วันฉลองพระกายและพระโลหิตพระเยซูคริสตเจ้าเป็นการฉลองการดำรงอยู่อย่างแท้จริงของพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท วันฉลองนี้เป็นวันฉลองระดับสูงสุดอีกวันหนึ่งของปฏิทินพิธีกรรม(the feast of Corpus Christi) ในวันฉลองนี้ ตามประเทศต่างๆทั่วโลก คริสตชนจะเดินเป็นขบวนแห่แหนศีลมหาสนิทซึ่งบรรจุอยู่ในรัศมีไปตามท้องถนนของเมือง หรือเดินแห่ไปรอบหมู่บ้านหรือรอบโบสถ์
พิธีแห่ศีลมหาสนิทได้กระทำมานานถึง 8 ศตวรรษแล้ว โดยมีจุดเริ่มต้นจากนักบุญจูเลียนาแห่งคอร์นิลลอน ( St Juliana de Cornillon) ...(ประวัติของการกำหนดวันฉลองจะนำมาลงต่อไป)
ในระหว่างขบวนแห่ครั้งหนึ่งของวันฉลองนี้ นักบุญโฟสตินาได้เขียนในสมุดบันทึกไว้ว่า “ครั้งหนึ่งพระรูปพระเมตตาถูกตั้งไว้บนพระแท่นที่จัดเตรียมในระหว่างการแห่ในวันฉลองพระกายและพระโลหิต (20 มิ.ย. 1935) เมื่อพระสงฆ์ยกรัศมีของศีลมหาสนิท และนักขับร้องเริ่มร้องเพลง แสงรังสีได้ฉายออกมาจากพระรูปพระเมตตาทะลุเข้าไปในแผ่นศีลแล้วสาดส่องไปทั่วโลก”
นักบุญโฟสตินายังได้เห็นรังสีแสงที่ส่องทะลุศีลมหาสนิทในการแห่อีกครั้งหนึ่ง “ดิฉันได้เห็นแสงรังสีเดิมนี้ฉายส่องออกมาจากศีลมหาสนิทเหมือนกับที่วาดไว้ในพระรูป แล้ววิญญาณของดิฉันก็เต็มเปี่ยมด้วยความปรารถนาในพระเจ้า” (637)
พระเยซูเจ้าทรงแสดงพระองค์ให้นักบุญโฟสตินารู้ในการแห่ศีลมหาสนิทหลายครั้ง “...ดิฉันได้ยินเสียงที่มาจากศีลมหาสนิทว่า - ที่นี่คือที่อันสงบของเรา คือช่วงเวลาที่มีการอวยพรศีลมหาสนิท พระเยซูเจ้าทรงให้ดิฉันรู้ว่าในไม่ช้าจะมีช่วงเวลาที่เงียบสงบในระหว่างพิธีนี้” (1136)
ในอีกครั้งอื่นของวันฉลองพระกายและพระโลหิต พระเยซูเจ้าและนักบุญโฟสตินาได้ปลอบประโลมใจซึ่งกันและกันระหว่างมรคาแห่งกางเขน ภาคที่พระองค์ทรงพบกับเวโรนิกา เหมือนกับการที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวได้พบกัน นักบุญโฟสตินาบันทึกว่า “วันที่ 1 มิ.ย. 1937 ในวันนี้มีการเดินขบวนแห่พระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า ที่พระแท่นแรก เปลวไฟได้สาดออกมาจากศีลมหาสนิททะลุเข้าไปในหัวใจของดิฉัน และดิฉันได้ยินเสียงพูดว่า ที่นี่คือสถานที่พักผ่อนของเรา หัวใจของดิฉันเต้นแรงด้วยเปลวไฟนั้น ดิฉันรู้สึกว่าดิฉันได้เปลี่ยนแปลงไปในพระองค์อย่างสมบูรณ์” (1140)
สุขภาพของนักบุญโฟสตินาอ่อนแอลงบ่อยๆในหลายโอกาส เธอได้รับศีลเจิมสำหรับผู้ป่วยและเธอคิดว่าเธอกำลังจะตาย และเธอมักจะมีอาการอ่อนแอนี้ในช่วงเวลาที่จะมีการแห่ศีลมหาสนิท พระเยซูเจ้าทรงช่วยชุบชูสุขภาพของเธอในระหว่างพิธีนี้ ดังที่เธอบันทึกไว้ว่า “ดิฉันรู้สึกอ่อนแอจนหมดหวังที่จะไปร่วมในพิธีแห่ศีลมหาสนิท...ดิฉันจึงทูลพระเยซูเจ้าว่า พระเยซูเจ้า ถ้าคำอธิษฐานของลูกเป็นที่พอพระทัยของพระองค์ โปรดชุบชูพละกำลังของลูกในเวลานี้ด้วยเถิดเพื่อที่ลูกจะสามารถเข้าร่วมในพิธีแห่ศีลได้ ในทันทีนั้นเอง ดิฉันก็รู้สึกมีพละกำลังแข็งแรงจนมั่นใจว่าดิฉันสามารถไปกับบรรดาซิสเตอร์เข้าร่วมพิธีแห่ศีลได้” (1668)
มีพระหรรษทานมากมายที่ผู้ร่วมพิธีแห่ศีลมหาสนิทจะได้รับระหว่างการเดินไปตามท้องถนนกับพระเยซูเจ้า ทุกคนได้รับการเชื้อเชิญให้เดินไปพร้อมกับจ้องมองที่พระเยซูเจ้า สวดภาวนา ร้องเพลง และรับพรจากพระสงฆ์ในเวลาที่ท่านยกรัศมีศีลขึ้นอวยพร ณ.ที่พระแท่นซึ่งจัดเตรียมไว้สี่แห่ง ซึ่งหมายถึงสี่มุมของโลก พระเยซูเจ้าทรงประทับที่พระแท่นสี่แห่งเพื่อแสดงถึงการมอบโลกไว้ในการปกป้องอารักขาของพระองค์ * มีการอ่านพระวรสารทั้งสี่เพื่อชำระล้างลมทั้งสี่ของโลก** จากจิตที่ชั่วร้ายทั้งหลาย เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสกับโฟสตินาในระหว่างพิธีแห่ศีลมหาสนิทครั้งหนึ่งว่า “รังสีแห่งพระเมตตาของเราจะผ่านเข้าไปในลูก เหมือนดังเช่นที่ผ่านเข้าไปในแผ่นศีล และรังสีนี้จะส่องกระจายไปทั่วโลก” (441)
*ทำไมจึงมีพระแท่นสี่แห่ง? “เลขสี่เป็นสัญลักษณ์ของสี่มุมของโลก จักรวาลทั้งมวล โลกที่เราอาศัยอยู่ พระสงฆ์จะยกรัศมีอวยพรไปสี่ทิศเพื่อแสดงว่าโลกได้รับการปกป้องคุ้มครองจากศีลมหาสนิทของพระเยซูเจ้า” พระคาร์ดินัล โยเซฟ รัธซิงเกอร์
**ทำไมเราจึงอ่านพระวรสารทั้งสี่? “พระวรสารทั้งสี่บอกเล่าในเรื่องเดียวกัน เป็นเรื่องราวที่ให้แรงบันดาลใจ เป็นลมหายใจของพระจิตเจ้า และเลขสี่แสดงว่าโลกได้รับการโอบกอดด้วยพระฤทธานุภาพของพระวาจาของพระเจ้าและด้วยพระฤทธานุภาพของพระจิตเจ้า พระวรสารทั้งสี่ส่งลมหายใจของพระจิตไปชำระลมทั้งสี่ ทำให้มันแพร่กระจายและเปลี่ยนมันให้เป็นสิ่งที่ดี ” พระคาร์ดินัล โยเซฟ รัธซิงเกอร์
*****************
วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า , เชียงใหม่
อุดรธานี
วัดนักบุญอันตน ดอนมดตะนอย ราชบุรี
แต่ละภาคในพิธีมิสซาบูชาเป็นการระลึกถึงพระมหาทรมานการไถ่กู้ของพระเยซูคริสตเจ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น