วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2561

ผลสำรวจ ดัชนีคอร์รัปชัน




แม่พระแห่งผลสำเร็จที่ดีตรัสล่วงหน้าไว้แล้วว่า การคอร์รัปชั่นจะระบาดไปทั่ว
 
**************************************

ถือเป็นข่าวที่ “ช็อก” ความรู้สึกคนไทยทั้งประเทศ เมื่อ ดร.เสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจ ดัชนีคอร์รัปชันไทยเดือนธันวาคม 2560 ที่ผ่านมาพบว่า ความรุนแรงของปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในยุครัฐบาล คสช. เพิ่มขึ้นถึง 37% สูงสุดในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2558 และคาดว่าสถานการณ์ทุจริตคอร์รัปชันในปี 2561 จะเพิ่มขึ้นเป็น 48% ทั้งๆที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ประกาศปราบคอร์รัปชันเกือบทุกวัน แต่การคอร์รัปชันในยุค คสช.กลับไม่ลด แถมยังทำสถิติสูงสุดใหม่เข้าตำราว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเสียเอง
สาเหตุการทุจริตคอร์รัปชันที่เพิ่มขึ้นมากมาย จนทำสถิติใหม่ในรอบ 3 ปี ดร.เสาวณีย์ เปิดเผยว่า ส่วนใหญ่มาจาก กฎหมายที่เปิดโอกาสให้สามารถใช้ดุลพินิจเอื้อต่อการทุจริตคอร์รัปชันถึง 18.8% รองมาเป็นเรื่องของ กระบวนการทางการเมืองที่ขาดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ยาก 15.6% และความไม่เข้มงวดของการบังคับใช้กฎหมายและกฎระเบียบ 14.7% (นี่คือข้อเสียของระบบเผด็จการ)
รูปแบบคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นบ่อย เช่น การให้สินบนของกำนัล รางวัลต่างๆ 19.6% (การยืมนาฬิกาหรูเรือนละหลายล้านบาทมาใส่ก็น่าจะเข้าข่ายนะ) รองมาเป็น การใช้ตำแหน่งทางการเมืองเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง 16.2% การทุจริตเชิงนโยบาย 13.8% การทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง 12.2% การจ่ายเงินเพื่อให้ได้ประโยชน์ภายหลัง 9.0% ฟังแล้วคุ้นๆ คล้ายกับ ประกาศ คสช. ตอนปฏิวัติ วันนี้กลับไปสู่วงจรเดิมอีกแล้ว
ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงเพิ่มเติมว่า สถานการณ์คอร์รัปชันไทยเริ่มมีสัญญาณ รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หลังปี 2558 หลังจากเริ่มมีการจัดซื้อจัดจ้างโครงการลงทุนขนาดใหญ่ โดยพบว่า อัตราการจ่ายใต้โต๊ะปี 2560 อยู่ที่ร้อยละ 5–15 สูงสุดในรอบ 3 ปี นับจากปี 2558 ที่จ่ายใต้โต๊ะเฉลี่ยร้อยละ 1-15 ซึ่งสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจปีละ 100,000-200,000 ล้านบาท
แวดวงผู้รับเหมาเขาเม้าท์กันว่า ยุคก่อน 2558 จ่ายแค่ 2 ชั้น ยุค หลัง 2558 ต้องจ่ายเพิ่มเป็น 3 ชั้น หมายความว่าอย่างไร ผมแปลไม่ออก
งบประมาณรายจ่ายรัฐบาลปี 2560 จากหยาดเหงื่อภาษีของประชาชน มีวงเงิน 2.932 ล้านล้านบาท ถ้า คอร์รัปชันไป 5–15% ก็รับประทานไปถึง 146,600 – 439,800 ล้านบาท เห็นตัวเลขคอร์รัปชันแล้วตกตะลึง คอร์รัปชันกันปีละมหาศาลขนาดนี้เชียวหรือ แล้วที่นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศปราบคอร์รัปชันทุกวัน รัฐบาลปราบจริงหรือไม่ ถ้าปราบจริงทำไมการทุจริตคอร์รัปชันปี 2560 จึงสร้างสถิติใหม่สูงสุดในรอบ 3 ปี
ปีนี้ 2561 ผลสำรวจระบุว่า สถานการณ์ทุจริตคอร์รัปชันจะรุนแรงกว่าปี 2560 เพราะ มีการประมูลเมกะโปรเจกต์มากมาย งบประมาณรายจ่ายรัฐบาลปี 2561 มีวงเงิน 2.9 ล้านล้านบาท ถ้าคอร์รัปชันไปเท่าเดิมร้อยละ 5–15 เงินภาษีของประชาชนก็จะถูกคอร์รัปชันไปถึง 145,000–435,000 ล้านบาท
สองปี ภาษีประชาชนถูกปล้นไปถึง 291,600–874,800 ล้านบาท เสียดายไหม
ทุกวันนี้ การประมูลเมกะโปรเจกต์ทุกโครงการ ล้วนมีราคาแพงเว่อร์จนน่าตกใจ บริษัทที่ประมูลได้ก็วนเวียนอยู่ใน 10 กว่าบริษัท การเสนอราคาประมูลแต่ละโครงการเหมือนฮั้วกันมาล่วงหน้า เห็นราคาก็รู้แล้วว่าโครงการนี้บริษัทไหนได้ แถมยังต่อรองราคายาก โครงการร่วมหมื่นล้านลดให้แค่ไม่กี่ล้านพอเป็นพิธี เมื่อได้โครงการแล้วก็ไปจ้างบริษัทเล็กรับช่วงทำต่ออีกทอด การก่อสร้างจึงล่าช้าทุกโครงการ
ก็ทำกันอย่างนี้ทุกยุคทุกสมัย อำนาจจึงเป็นสิ่งหอมหวานเสมอ
เขียนไปก็เศร้าไป คนไทยเจ็บแล้วไม่รู้จักจำ จึงต้อง โง่ จน เจ็บ อยู่อย่างนี้แหละ.
“ลม เปลี่ยนทิศ”
ไทยรัฐ 19 กุมภาพันธ์ 2561

********************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น