ซิสเตอร์เอมมานูเอล
ชาวฝรั่งเศสผู้ทำงานในชุมชน Beatitudes
community ในเฮอร์เซโกวีนา
ท่านได้เขียนหนังสือเล่มใหม่ ชื่อ Scandalous Mercy เล่าเรื่องของทหารเรือสหรัฐผู้เป็นคาทอลิกใจศรัทธาผู้หนึ่งชื่อ
จิม เขามีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะได้พบกับคุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตาสักครั้งหนึ่ง
จิม มีอายุ 32
ปี เขาได้รับอนุญาติให้ลาหยุดพักผ่อนเป็นเวลา 10 วัน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะบินจากซานฟรานซิสโกไปยังกัลกัตตาที่ห่างไกลกันถึง8,000
ไมล์ เมื่อเครื่องบินลงจอดที่กัลกัตตา จิมก็นั่งรถแท็กซี่เข้าไปในตัวเมือง
เขารู้สึกไม่คุ้นเคยกับสภาพอากาศที่ร้อนชื้น เต็มไปด้วยฝุ่น ถนนที่แคบ
ขยะตามข้างทางที่กลาดเกลื่อนไปทั่วเมือง เป็นสภาพที่ทำให้เขาถึงกับตกใจ เมื่อมาถึงอารามบ้านของซิสเตอร์คณะธรรมทูตแห่งเมตตาธรรม
(Missionaries of Charity) ซึ่งคุณแม่เทเรซาเป็นผู้ก่อตั้ง
ซิสเตอร์ชาวอินเดียร่างเล็กผู้หนึ่งได้ออกมาต้อนรับ
จิมบอกกับซิสเตอร์ว่าเขามาที่นี่เพราะต้องการพบกับคุณแม่เทเรซา ซิสเตอร์ตอบเขาว่า “เสียใจด้วยค่ะ
คุณแม่เทเรซาไม่อยู่ ท่านเดินทางไปที่กรุงโรม”
กรุงโรม!
จิม
รู้สึกผิดหวัง ความฝันที่จะได้พบกับคุณแม่เทเรซาช่างอยู่ห่างไกลเหลือเกิน
อย่างไรก็ตาม จิมตัดสินใจว่าจะอยู่คอยพบกับคุณแม่เทเรซาให้จงได้
เขายอมรับสภาพและหวังในพระญาณเอื้ออาทรของพระเจ้า (พระเยซูเจ้าข้า
ลูกวางใจในพระองค์) จิมถามซิสเตอร์ว่าเขาจะสามารถทำงานช่วยเหลืออะไรได้บ้างในระหว่างที่รอ?
“ได้แน่นอนค่ะ” ซิสเตอร์พูด “มีสามวิธีที่คุณจะสามารถช่วยได้
: ทำความสะอาดบ้าน
เข้าครัวทำอาหาร หรือ
ดูแลคนใกล้ตาย”
ตามที่ซิสเตอร์เอมมานูเอลเขียนไว้ในหนังสือ
จิมทำอาหารไม่ได้ และเขาก็ไม่ถนัดในการดูแลคนใกล้ตาย
ดังนั้นเขาจึงขอทำงานทำความสะอาดบ้าน
และเขาได้ห้องเล็กๆห้องหนึ่งเพื่อเป็นที่หลับนอน
ห้องอยู่ใกล้กับถนนที่มีเสียงดังอึกทึก “ช่างแตกต่างจากบ้านของเขาที่สะอาดสะอ้านเป็นอย่างยิ่ง”
ซิสเตอร์เอมมานูเอลเขียน
ในที่สุดเมื่อถึงวันสุดท้ายของวันหยุดพักผ่อนที่เขาได้รับอนุญาตให้ลาได้
ซิสเตอร์ผู้หนึ่งที่นั่นขอให้เขาเฝ้าประตูบ้านเพื่อตอบคำถามของผู้ที่จะมาเยือน
จิมยอมรับทำหน้าที่นั้นแทนซิสเตอร์ถึงแม้ว่าเขามีแผนที่จะไปเที่ยวสำรวจในเมืองในวันนั้นก็ตาม
และในเวลาเช้าวันนั้นเอง เมื่อมีเสียงกริ่งประตูดังขึ้น จิมเปิดประตูต้อนรับ และผู้ที่ยืนอยู่หน้าประตูนั้นคือ คุณแม่เทเรซา
นั่นเอง!
เขาฝันไปหรือ?
ทันใดนั้น
จิมคิดว่าเขาได้ฝันไปหรือเปล่า คุณแม่เทเรซายืนอยู่ที่หน้าประตูแล้ว
บุคคลที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกรองจากพระสันตะปาปา ท่านยืนอยู่ที่นั่นแล้ว
รูปร่างเล็ก ตัวสูงเพียงครึ่งเดียวของเขา ท่านพูดอะไรบางอย่างสองสามคำ
แววตาของท่านแสดงให้เห็นถึงความเมตตากรุณา
คุณแม่เทเรซากล่าวด้วยคำพูดง่ายๆว่า
“มากับฉันซิ เรามีงานที่ต้องทำ” แล้วท่านก็นำทางเขาไปอย่างเงียบ
ผ่านสลัมไปจนถึงสะพานแห่งหนึ่งซึ่งบรรยากาศคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหม็นจนสุดจะทน
จิมแทบจะอาเจียน แต่คุณแม่เทเรซายังคงสงบและดูไม่สนใจนัก
ที่ใต้สะพานนี้
ที่พื้นดินมีชายชราผู้หนึ่งนอนอยู่ “เขานอนทับอยู่บนของเสียและสิ่งที่เขาอาเจียนออกมา
ของเสียเหล่านี้กองอยู่และเพิ่มขึ้นบนที่นอนของเขา เป็นอยู่เช่นนี้มานานหลายเดือนแล้วหรืออาจจะเป็นปี”
กลิ่นเหม็นรุนแรงมากจนจิมต้องเบือนหน้าหนี ชายชรามีบาดแผลและมันดึงดูดแมลงวันเข้ามาบินตอม
“อุ้มเขาซิ" คุณแม่เทเรซาบอกจิม
“อุ้มเขาหรือ?”
"สัมผัสเขาหรือ?”
จิมดึงแขนเสื้อมาปิดทับแขนของเขาเพื่อที่มันจะไม่สัมผัสโดยตรง
เขาอุ้มชายชราขึ้นและเดินมุ่งหน้าตรงไปที่อารามพร้อมกับคุณแม่เทเรซา
และเมื่อถึงแล้วคุณแม่เทเรซาก็สอนเขาให้อาบน้ำให้ชายชราผู้นั้น
นี่คงเป็นสิ่งสุดท้ายในโลกที่จิมต้องการทำ
แต่จิมไม่ต้องการทำให้คุณแม่เทเรซาผิดหวังในตัวเขา และไม่ต้องการให้ชายชราจดจำว่าชายชาวอเมริกันคนนี้จากเขาไปเพราะรังเกียจในตัวของเขา
ดังนั้นจิมจึงเริ่มอาบน้ำทำความสะอาดให้ชายชราในอ่างน้ำ
เขายกตัวชายชราไร้บ้านให้สูงขึ้นอย่างเบาๆ (เขามักจะลื่นไหลลงไปที่ก้นอ่างเสมอ)
น้ำค่อยๆชะล้างไปตามร่างกาย เปิดเผยให้เห็นแผลสดๆ จิมโอบชายชราไว้ในอ้อมแขน
เพื่อทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้อยู่ตามลำพังในวาระสุดท้ายของชีวิต
จิมทำให้ชายชรารู้สึกผ่อนคลายลง
เวลานี้พระเยซูเจ้าทรงอยู่ในอ้อมแขนของจิม
จิมกระพริบตาถี่ๆแต่เขาก็ยังคงเห็นเช่นนั้น จิมมองเห็นหรือคิดไปเองว่ามองเห็น “เขากำลังโอบกอดพระเจ้าไว้ในอ้อมแขนของเขา”
ซิสเตอร์เอมมานูเอลเขียน
"มันไม่ใช่ภาพนิมิต แต่เป็นพระเยซูเจ้าเอง
พระองค์มีรอยแผลเป็นรูที่มือและเท้าของพระองค์ ที่สีข้างของพระองค์มีรอยแผลถูกแทง
พระพักตร์บวมเป่งจากการถูกทำร้าย”
และดูเหมือนว่าคุณแม่เทเรซาก็ได้เห็นเช่นเดียวกัน
“คุณได้เห็นพระองค์” คุณแม่พูดกับจิมด้วยรอยยิ้ม “ใช่ไหม?”
รายละเอียดเรื่องนี้มีอยู่ในหนังสือ
แต่ยังมีต่อไปอีก เมื่อจิมมองไปอีกครั้ง
ชายที่อยู่ในอ้อมแขนของเขากลับเป็นชายชราไร้บ้านที่กำลังเสียชีวิต
และคุณแม่เทเรซาก็ไม่อยู่แล้ว
จิมต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อจะให้สติกลับคืนมาจากความตกใจ เขารีบไปที่ห้องของเขา ร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งตัว
และเมื่อเขามีสติดีขึ้น เขาก็ออกตามหาคุณแม่เทเรซาเพื่อสอบถามว่าได้เกิดอะไรขึ้น
“เสียใจด้วยค่ะ บราเดอร์” ซิสเตอร์ที่เดินผ่านมาพูด “แต่คุณแม่เทเรซาไม่ได้อยู่ที่นี่
ท่านยังอยู่ที่กรุงโรมอีกหลายวัน”
อย่างไรก็ตาม
จิมพูดยืนยันว่าเขาได้เห็นคุณแม่เทเรซา เขาได้พบกับท่าน
ได้เดินไปตามตรอกซอกซอยที่สกปรกพร้อมกับท่าน ไปที่สะพานนั้น
ซิสเตอร์ผู้นั้นได้แต่ยิ้มและพูดว่า
“ค่ะ ใช่ค่ะ ฉันเข้าใจ คุณแม่เคยทำเช่นนี้ในบางครั้ง”
ในหนังสือเขียนไว้ว่า
“จนถึงวันนี้ มีทหารเรือสหรัฐคนหนึ่งที่ความฝันของเขาได้เป็นจริง”
“และชีวิตของเขาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ที่ใต้สะพานเล็กๆในกัลกัตตา ในใจกลางของการถูกทอดทิ้งที่มืดดำที่สุดของมนุษยชาติ
เขาได้สัมผัสพระพักตร์ของพระเจ้า”
*******************
ขอบคุณนะครับ ที่แบ่งปันเรื่องราวดีๆ มากมาย ... ผมเชื่อว่าคุณเป็นเครื่องมือของพระเจ้า ในการชักชวนให้ผู้คนมากมายได้กลับใจ และศรัทธาต่อพระมากขึ้น ... เป็นกำลังใจ และจะสวดภาวนาให้นะครับ
ตอบลบ