วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

พระสันตะปาปาเปโตรที่ 2


พระสันตะปาปาเปโตรที่ 2 (Pope Peter II) เป็นพระนามพระสันตะปาปาที่สมมุติขึ้น และในระยะหลังนี้ เป็นชื่อสามัญของกลุ่มเซเดวาแคนทิซึม (Sedevacantism) ที่อุปโลกน์ตัวเป็นสันตะปาปา
 
นักบุญเปโตรอัครสาวกเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์แรก พระสันตะปาปาองค์ต่อมาไม่มีพระองค์ใดเคยใช้พระนามว่า "เปโตร" อีกเลย และเป็นที่เล็งเห็นได้ว่า จะไม่มีพระสันตะปาปาพระองค์ใดในอนาคตกาลจะทรงเลือกใช้พระนามนี้ด้วย กระนั้นก็ดี มีพระสันตะปาปาหลายพระองค์ที่ทรงใช้ชื่อนักบุญองค์อุปถัมภ์เวลารับศีลล้างบาปว่า "เปโตร" (อาจสะกดต่างออกไปสุดแต่ภูมิภาค) หนึ่งในนั้นคือสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 13 ซึ่งทรงมีชื่อนักบุญว่า เปียโตร ออร์ซีนี (Pietro Orsini)
 
ทั้งนี้ เป็นเพราะวรรคสุดท้ายของคำทำนายเกี่ยวกับพระสันตะปาปา (Prophecy of the Popes) ของนักบุญมาลาคี (St. Malachy) นั้น บรรยายไว้ทำนองพยากรณ์ว่า "เปโตรชาวโรมัน" (Petrus Romanus) จะเป็นพระสันตะปาปาพระองค์สุดท้าย
 
"ระหว่างการเบียดเบียนครั้งสุดท้ายของพระศาสนจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ บัลลังก์จักถูกครองโดยเปโตร ชาวโรมัน ผู้ซึ่งจะเลี้ยงดูฝูงแกะของเขาในความทุกขเวทนาหลายครั้งหลายหน และเมื่อการนี้จบสิ้นลง นครแห่งเจ็ดขุนเขาก็จะถูกทำลาย และแล้วองค์พระตุลาการผู้น่าหวั่นเกรงจักพิพากษาประชากรของพระองค์ กาลอวสาน"
 
"In persecutione extrema S.R.E. sedebit Petrus Romanus, qui pascet oves in multis tribulationibus: quibus transactis civitas septicollis diruetur, et Iudex tremêndus iudicabit populum suum. Finis."
 
"During the final persecution of the Holy Roman Church, the seat will be occupied by Peter the Roman, who will feed his sheep in many tribulations; and when these things are finished, the seven-hilled city will be destroyed, and the formidable Judge will judge his people. The End."
 
มีการตีความวรรคข้างต้นกันไปต่าง ๆ นานา เคยมีความคิดกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาเปโตรที่ 2 จะเสด็จขึ้นสู่ตำแหน่งถัดจากสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 แต่ก็ไม่เกิดขึ้น

มีผู้อ้างตนเป็นพระสันตะปาปาหลายคนได้เลือกใช้นามว่า "เปโตรที่ 2" โดยเฉพาะสันตะปาปาเท็จที่อ้างว่าได้ตำแหน่งมาเพราะพระผู้เป็นเจ้าทรงแต่งตั้งให้เป็นการเฉพาะตัว สันตะปาปาเท็จผู้ใช้นามนี้และโด่งดังที่สุด คือ มานูเอล อาลอนโซ คอร์รัล (Manuel Alonso Corral) แต่มานูเอลบอกปัดอย่างแจ้งชัดว่า ตนมิใช่ "เปโตรชาวโรมัน" ตามคำทำนาย
 
ผู้อ้างตนเป็นพระสันตะปาปา หรือ พระสันตะปาปาซ้อน (antipope) หมายถึง พระคาร์ดินัลที่อ้างตนเป็นพระสันตะปาปา ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกอย่างไม่ถูกต้อง จึงเป็นปรปักษ์ของพระสันตะปาปาพระองค์จริงที่ได้รับเลือกมาอย่างถูกต้องตามกฎหมายพระศาสนจักร
 
การกล่าวหาบุคคลใดเป็นว่าพระสันตะปาปาซ้อนนั้นค่อนข้างสับสน เนื่องจากนักวิชาการในคริสตจักรโรมันคาทอลิกเองก็ยังมีความเห็นไม่สอดคล้องกัน ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นพระสันตะปาปาซ้อนในสมัยหนึ่ง จึงอาจได้รับการยอมรับรับว่าเป็นพระสันตะปาปาถูกต้องในสมัยหลังก็ได้ เช่น สมเด็จพระสันตะปาปาซิลเวสเตอร์ที่ 3


ช่วงเวลาที่มีพระสันตะปาปาซ้อนเกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนานที่สุดคือช่วงที่เกิดความแตกแยกทางศาสนาในยุโรปตะวันตกตั้งแต่ ค.ศ. 1378 ซึ่งทำให้สันตะสำนักแตกออกเป็น 2 สำนัก คือที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี และที่เมืองอาวีญง ประเทศฝรั่งเศส และต่อมายังเกิดสำนักที่ 3 ที่เมืองปีซาอีก เหตุการณ์ทางศาสนานี้สิ้นสุดลงเมื่อได้ข้อสรุปจากสภาสังคายนาคอนชตันซ์ ให้พระสันตะปาปาทั้ง 3 สำนักพ้นจากตำแหน่ง แล้วเลือกสมเด็จพระสันตะปาปามาร์ตินที่ 5 เป็นพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่และรับรองให้เป็นพระสันตะปาปาที่ถูกต้องเพียงพระองค์เดียว อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้อ้างตนเป็นพระสันตะปาปาต่อมาอีกจนถึงคนสุดท้ายคือ ผู้อ้างตนเป็นพระสันตะปาปาใช้ชื่อว่า เฟลิกซ์ที่ 5
 
มีการแต่งนวนิยายเกี่ยวกับการเลือกตั้งพระสันตะปาปาด้วย
 
ในนวนิยายชุดเรื่อง เลฟต์บีไฮนด์ (Left Behind) ปีเตอร์ แมธิวส์ (Peter Mathew) ในเรื่องนี้เป็นพระคาร์ดินัลผู้มีใจคด ได้รับเลือกตั้งเป็นพระสันตะปาปาพระนามว่า เปโตรที่ 2 และต่อมาก็ได้เป็นประมุขแห่งศาสนาเอกภพแห่งบาบิลอนลึกลับ (Enigma Babylon One World Faith)
 
ส่วนนิยายเรื่อง เดอะเธิร์ดซีเคร็ต (The Third Secret) ของสตีฟ เบร์รี (Steve Berry) นั้น พระคาร์ดินัลอัลเบอร์โต วาเลนเดรีย (Alberto Valendrea) รัฐมนตรีแห่งวาติกันผู้มีใจทะเยอทะยาน ได้รับเลือกตั้งเป็นพระสันตะปาปาพระนามว่า เปโตรที่ 2
 
 *******************
 
หมายเหตุ - Sedevacantism เป็นตำแหน่งทางศาสนาที่เกิดขึ้นโดยกลุ่มคาทอลิกที่ยึดธรรมประเพณีดั้งเดิม(Traditionalist Catholic) และแยกตัวจากพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ซึ่งพวกเขาถือกันว่าตำแหน่งพระสันตะปาปาได้ว่างลงตั้งแต่การสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ในปี 1958 (หรือบางกลุ่มก็นับตั้งแต่หลังการสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปายอห์นที่ 23 ในปี 1963)
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น