วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

จดหมายจากนักบูญฟรังซิส เดอ ซาลส์

 
นักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์ ได้เขียนจดหมายให้คำแนะนำแก่บุคคลหลายคน นี่เป็นหนึ่งในจดหมายหลายฉบับที่ท่านเขียน จดหมายฉบับนี้ท่านเขียนถึง ฟีโลเทีย( Philothea) ซึ่งเราไม่ทราบว่าเป็นใคร (ในจดหมายท่านนักบุญใช้คำว่า "โลก world " อันหมายถึงคนที่มีจิตใจฝักใฝ่แต่เรื่องทางโลก)
***********************
"ในทันทีที่คนของโลกเห็นว่าท่านปรารถนาจะติดตามหนทางแห่งความศรัทธา พวกเขาก็จะพุ่งเป้ามายังท่านทันทีด้วยการดูถูกดูหมิ่นต่างๆนาๆหรือแม้แต่กระทั่งทำให้ท่านเสื่อมเสียเกียรติ. พวกเขาจะกล่าวหาท่านว่า การกลับใจของท่านนั้นเป็นแต่เพียงการเสแสร้ง, เป็นความดื้อรั้น เป็นเพียงกลอุบาย.....
 
"ฟีโลเทีย, ทุกสิ่งนี้เป็นเพียงความโง่เขลา, เป็นความไร้สาระของพวกเขาเท่านั้น. คนเหล่านี้ไม่สนใจความดีงามหรือสุขภาพของท่านหรอก. "ถ้าท่านเป็นของโลก, โลกก็จะรักท่านเพราะมันเป็นเจ้าของท่าน. แต่เพราะท่านไม่ได้เป็นของโลก เพราะฉะนั้น,โลกจึงเกลียดชังท่าน" องค์พระผู้ไถ่ของเราตรัสไว้. เราคงเคยเห็นสุภาพบุรุษหรือสุภาพสตรีใช้เวลาทั้งวันทั้งคืน หรือหลายๆคืนในการเล่นหมากรุกหรือเล่นการพนัน. จะมีอะไรที่โง่เขลา, ไร้สาระ, มากไปกว่าความตั้งใจกระทำสิ่งเหล่านี้หรือ? แม้กระนั้น คนของโลกก็ไม่เคยพูดจาตักเตือนเขาสักคำ และเพื่อนของคนเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำสิ่งใดเพื่อเป็นการห้ามปรามพวกเขาเลย.
 
"ถ้าเพียงแต่เราจะใช้เวลาสักหนึ่งขั่วโมงในการเพ่งรำพึง หรือตื่นนอนเร็วขึ้นกว่าปกติอีกสักเล็กน้อยในตอนเช้าเพื่อเตรียมตัวรับศีลมหาสนิท. ทุกคนจะรีบไปหาหมอทันทีเพื่อให้หมอรักษาโรคหรือความเจ็บปวดจากบาดแผลของเราไม่ใช่หรือ?. มีหลายคนที่สามารถใช้เวลาหลายๆคืนในการเต้นรำโดยไม่บ่นว่าเหนื่อยเลย แต่ถ้าเขาต้องตื่นเฝ้าในค่ำคืนวันคริสต์มาส ในวันต่อมาเขากลับบอกว่ารู้สึกไม่สบายเพราะไอหรือปวดท้อง. เห็นหรือไม่ว่าคนของโลกตัดสินเราด้วยความลำเอียงและอยุติธรรมเพียงใด. เขาทำดีต่อคนของโลก แต่ปฏิบัติต่อคนของพระอย่างหยาบคายและเข้มงวด
 
"เราไม่อาจทำความพอใจให้กับโลกได้ เว้นเสียแต่เราจะยอมมอบตัวเองให้กับมันและสูญสลายไปพร้อมกับมัน. จึงมีคำกล่าวว่า ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้มันพอใจได้. องค์พระผู้ไถ่ตรัสแก่ชาวฟารีสีว่า "ยอห์นมาไม่กินไม่ดื่ม และพวกท่านก็พูดว่า เขามีผีสิง แต่บุตรแห่งมนุษย์มาทั้งกินและดื่ม พวกท่านก็พูดว่า คนนี้เป็นคนบาป"
 
"ความจริงเป็นเช่นนั้น , ฟีโลเทีย, ถ้าเรายอมสนุกสนาน, เล่นการพนัน, หรือเต้นรำพร้อมกับโลก เพื่อทำให้มันพึงพอใจ มันก็จะใส่ร้ายป้ายสีเรา แต่ถ้าเราไม่ทำ มันก็จะกล่าวหาว่า เราเสแสร้งหรือเป็นคนซึมเศร้าชอบเก็บตัว. ถ้าเราแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสวยงาม มันจะใส่ร้ายว่าเรามีแผนการบางอย่าง และถ้าเราแต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมดา มันก็ดูถูกว่าเราเป็นคนขี้เหนียว. การพูดดีๆหรือเล่าเรื่องสนุกให้กับโลกจะถูกเรียกว่าเป็นความเหลาะแหละตลกคะนอง และเราจะถูกทำให้กลายเป็นคนมีมลทินน่าอาย โลกมองดูเราด้วยสายตาที่ชั่วร้ายและเราไม่สามารถทำให้มันพึงพอใจได้. มันขยายความผิดพลาดของเราจนเกินจริงและกล่าวหาสิ่งที่เราทำนั้นว่าเป็นบาป มันทำให้บาปเบาของเรากลายเป็นบาปหนัก และเปลี่ยนบาปที่เราทำเพราะความอ่อนแอให้กลายเป็นบาปที่ทำด้วยความตั้งใจที่ชั่วร้าย
 
"ความเมตตากรุณาเป็นคุณธรรมความดี นักบุญเปาโลกล่าวเช่นนี้ แต่โลกนั้นตรงข้ามเป็นความชั่วร้าย. ผู้มีใจเมตตากรุณาไม่เคยคิดในเรื่องชั่วร้าย แต่โลกคิดถึงสิ่งชั่วร้ายเสมอและเมื่อมันไม่สามารถกล่าวหาการกระทำของเราได้ มันก็หันมาประณาม,ตำหนิความตั้งใจดีของเราแทน. ไม่ว่าแกะจะมีเขาหรือไม่ และไม่ว่ามันจะเป็นสีขาวหรือสีดำ สุนัขป่าก็ไม่รีรอที่จะขย้ำกัดกินถ้ามันทำได้.
 
"ไม่ว่าเราจะทำอะไร โลกจะต่อต้านเรา ถ้าเราใช้เวลาสารภาพบาปเป็นเวลานาน มันก็สงสัยว่าเราสรรหาอะไรมาพูดได้มากมายนัก ถ้าเราใช้เวลาไม่นาน มันก็จะบอกว่าเราไม่ได้พูดอะไรเลย มันคอยเฝ้าดูการกระทำของเราทุกอย่าง และพูดด้วยความไม่พอใจ มันยุแหย่ว่า เราไม่สามารถเข้ากับใครได้ การทำงานของเรากลายเป็นการทำงานเพราะความโลภ ความอ่อนโยนของเรากลายเป็นความโง่เขลาไร้ประโยชน์. แต่สำหรับคนของโลกแล้ว ความโกรธเกรี้ยวของพวกเขาถูกเรียกว่าการขู่เพียงเบาๆ ความโลภถูกเรียกว่าความประหยัด และการสนทนากระหนุงกระหนิงกันถูกเรียกว่าเป็นการเจรจาถกปัญหา......แมงมุมมักทำให้งานที่ดีๆของผึ้งเสียหายไปเสมอๆ
 
"ให้เราทิ้งโลกที่ตาบอดนี้เสียเถอะ, ฟีโลเทีย. ให้มันกล่าวหาเรานานเท่านานตามที่มันพอใจ เหมือนแมวที่ส่งเสียงร้องเพื่อทำให้นกตกใจ เราจงมั่นคงในเป้าหมายของเราและอย่าได้หันเหออกไปจากความตั้งใจของเรา ความมานะบากบั่นของเราจะพิสูจน์ถึงความจริงใจในการเสียสละตนเองของเราต่อพระเป็นเจ้าและการอุทิศตนในการดำเนินชีวิตที่ศรัทธา. ดาวหางและดวงดาวดูเหมือนจะมีแสงสว่างเท่ากัน แต่ดาวหางเป็นเพียงวัตถุที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านหายไป ขณะที่ดวงดาวยังคงสว่างเหมือนเดิมตลอดเวลา. ทำนองเดียวกัน, แม้ว่าการเสแสร้งและคุณธรรมที่แท้จริงนั้น เมื่อมองดูจากภายนอกจะคล้ายๆกัน แต่เราก็สามารถสังเกตเห็นความแตกต่างของทั้งสองอย่างนี้ได้ง่าย ไม่ใช่หรือ?
 
"การเสแสร้งไม่อาจคงอยู่ได้นาน แต่จะถูกเปิดเผยออกมาอย่างรวดเร็วและสูญหายไปเหมือนควัน ขณะที่คุณธรรมจะคงอยู่ตลอดไปและมั่นคงเสมอ. ไม่เป็นการเริ่มต้นของความฅรัทธาที่ดีนัก ถ้าเราเป็นทุกข์ร้อนกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์และการให้ร้ายป้ายสีในการกลับใจของเราตามความศรัทธานี้ ความศรัทธาจะช่วยให้เราหลีกพ้นจากอันตรายของความเย่อหยิ่งและความภูมิใจที่ไร้ค่า. เหมือนกับความหยิ่งยะโสและความรู้สึกดีใจของสตรีชาวอิยิปต์ที่เป็นภรรยา เมื่อเห็นกษัตริย์ฟาโรห์สั่งให้ฆ่าทารกชายที่เพิ่งเกิดของภรรยาชาวอิสราเอล เราได้ถูกตรึงกางเขนไว้กับโลกแล้วและโลกก็ต้องถูกตรึงกางเขนพร้อมกับเราด้วย. โลกถือว่าเราโง่เขลา เราจงถือว่าโลกบ้าบอเถิด"
 
*****************************
 
หมายเหตุ - จากจดหมายแนะนำของนักบุญฟรังซิส นี้ เราคงพอเดาออกได้ว่า ฟิโลเทีย เป็นคนที่มีความตั้งใจดีที่จะดำเนินชีวิตที่ศรัทธา แต่เธอคงเป็นคนที่อ่อนไหวง่ายต่อคำพูดวิพากษ์วิจารณ์ของคนอื่น และเป็นไปได้ที่เธออาจถูกแวดล้อมจากกลุ่มคนที่ไม่ค่อยมีความศรัทธามากนัก เรื่องทำนองนี้ก็มีอยู่บ่อยๆในปัจจุบันนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น