วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2561

บุญราศีแองเจลาแห่งโฟลิกโน

พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงเทศน์สอนในวันนี้ (13 ต.ค. 2010) เกี่ยวกับบุญราศี แองเจลาแห่งโฟลิกโน ท่านเป็นบุญราศีในยุคกลางและได้รับพระพรพิเศษ  แองเจลาได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญในปี 2013
 
* * * * * * * * *
พี่น้องชายหญิงที่รัก
 
วันนี้ข้าพเจ้าจะพูดเกี่ยวกับบุญราศีแองเจลาแห่งโฟลิกโน ผู้ได้รับพระพรพิเศษยิ่งใหญ่ในศตวรรษที่ 13 หลายคนรู้สึกชื่นชอบในประสบการณ์การชิดสนิทกับพระเป็นเจ้า แต่บางทีเขาไม่ค่อยให้ความสนใจในชีวิตระยะแรกของเธอ นั่นคือการกลับใจของเธอและระยะเวลาอันยาวนานตั้งแต่เริ่มต้นที่เธอมีความ "กลัวนรก" เป็นอย่างมาก และในที่สุดเธอได้บรรลุจุดหมายของการเป็นหนึ่งเดียวกับพระตรีเอกภาพ
 
ชีวิตระยะเริ่มต้นของแองเจลาไม่ได้มีอะไรพิเศษที่ทำให้เห็นว่าเธอจะได้มาเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้า เธอเกิดประมาณปี 1248 ในครอบครัวที่มีฐานะดี ต่อมาเธอสูญเสียบิดาและได้รับการเลี้ยงดูจากมารดาซึ่งเป็นผู้ให้การศึกษาแก่เธออย่างดี ในไม่ช้าเธอก็ได้เข้ามาอยู่ในสิ่งแวดล้อมทางโลกในเมืองโฟลิกโน เธอพบกับชายคนหนึ่งและได้แต่งงานเมื่ออายุได้ 20 ปี ทั้งสองมีลูกด้วยกัน ชีวิตเต็มไปด้วยความสุขและได้รับการตามใจจนทำให้เธอไม่มีความคิดในเรื่อง "การสำนึกผิดในบาป" ซึ่งเป็นความคิดที่แพร่หลายในสมัยนั้น นั่นคือผู้ที่ติดตามพระคริสตเจ้า จำเป็นต้องขายทุกสิ่งที่ตนมี ใช้ชีวิตในการสวดภาวนา ทำพลีกรรม รับใช้พระศาสนจักรและมีใจเมตตากรุณา
 
มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น อาทิเช่น แผ่นดินไหวในปี 1279 พายุเฮอริเคน สงครามยาวนานของการต่อสู้กับเปรูเจีย ความรุนแรงจากเหตุการณ์เหล่านี้มีผลต่อชีวิตของแองเจลา ทำให้เธอรู้สึกสำนึกในบาปของเธออย่างจริงจัง และทำให้เธอตัดสินใจบางอย่าง เธอได้สวดวอนขอต่อนักบุญฟรังซิสขอให้ท่านแนะนำการสารภาพบาปอย่างดีแก่เธอ และนักบุญก็ได้ปรากฏแก่เธอในนิมิต ในปี 1285 แองเจลาได้ไปสารภาพบาปต่อนักพรตผู้หนึ่งในซาน เฟลิเซียโน และสามปีต่อมาหลังจากการกลับใจของเธอ ก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เธอเป็นอิสระจากครอบครัว มารดาของเธอได้เสียชีวิตลง ตามมาด้วยสามีและลูกทุกคนของเธอ ในไม่ช้าเธอก็ขายเข้าของทุกสิ่งและในปี 1291 เธอได้เข้าเป็นสมาชิกอันดับสามในคณะของนักบุญฟรังซิส เธอเสียชีวิตที่โฟลิกโนในวันที่ 4 ม.ค. 1309
 
"Il Libro della beata Angela da Foligno" (หนังสือเกี่ยวกับบุญราศีแองเจลา แห่ง โฟลิกโน) ให้ข้อมูลอย่างดีเกี่ยวกับชีวิตของเธอ ในเรื่องของการกลับใจ ซึ่งเล่าให้รู้ถึงวิธีที่จำเป็นในการกลับใจอันได้แก่ การสำนึกผิด การถ่อมตน และการยอมรับความยากลำบาก เช่น การดำเนินชีวิตในหนทางที่แคบ และเล่าถึงความสำเร็จของแองเจลา เป็นต้น เรื่องเริ่มต้นในปี 1285 แองเจลาได้ปรึกษาขอคำแนะนำกับท่านนักพรตที่เธอไปสารภาพบาป ท่านได้ให้คำแนะนำแก่เธอและพยายามให้เธอปฏิบัติตามอย่างมีระบบแบบแผนซึ่งท่านเรียกมันว่า "ขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงชีวิต" แต่ท่านก็ไม่ได้บังคับว่าต้องทำตามอย่างเข้มงวด (cf. "Il Libro della beata Angela da Foligno," Cinisello Balsamo, 1990, p. 51).
 
เป็นเพราะประสบการณ์ของการชิดสนิทกับพระเป็นเจ้าของแองเจลานั้นเป็นเรื่องของจิตใจและสัมผัสะ และความเข้าใจของเธอในระหว่างที่เธออยู่ในญาณนิมิตนั้นเป็นเหมือนเงามืดที่อยู่ในจิตใจของเธอ เธอสารภาพหลังจากการถูกครอบครองอย่างพิเศษว่า "ดิฉันได้ยินคำพูดเหล่านี้จริงๆ แต่สิ่งที่ดิฉันได้เห็นและมีความเข้าใจ และสิ่งที่พระองค์ทรงแสดงให้ดิฉันรู้นั้น ดิฉันไม่สามารถอธิบายได้เลย ทั้งๆที่ดิฉันปรารถนาอย่างเต็มเปี่ยมที่จะเปิดเผยสิ่งที่ดิฉันเข้าใจด้วยคำพูดที่ดิฉันได้ยิน แต่ก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับดิฉัน"
 
แองเจลาเล่าถึง "ประสบการณ์พิเศษ" ของเธอโดยไม่มีการต่อเติมเสริมแต่ง เพราะสิ่งนี้เป็นเหมือนแสงสว่างอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งได้สื่อสารในวิญญาณของเธอในวิธีการที่เกิดขึ้นทันทีทันใดโดยไม่คาดคิด นับพรตผู้ฟังสารภาพบาปของเธอมีความยากลำบากในการรายงานเหตุการณ์นี้ "อาจเป็นเพราะพระพรพิเศษนั้นเป็นสิ่งที่สูงส่งเกินความเข้าใจของมนุษย์" (ibid., p. 194). จนทำให้แองเจลาไม่อาจอธิบายประสบการณ์พิเศษที่เธอได้รับนั้นและทำให้ผู้ที่รับฟังไม่เข้าใจในตัวเธอ สถานการณ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงวิธีที่พระเยซูเจ้า พระอาจารย์ที่แท้จริงของเราทรงประทับอยู่ในหัวใจของผู้มีความเชื่อทุกคนและทรงปรารถนาที่จะครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างของเขา
 
แองเจลาได้เขียนจดหมายถึงบุตรชายฝ่ายวิญญาณคนหนึ่งของเธอว่า "ลูกรัก ถ้าลูกมองดูหัวใจของแม่แล้ว ลูกจะยอมทำตามพระประสงค์ทุกประการของพระเป็นเจ้า เพราะหัวใจของแม่เป็นของพระเป็นเจ้า และหัวใจของพระเป็นเจ้าก็เป็นของแม่ด้วย" นักบุญเปาโลกล่าวว่า "ไม่ใช่ข้าพเจ้าที่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่เป็นพระคริสตเจ้าที่มีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า" (Galatians 2:20).
 
เราจะมาพิจารณาถึงขั้นตอนการกลับใจของบุญราศีผู้มั่งคั่งด้วยชีวิตฝ่ายจิตผู้นี้ ขั้นตอนแรกคือการ "มีความรู้ถึงบาป" ดังที่เธอได้ระบุไว้ "ตามมาด้วยความกลัวของวิญญาณที่จะถูกสาปแช่ง ในขั้นตอนนี้ทำให้เธอต้องร้องไห้อย่างขมขื่น" ("Il Libro della beata Angela da Foligno," p. 39) "ความกลัว ต่อนรก" นี้เป็นสิ่งสนองตอบต่อความเชื่อซึ่งทำให้แองเจลามาสู่ขั้นของการ "กลับใจ" แต่ความเชื่อนี้ยังอ่อนแอในเรื่องของความรัก อาทิเช่น ความรักของพระเป็นเจ้า การสำนึกผิดในบาป ความกลัวนรก และการใช้โทษบาป ทำให้แองเจลาได้ไตร่ตรองถึงความทุกข์ทรมานของ "หนทางแห่งไม้กางเขน" ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ 8 จาก 15 ขั้นตอน และต่อมาได้นำแองเจลาไปสู่ "หนทางแห่งความรัก" ท่านนักพรตได้บันทึกไว้ว่า "บุคคลผู้นี้กล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า : ดิฉันได้รับการไขแสดงอันศักดิ์สิทธิ์จากพระเยซูเจ้าว่า ; หลังจากที่ท่านเขียนทุกสิ่งแล้ว ขอให้ท่านเขียนลงไปด้วยว่า ใครก็ตามที่ปรารถนาจะรักษาพระหรรษทานไว้ เขาต้องไม่ละสายตาแห่งวิญญาณไปจากไม้กางเขน ไม่ว่าเขาจะมีความสุขหรือความทุกข์ ซึ่งเราเองได้อนุญาตให้เกิดขึ้นกับเขา" (Ibid., p. 143). อย่างไรก็ตาม ในการไขแสดงนี้ แองเจลา "ไม่ได้รู้สึกถึงความรัก" เธอยืนยันว่า "วิญญาณรู้สึกอับอายและขมขื่นจนไม่รู้สึกถึงความรักของพระองค์ แต่รับรู้เพียงความเศร้าโศกของตนเอง" (Ibid., p. 39), และสิ่งนี้ไม่เป็นที่น่าพอใจนักสำหรับวิญญาณ
 
แองเจลารู้สึกว่าเธอต้องถวายบางสิ่งบางอย่างแด่พระเป็นเจ้าเพื่อเป็นการชดเชยบาปของเธอ แต่เธอช่างเข้าใจได้ช้าเสียจริงว่าเธอไม่มีอะไรเลยที่จะถวายแด่พระองค์ อันที่จริง "การไม่มีอะไรเลย"ของเธอนั้น ได้ทำให้เธอเข้าใจว่า ไม่ใช่เธอที่จะมอบความรักแด่พระเป็นเจ้า เพราะนั่นจะเป็นการให้ "ความไม่มีอะไรเลย", "สิ่งที่ไม่ใช่ความรัก" เพราะเธอบอกต่อมาว่า "ความรักที่บริสุทธิ์และแท้จริงมาจากพระเป็นเจ้าเท่านั้น ซึ่งพระองค์ประทานให้แก่วิญญาณและทำให้ผู้นั้นตระหนักถึงมลทินความบกพร่องของตนเอง และตระหนักถึงพระทัยดีของพระองค์ (...) ความรักของพระองค์นี้โอบอุ้มวิญญาณไว้ในพระคริสตเจ้าและทำให้วิญญาณรู้แน่ชัดว่าไม่สามารถหลอกลวงพระองค์ได้ "
 
เมื่ออยู่ในความรักนี้วิญญาณไม่สามารถนำสิ่งที่เป็นของโลกเข้ามาเจือปนได้" (Ibid., p. 124-125). แต่วิญญาณจำต้องเปิดใจอย่างสิ้นเชิงต่อความรักของพระเป็นเจ้า และทำให้วิญญาณอุทานต่อพระคริสตเจ้าว่า "โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า" วิญญาณสวดภาวนาว่า "โปรดทำให้ข้าพเจ้ามีค่าเพียงพอที่จะรู้ถึงความลึกลับแห่งการเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์เพื่อข้าพเจ้าทั้งหลายด้วยเถิด (...) โอ ความรักที่ไม่อาจเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ ด้วยความรักนี้เองที่ทำให้พระเป็นเจ้าของข้าพเจ้ายอมกลายมาเป็นมนุษย์เพื่อทำให้ข้าพเจ้ากลับกลายเป็นพระเป็นเจ้า ไม่มีอะไรอีกแล้วที่จะยิ่งใหญ่เท่าความรัก" (Ibid., p. 295). อย่างไรก็ตาม หัวใจของแองเจลามีรอยบาดแผลของบาปอยู่เสมอ แม้ว่าจะได้สารภาพบาปอย่างดีแล้วก็ตาม เธอรู้สึกว่าได้รับการอภัยบาปแล้ว แต่ก็ยังคงรู้สึกอ่อนแอเพราะบาปอยู่ สถานะในอดีตต้องถูกกำจัดออกไปด้วยการทำพลีกรรมใช้โทษบาป และแม้ว่าความคิดเกี่ยวกับนรกจะมารบกวนเธอ เพราะเมื่อวิญญาณมีความก้าวหน้าในหนทางของความสมบูรณ์ของพระคริสตเจ้า เขายิ่งแน่ใจตนเองว่า "ตนเองไม่มีค่าอะไรเลย" แต่เหมาะสมสำหรับนรกเท่านั้น
 
หนทางแห่งพระพรพิเศษของแองเจลา ทำให้เธอเข้าใจแจ่มชัดในความจริงว่า ความรู้สึกของเธอคือ "ความไร้ค่า" และ "เหมาะสมสำหรับนรก" นั้น ไม่ใช่เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอ "เป็นหนึ่งเดียวกับพระเป็นเจ้า" และทำให้เธอรู้ถึง "ความจริง" แต่เป็นพระเยซูเจ้าผู้ทรงถูกตรึงกางเขนต่างหาก เธอกล่าวว่า "การถูกตรึงกางเขนนั้นก็เพื่อดิฉัน"
 
ในขั้นตอนที่ 8 เกี่ยวกับความรักของพระเยซูเจ้า เธอกล่าวว่า "อย่างไรก็ดี ดิฉันยังไม่มีความเข้าใจชัดเจน ในการที่ดิฉันถูกช่วยให้พ้นจากบาปและนรก และการกลับใจใช้โทษบาปเป็นความดีที่ยิ่งใหญ่ หรือการถูกตรึงกางเขนของพระองค์นั้นเพื่อดิฉัน " (Ibid., p. 41). ความไม่สมดุลระหว่างความรักและความทุกข์ทรมานของพระเยซูเจ้าที่ทรงยอมรับเพื่อเธอ เป็นสิ่งที่ยุ่งยากสำหรับเธอในการเดินทางไปสู่ความดีสมบูรณ์ แต่หลังจากที่เธอครุ่นคิดไตร่ตรองในเรื่องการตรึงกางเขนของพระคริสตเจ้า และนิมิตที่เธอได้เห็นทำให้เธอตระหนักว่า บนกางเขนนั้นคือ "มนุษย์ - พระเจ้า" ในความทุกข์ทรมานอย่างยิ่งยวดนั้น ก็คือกิจการแห่งความรักอันยิ่งยวดนั่นเอง
 
ในคำแนะนำที่สามของบุญราศี เธอยืนยันในเรื่องการไตร่ตรองนี้ "เราได้เห็นความบริสุทธิ์และความสมบูรณ์มากเพียงใด เรายิ่งมีความรักที่บริสุทธิ์และสมบูรณ์มากเพียงนั้น (...) นั่นเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไม ยิ่งเรามองดูพระเป็นเจ้าและพระเยซูคริสตเจ้าในสภาพมนุษย์ ยิ่งทำให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเราในพระองค์โดยอาศัยความรัก (...) สิ่งที่ดิฉันพูดเกี่ยวกับความรัก (...) ดิฉันพูดเกี่ยวกับความทุกข์ทรมานด้วย วิญญาณไตร่ตรองเกี่ยวกับความทุกข์ทรมานของพระเป็นเจ้าและพระเยซูคริสตเจ้าในสภาพมนุษย์มากเท่าไร วิญญาณยิ่งโศกเศร้าและเปลี่ยนแปลงไปในความทุกข์ทรมานนั้น" (Ibid., p. 190-191). ให้เราจมปลักอยู่ในความรัก เปลี่ยนแปลงในความรักและในความทุกข์ทรมานของพระคริสตเจ้าที่ถูกตรึงกางเขน เพื่อที่เราจะได้ถูกประทับตราไว้โดยพระองค์ การกลับใจของแองเจลาเริ่มต้นด้วยการสารภาพบาปในปี 1285 และได้ทำให้เธอเติบโตขึ้นเมื่อเธอได้รับรู้ถึงการให้อภัยของพระเป็นเจ้าในวิญญาณ อันเป็นเสมือนของขวัญจากพระบิดา ผู้เป็นต้นตอของความรัก
 
เธอยืนยันว่า "ไม่มีใครที่สามารถแก้ตัวได้ เพราะแต่ละคนสามารถรักพระเป็นเจ้าได้ และพระองค์ไม่ทรงขอสิ่งใดจากวิญญาณนอกจากความดีของเขา เพราะพระองค์ทรงรักเขาและเขาเป็นผู้ที่พระองค์ทรงรัก" (ibid., p. 76).
 
ในการเดินทางฝ่ายจิตของแองเจลา เธอได้เล่าถึงการกลับใจและได้อธิบายสิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้ ซึ่งเกิดขึ้นโดยผ่านทางไม้กางเขน และ "ความทุกข์ทรมานของ "มนุษย์ - พระเจ้า" ผู้เป็น "อาจารย์แห่งความครบครัน" ของเธอ ดังนั้นประสบการณ์ของเธอก็คือการ "เป็นเหมือน" พระองค์ เธอถูกชำระล้างและถูกเปลี่ยนแปลงด้วยความเจ็บปวด ทำให้เธอมอบตัวเองทั้งครบ ทั้งวิญญาณและร่างกาย โดยไม่เหลืออะไรไว้เลยให้แก่พระเป็นเจ้า ด้วยการทำพลีกรรมและรับความยากลำบากตั้งแต่เริ่มแรกจนวาระสุดท้าย โดยปรารถนาที่จะตายด้วยความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานเช่นเดียวกับ "มนุษย์-พระเจ้า"ที่ถูกตรึงกางเขน เพื่อที่จะได้ถูกเปลี่ยนแปลงอย่างหมดสิ้นในพระองค์ เธอให้คำแนะนำว่า
"โอ บุตรทั้งหลายของพระเป็นเจ้า จงเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างหมดสิ้นในความทุกข์ทรมานของ “มนุษย์-พระเจ้า”เถิด พระผู้ทรงรักท่านมากยิ่งนักจึงได้เสด็จลงมาเป็นมนุษย์และตายเพื่อพวกท่านซึ่งเป็นคนบาปน่าละอาย และทรงยอมรับความตายที่แสนเจ็บปวดยิ่งกว่าความเจ็บปวดและความขมขื่นทั้งหลายรวมกัน สิ่งนี้ก็เพราะความรักต่อพวกท่านทั้งหลาย โอ มนุษย์เอ๋ย " (ibid., p. 247).
 
หนทางนี้ยังหมายถึงการดำเนินชีวิตตามแบบอย่างชีวิตของพระเยซูเจ้า ได้แก่ ความยากจน การถูกดูหมิ่น ความทุกข์ทรมาน เพราะว่า ตามที่เธอกล่าวยืนยัน "อาศัยความยากจนชั่วคราว วิญญาณจะพบความร่ำรวยนิรันดร อาศัยการถูกดูหมิ่นและความอับอาย วิญญาณจะได้รับเกียรติและสง่าราศีอันยิ่งใหญ่ อาศํยการพลีกรรมเล็กน้อยซึ่งทำด้วยความเจ็บปวดและความเศร้าโศก วิญญาณจะได้ครอบครองความอ่อนหวานและการปลอบประโลมใจอันไม่มีสิ้นสุดจากพระเป็นเจ้าสูงสุด พระเป็นเจ้านิรันดร" (Ibid., p. 184).
 
เริ่มตั้งแต่การกลับใจไปจนถึงการเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้าผู้ถูกตรึงกางเขน นำพาบุญราศีแองเจลาไปสู่วิธีการที่สูงส่งและไม่อาจอธิบายได้ ความลับคือการสวดภาวนาอย่างสม่ำเสมอ เธอกล่าวยืนยันว่า "ยิ่งท่านสวดภาวนามากเท่าไร ท่านยิ่งเข้าใจและถูกทำให้แน่ใจ ท่านยิ่งเห็นพระเป็นเจ้าสูงสุดได้ชัดเจนมากขึ้น พระผู้เป็นความดีสูงสุด และเมื่อท่านยิ่งเห็นพระองค์ชัดเจนมากขึ้น ท่านยิ่งรักพระองค์มากขึ้น พระองค์จะยิ่งทำให้ท่านมีความชื่นชมยินดีมากขึ้น ท่านยิ่งเข้าใจพระองค์มากขึ้น และสามารถเข้าใจพระองค์มากขึ้น ท่านจะได้รับแสงสว่าง"อย่างเต็มเปี่ยม" ท่านจะเข้าใจว่าท่านไม่สามารถเข้าใจอะไรได้เลย" (Ibid., p. 184).
 
พี่น้องชายหญิงที่รักยิ่ง ชีวิตของบุญราศีแองเจลาเริ่มต้นที่ความเป็นอยู่ประสาโลก อยู่ห่างไกลจากพระเป็นเจ้ามากทีเดียว แต่ด้วยการพบกับนักบุญฟรังซิส และในที่สุดได้พบกับพระคริสตเจ้าผู้ถูกตรึงกางเขน ทำให้วิญญาณตื่นขึ้นโดยการปรากฏมาของพระองค์ ด้วยความจริงที่ว่าพระเป็นเจ้าเท่านั้นที่ทำให้ชีวิตกลับกลายเป็นชีวิตที่แท้จริงได้ เพราะจากความเศร้าในบาปได้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นความรักและความชื่นชมยินดี และบุญราศีแองเจลาได้พูดกับพวกเรา
 
ทุกวันนี้เราทุกคนกำลังอยู่ในอันตรายของการดำเนินชีวิตที่ทำให้คิดว่า พระเป็นเจ้าไม่ทรงมีอยู่จริง พระองค์ดูเหมือนอยู่ห่างไกลจากชีวิตยุคปัจจุบันนี้ แต่พระเป็นเจ้าทรงมีวิธีนับพันวิธีสำหรับแต่ละคน ที่จะทำให้พระองค์ปรากฏในวิญญาณ ที่จะทำให้รู้ว่าพระองค์มีอยู่จริง และทำให้เราตระหนักว่าพระองค์ทรงทราบทุกอย่างและทรงรักพวกเรา บุญราศีแองเจลาต้องการทำให้เราใส่ใจในสัญญาณนี้ คือการที่พระเป็นเจ้าทรงสัมผัสวิญญาณของเรา ทำให้เราตระหนักถึงการปรากฏของพระเป็นเจ้า ดังนั้นจงเรียนรู้จักหนทางของพระเป็นเจ้าและไปสู่พระองค์ เพื่อจะได้เป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้าผู้ถูกตรึงกางเขน ให้เราสวดภาวนาต่อพระเป็นเจ้าเพื่อขอให้เราใส่ใจในสัญญาณแห่งการปรากฏของพระองค์ และขอให้พระองค์ทรงสอนเราให้มีชีวิตที่แท้จริง
 
ขอขอบใจ

************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น