิ่งนี้ทำให้ดิฉันต้องระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา แต่ดิฉันไม่ท้อแท้ ดิฉันวางใจในพระหรรษทานของพระเจ้าที่มีอย่างอุดมบริบูรณ์ในความทุกข์ยากแสนสาหัสนี้”(606)
 
การต่อสู้มีอยู่ทุกที่ ไม่ว่าเราจะนั่ง ยืน เดิน หรือแม้แต่อยู่เบื้องหน้าพระเจ้าในโบสถ์ เว้นแต่เราจะเริ่มต้นสวดภาวนา การต่อสู้มีอยู่ในคนทุกคน ทุกวัย มันไม่มีการเกษียณอายุสำหรับการต่อสู้ฝ่ายจิต ดังที่น.โฟสตินาอธิบายไว้ “ผู้สูงวัยไม่ได้ถูกจำหน่ายออกจากการต่อสู้” (517) และเธอได้อธิบายสำหรับ ผู้เริ่มต้น ผู้บริสุทธิ์และคนบาป
 
“วิญญาณปกป้องตนเองด้วยการสวดภาวนาในสงครามทุกชนิด ไม่ว่าวิญญาณจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม วิญญาณควรจะสวดภาวนา วิญญาณที่บริสุทธิ์และสวยงามต้องสวดภาวนา มิฉะนั้นก็อาจสูญเสียความงามไป วิญญาณที่พยายามแสวงหาความบริสุทธิ์ต้องสวดภาวนา มิฉะนั้นเขาอาจไม่ได้รับความบริสุทธิ์ วิญญาณที่เพิ่งกลับใจต้องสวดภาวนา มิฉะนั้นเขาจะตกต่ำลงอีก วิญญาณที่เต็มไปด้วยบาป จมปลักอยู่ในบาป ต้องสวดภาวนาเพื่อที่เขาจะได้ลุกขึ้นได้อีกครั้ง ไม่มีวิญญาณใดที่ไม่จำเป็นต้องสวดภาวนา เพราะพระหรรษทานแต่ละอย่างจะได้มาก็โดยอาศัยการสวดภาวนา” (517)
 
อย่าได้เหนื่อยล้าในการสงครามฝ่ายจิตนี้แต่จงวางใจว่าเราได้เป็น “ชนชาติที่ถูกเลือกสรรไว้” (1ปต.2:9) และเป็น “สงฆ์ที่สูงส่ง” (1ปต.2:9) จงรับพระโลหิตขององค์กษัตรราธิราชไว้ในกระแสเลือดของเราทุกครั้งที่เราเข้าไปรับศีลมหาสนิทในพิธีมิสซา น.โฟสตินาได้อธิบายถึงต้นกำเนิดและความศักดิ์สิทธิ์ของพันธุกรรมที่วิญญาณของเราถูกสร้างขึ้นมา...เรารู้อยู่แก่ใจดีว่าเราเป็นอะไร
 
“วิญญาณรู้ดีว่า ตนมาจากพงศ์พันธุ์แห่งนักรบ ในตอนนี้วิญญาณยิ่งตระหนักรู้มากยิ่งขึ้นอีก วิญญาณรู้ว่าตนเป็นชนชาติที่สูงส่ง ดังนั้นวิญญาณจึงใส่ใจในทุกสิ่งที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่”(517)
 
พระเจ้าทรงสร้างพงศ์พันธุ์แห่งวิญญาณที่สูงส่งซึ่งรู้วิธีการต่อสู้ ด้วยเหตุนี้ พระเยซูเจ้าทรงกระตุ้น น.โฟสตินาในสงครามฝ่ายจิตโดยเตือนเธอว่าเธอเป็นธิดาของกษัตริย์นักรบที่กำลังต่อสู้ในดินแดนของต่างชาติ และในไม่ช้าเธอจะได้เข้าสู่พระอาณาจักรสวรรค์ของพระองค์
 
“แต่ลูกของเรา ลูกยังไม่ได้อยู่ในแผ่นดินแม่ ดังนั้นจงไป จงเข้มแข็งด้วยพระหรรษทานของเรา และต่อสู้เพื่ออาณาจักรของเราในวิญญาณของมนุษย์ จงต่อสู้เช่นที่บุตรของกษัตริย์ควรกระทำ และจงรู้ไว้เถิดว่าวันเวลาแห่งการเนรเทศของลูกนั้นผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว วันเวลานั้นเป็นโอกาสที่ทำให้ลูกสมควรได้รับรางวัลแห่งสวรรค์ เราคาดหวังในตัวลูก ลูกของเราเอ๋ย วิญญาณจำนวนมากมายมหาศาลจะสรรเสริญพระเมตตาของเราชั่วนิรันดร” (1489)
 
พระเยซูเจ้าทรงฝึกหัด น.โฟสตินาให้เป็นเหมือนผู้สูงศักดิ์และเหมือนอัศวินในยุคกลางผู้ไม่หวาดกลัวสิ่งใด ผู้ที่รู้วิธีที่จะรับมือกับการต่อสู้ในสงครามฝ่ายจิต
 
“เราต้องการให้ลูกกลายเป็นเหมือนอัศวินที่เชี่ยวชาญในการรบ ผู้ซึ่งสามารถสั่งการผู้อื่นได้ในท่ามกลางยุทธภูมิ ลูกของเรา ในทำนาองเดียวกัน ลูกควรรู้วิธีที่จะควบคุมตนเองในท่ามกลางความทุกข์ยากลำบากอันยิ่งใหญ่ และไม่ยอมให้สิ่งใดทำให้ลูกถอยห่างจากเราได้ ไม่แม้แต่เมื่อลูกตกต่ำลง” (1823)
 
น.โฟสตินารู้และเข้าใจดีว่าการต่อสู้ไม่มีวันสิ้นสุดบนโลก และเธอเพ่งมองสวรรค์อยู่เสมอ ราวกับว่าเธอกำลังมองดูดาวนำทางหรือมองดูดวงอาทิตย์ ด้วยความระมัดระวังไม่ยอมละสายตาไปจากแผ่นดินแม่ของเธอ
 
“โอ ช่างน่าชื่นใจหนักหนาในการทำงานเพื่อพระเจ้าและเพื่อวิญญาณ ดิฉันไม่ต้องการพักผ่อนในการสงครามนี้ แต่ดิฉันจะสู้จนสิ้นลมหายใจสุดท้ายเพื่อพระเกียรติของพระมหากษัตริย์และพระเจ้าของดิฉัน ดิฉันจะไม่ยอมวางดาบลงจนกว่าพระองค์จะทรงเรียกดิฉันให้ไปเฝ้าอยู่เบื้องพระบัลลังก์ของพระองค์ ดิฉันไม่เกรงกลัวการโจมตี เพราะพระเจ้าทรงเป็นโล่ป้องกันของดิฉัน ศัตรูของเราต่างหากที่ควรกลัวเรา ไม่ใช่เราที่กลัวมัน ซาตานเอาชนะเฉพาะคนที่เย่อหยิ่งและขี้ขลาด แต่เพราะความถ่อมตนแข็งแรงยิ่งกว่า ไม่มีสิ่งใดทำให้วิญญาณที่ถ่อมตนหวาดกลัวได้ ดิฉันโบยบินตรงไปสู่ดวงอาทิตย์ที่แผดร้อน ไม่มีสิ่งใดหันเหดิฉันได้ ความรักไม่ยินยอมให้ตนเองถูกจับเป็นนักโทษได้ วิญญาณเป็นอิสระเหมือนดังราชินี ความรักจะบรรลุถึงพระเจ้า” (450)
 
ช่างเป็นคำพูดที่งดงามนี่กระไรสำหรับการต่อสู้ แต่ในความเป็นจริงของสงครามนั้น มันเป็นวิถีทางที่เจ็บปวดและนำไปสู่กางเขนซึ่งเต็มไปด้วยเลือด เนื้อและน้ำตากระจายอยู่ทั่วไปในยุทธภูมิ จึงเป็นเหตุให้วิญญาณต้องใช้ความคิดอย่างหนัก ดังเช่นที่ น.โฟสตินาได้อธิบายไว้
 
“วิญญาณที่เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับสงครามที่ยิ่งใหญ่และหนักหนาสาหัส หลังจากการชำระล้างให้สะอาดและน้ำตา พระเจ้าจะทรงสถิตในวิญญาณในลักษณะพิเศษ แต่วิญญาณมักไม่ค่อยร่วมมือเสมอไปกับพระหรรษทานนี้” (121) ...”มีความเหน็ดเหนื่อยทั่วไปเนื่องจากการดำเนินชีวิตแบบใหม่นี้ มีการต่อสู้อย่างหนักและมีประสบการณ์ที่สาหัสฉกรรจ์....” (241)
 
 

Das_Jüngste_Gericht_(Memling)
แต่เราไม่ได้อยู่เพียงลำพัง ในท่ามกลางมังกรร้าย พลพรรคของมันและวิญญาณที่ถูกสาปแช่งในนรก ยังมีบรรดาทูตสวรรค์และบรรดานักบุญที่กำลังต่อสู้อยู่เคียงข้างเรา เราถูกแวดล้อมด้วยบรรดานักรบมากมายที่มองไม่เห็น
 
“จงต่อสู้เสมอด้วยความตระหนักรู้อย่างลึกซึ้งว่าเราอยู่กับลูก อย่าให้ความรู้สึกนำทางลูก เพราะมันไม่อยู่ในการควบคุมของลูกเสมอไป แต่คุณธรรมทุกอย่างขึ้นอยู่กับน้ำใจ...เราจะไม่หลอกลวงลูกด้วยสันติสุขและการปลอบประโลมใจอย่างมากมาย ในทางตรงกันข้าม เราจะจัดเตรียมสงครามที่ยิ่งใหญ่ไว้ จงรู้ไว้เถิดว่าเวลานี้ลูกกำลังอยู่ในเวทีอันยิ่งใหญ่ที่ซึ่งสวรรค์และโลกกำลังเฝ้ามองลูกอยู่ จงต่อสู้เหมือนอัศวิน เพื่อที่เราจะสามารถให้รางวัลลูกได้ จงอย่ากลัวจนเกินไป เพราะลูกไม่ได้อยู่เพียงลำพัง” (1760)
 

สุดท้ายนี้และสำคัญมาก นั่นคือ พระเจ้าเองทรงต่อสู้เพื่อเราด้วยโดยทรงประทานพระหรรษทานพิเศษจากพระเมตตาของพระองค์ลงมาเพื่อช่วยวิญญาณของเราและของผู้อื่น พระหรรษทานนี้หลั่งมาจากดวงพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์จากกางเขนอันรุ่งโรจน์ของพระองค์ซึ่งประทับอยู่ในศีลมหาสนิท...”ลูกของเรา ขอให้ลูกตอบรับเสียงเรียกให้มาหาเรา จงรับเราทุกวันในศีลมหาสนิทซึ่งจะประทานพละกำลังให้แก่ลูก” (1489) พระเยซูเจ้าทรงค้ำชูเราไว้เมื่อเราถูกโจมตีจนล้มลงและพ่ายแพ้ในสนามรบ ดังที่พระองค์ทรงอธิบายแก่ น.โฟสตินาว่า
 
“จงมั่นใจและจงจารึกไว้ในหัวใจของลูกว่า เราอยู่กับลูกเสมอ ถึงแม้ลูกจะไม่รู้สึกถึงการปรากฏอยู่ของเราในเวลาแห่งการสู้รบ” (1498) ....”จงอย่ากลัวไปเลย ลูกน้อยของเรา ลูกไม่ได้อยู่เพียงลำพัง จงต่อสู้อย่างกล้าหาญ เพราะแขนของเราคอยค้ำจุนลูก จงต่อสู้เพื่อความรอดของวิญญาณ จงวางความเหนื่อยล้าของลูกไว้ในพระเมตตาของเรา  สิ่งนี้คืองานของลูกในชีวิตนี้และในชีวิตที่จะตามมา” (1452)
 
*****************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น