วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

นรกมีจริงและผมอยู่ที่นั่น


“ถ้ามนุษย์จะปฏิบัติตามวาจาของเรา เขาจะไม่ตายแต่จะมีชีวิตตลอดไปชั่วนิรันดร”

พี่น้องที่รัก ในวันนี้ผมจะเล่าเรื่องหนึ่งให้ฟัง เป็นเรื่องในศตวรรษที่ 19 ผู้เล่าคือพระสังฆราชฝรั่งเศส Louie Gaston de sequir  พระสังฆราชเกิดในปี 1820  และเสียชีวิตในปี 1881 ท่านทำงานเพื่อรักษาความเชื่อให้มั่นคงในคริสตชนคาทอลิก ท่านเป็นนักเทศน์และเป็นนักเขียน ท่านเขียนหนังสือเล่มเล็กๆไว้มากมายเพื่อต่อสู้กับคำสอนของกลุ่มแอนตี้คาทอลิกที่กำลังแพร่ระบาดในสมัยนั้น  และหนังสือเล่มหนึ่งของท่านมีชื่อว่า Hell (นรก) และท่านได้เล่าเรื่องจริงเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับปู่ของท่านซึ่งเป็นขุนนางรัสเซียชื่อ Rostov Chien ต่อไปนี้เป็นคำบอกเล่าจากพระสังฆราชเอง

*************

ที่กรุงมอสโกก่อนการรณรงค์ครั้งใหญ่ปี 1812  ปู่ของผม Rostov Chien ซึ่งเป็นผู้ว่าการทางทหารของมอสโกภายใต้พระเจ้าซาร์ ปอลที่ 1 ท่านเป็นมิตรสนิทของท่านเคาน์ Orlov ซึ่งเป็นชายชาติทหารที่มีชื่อเสียงเรื่องความกล้าหาญแต่เขาเป็นผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้า 

วันหนึ่ง เคาน์ Orlov กับเพื่อนอีกคนหนึ่งซึ่งมียศนายพล (เราจะเรียกเขาว่านายพล Vladimir) ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้าเช่นเดียวกัน  หลังจากการรับประทานอาหารค่ำด้วยกัน  ทั้งสองได้พูดดูหมิ่นเยาะเย้ยศาสนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องคำสอนเกี่ยวกับนรก เคาน์ Orlov พูดว่า มีบางอย่างอยู่อีกด้านหนึ่งของผ้าม่านจริงหรือ? ซึ่งหมายความว่า นรกมีอยู่จริงหรือ? ท่าน Valdimir ตอบว่า ถ้าหากพวกเราคนใดคนหนึ่งตายไปก่อน  คนนั้นจะต้องกลับมาบอกกับคนที่ยังไม่ตายให้รู้ความจริงเรื่องนี้  เคาน์ Orlov ตอบว่า นี่เป็นความคิดที่ดีมาก และทั้งสองก็ทำสัญญาตกลงกัน

พระสังฆราชเขียนในหนังสือว่า ชายทั้งสองได้ให้สัญญาเกียรติยศต่อกันว่าจะไม่ผิดคำสัญญาที่ให้ไว้ต่อกัน

อีกหลายสัปดาห์ต่อมา มีข่าวว่าจักรพรรดินโปเลียน โบนาปาร์ต แห่งฝรั่งเศสได้กรีฑาทัพมาโจมตีรัสเซีย  กองทัพรัสเซียถูกส่งไปต้านทัพของฝรั่งเศส และนายพล Valdimir ได้รับคำสั่งให้เป็นผู้นำทหารราบและทหารม้ายกทัพไปอย่างเร่งด่วน

พระสังฆราชเล่าต่อไปว่า ในตอนเช้าของวันหนึ่งเมื่อปู่ของผมกำลังแต่งตัวอยู่ ประตูห้องเปิดออกและ เคาน์ Orlov มายืนอยู่หน้าประตู ท่านยังคงสวมเสื้อนอนและใส่รองเท้าแตะ ผมลุกตั้งชัน ดวงตาแสดงออกถึงความตกใจและหวาดกลัว ใบหน้าซีดเผือด

ปู่ของผมร้องถามว่า Orlov คุณมาอยู่ที่นี่ในสภาพเช่นนี้ด้วยสาเหตุใด

เคาน์ Orlov ตอบว่า “ผมเชื่อว่าผมกำลังจะเป็นบ้า ผมเพิ่งเห็นนายพล Valdimir

ปู่ของผมพูดว่า นายพล Valdimir กลับมาแล้วหรือ?

เคาน์ Orlovตอบว่า “เปล่า” แล้วก็นั่งลงที่โซฟา เอามือกุมศีรษะ “เขายังไม่กลับมาหรอก และนั่นทำให้ผมตกใจกลัว”

ปู่ของผมยังไม่เข้าใจสิ่งที่ เคาน์ Orlovพูด ท่านกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นขอให้ท่านบอกผมหน่อยเถิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ”

เคาน์ Orlov สะอื้นไห้และเล่าเรื่องของเขาให้ปู่ของผมฟัง

“เมื่อไม่นานมานี้ นายพล Valdimir และผมได้สาบานกันว่า ถ้าคนใดคนหนึ่งในเราทั้งสองเสียชีวิตไป เขาจะต้องกลับมาบอกให้อีกคนรู้ว่ามีอะไรที่อยู่หลังผ้าม่านอีกด้านหนึ่ง  และตอนเช้าวันนี้สักครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ขณะที่ผมกำลังนอนอยู่บนเตียง  ผมก็ถูกปลุกให้ตื่นเพราะผ้าม่านสองผืนที่อยู่รอบเตียงของผมได้แยกออกจากกัน และผมได้เห็นนายพล Vladimir ยืนอยู่ตรงนั้น ตัวซีดเหมือนผี มือขวาทาบอยู่บนหน้าอกและพูดกับผมด้วยเสียงดังว่า นรกมีจริงและผมอยู่ที่นั่น

พระสังฆราชเขียนว่า ปู่ของผมปลอบ เคาน์ Orlovให้สงบใจลงเท่าที่จะทำได้  ท่านพูดถึงภาพหลอนและฝันร้าย และ เคาน์ Orlovอาจจะมีประสบการณ์แบบนั้น

ปู่ของผมพาเคาน์ Orlov กลับไปที่โรงแรมที่เขาพักอยู่  แต่หลังจากนั้น สิบหรือสิบสองวัน  ทหารสื่อสารของกองทัพได้นำข่าวเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายพล Vladimir มาให้ท่านทราบ และวันที่นายพล Vladimir เสียชีวิตนั้นตรงกับวันเวลาของเช้าวันที่เคาน์ Orlov บอกท่านว่าได้เห็นและได้ยินนายพล Vladimir ปรากฏแก่เขาในกรุงมอสโก นายพลถูกยิงที่หน้าอกและล้มลงเสียชีวิตทันที

ตามคำพูดของเคาน์ Orlov นายพล Vladimir ได้กลับมาตามที่ให้สัญญาไว้และได้ประกาศว่า นรกมีจริงและผมอยู่ที่นั่น

**************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น