วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2559

พระเป็นเจ้าทรงเชื้อเชิญเราให้เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์



พระเป็นเจ้าทรงขอให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์
บทความนี้นำมาจาก Catholic Exchange:
พระเป็นเจ้าทรงตั้งพระทัยอย่างแน่วแน่ที่จะให้มีประชากรหนึ่งซึ่งพระองค์จะทรงเรียกพวกเขาว่า เป็นประชากรของเรา  หลักฐานในเรื่องนี้เราพบได้ในการที่พระองค์ทำพันธสัญญาทุกครั้งกับชาวยิว  ไม่ว่าประกาศกคนใดที่เป็นคนกลางในการทำพันธสัญญา (อับราฮัม , โมเสส ฯลฯ) จะพบพระวาจาที่ตรัสว่า และพวกเขาจะเป็นประชากรของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา  แต่พระเป็นเจ้ามิได้ทรงแตะต้องจิตใจอิสระของมนุษย์  พระองค์ได้ประทานอิสระที่จะเลือกแก่มนุษย์แล้ว  และพระองค์จะไม่เอาพระพรนี้กลับคืน  ดังนั้นพระองค์จึงทรงทำเพียงเชื้อเชิญและเรียก  พระองค์ไม่บังคับให้มนุษย์ต้องยอมรับพระองค์  ทุกวันนี้  การตอบสนองของมนุษย์ดูเหมือนจะมีไม่มากนัก  แต่เราย่อมทราบว่าความตั้งใจของพระเป็นเจ้าจะสำเร็จสมบูรณ์ในที่สุด  ในหนังสือพระธรรมวิวรณ์  เมื่อ น.ยอห์นปิดหนังสือลง  ท่านบอกให้เราทราบถึงนิมิตของท่าน โลกใหม่และสวรรค์ใหม่ และมีเสียงแตรเป่าดังกึกก้องมาจากพระบัลลังก์ของพระเจ้า ดูเถิด ช่างประหลาดอัศจรรย์นัก  พระเป็นเจ้าทรงประทับอยู่ท่ามกลางมนุษย์แล้ว  พระองค์ทรงดำรงอยู่ท่ามกลางพวกเขา  พวกเขาจะเป็นประชากรของพระองค์  และพระองค์จะอาศัยอยู่ในท่ามกลางพวกเขา


           นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่ไม่เพียงแต่อธิบายประวัติศาสตร์ทั้งหมดที่ผ่านไปแล้วเท่านั้น  แต่ยังได้บอกให้รู้ว่าจะเป็นอย่างไรในปัจจุบันด้วย  พระเป็นเจ้ากำลังทรงสร้าง เยรูซาเล็มใหม่ ของพระองค์  พระองค์กำลังประดับตกแต่ง สวรรค์ใหม่และโลกใหม่ ของพระองค์  พระองค์กำลังประดับตกแต่งประชากรใหม่  ซึ่งพระองค์จะทรงเรียกพวกเขาว่า ประชากรของเรา  และคุณก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านี้
 

นักประวัติศาสตร์สมัยใหม่เฝ้ามองดูเหตุการณ์ปัจจุบันอย่างไม่เข้าใจถ่องแท้นัก  ถึงแม้พวกเขาจะมองเห็นเหตุการณ์อย่างแน่ชัด  แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นซึ่งซ่อนอยู่  แม้ว่าเหตุการณ์บางเหตุการณ์จะผ่านสายตาพวกเขาไปต่อหน้าต่อตา  แต่พวกเขาสังเกตุไม่เห็นถึงพระหัตถ์อันแข็งแกร่งของพระเป็นเจ้า

 
            พวกเราเป็นเด็กน้อยแห่งศตวรรษอันสับสนนี้  แต่เราไม่จำเป็นต้องสับสนไปกับมันด้วย  สิ่งที่เราจำเป็นต้องตระหนักก็คือ  สมัยใหม่นี้มีอยู่เพียงชั่วคราว  ซึ่งจะผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าความเร็วของเสียง  เมื่อค้อนของพระเจ้าจะตกลงมา  หินอ่อนจะถูกสกัดออกด้วยสิ่วของพระองค์  และรูปแกะสลักก็จะปรากฏขึ้นมาจากหินที่เยือกเย็นในความจริง  นครของพระเจ้ากำลังถูกสร้างขึ้นอย่างเร่งด่วน  และประชากรมากมายของพระเจ้าก็จะอาศัยอยู่ข้างใน  จึงอาจกล่าวได้ว่า ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของมนุษยชาติ  ไม่เคยมีเวลาใดที่ได้รับเกียรติรุ่งโรจน์มากเท่ากับในเวลาที่พวกเราดำรงชีวิตอยู่  เพราะพระเป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้พวกเรามากกว่าที่เราคิด  ถ้าโมเสสสามารถกล่าวว่า ไม่มีชนชาติใดที่มีบุญยิ่งใหญ่เท่า  ไม่มีชนชาติใดที่พระเจ้าทรงอยู่ใกล้ชิดพวกเขาเท่ากับที่พระองค์ทรงอยู่ใกล้ชิดพวกเรา  ดังนี้เราจะกล่าวอย่างไรกับตัวเราเองและบรรดาเพื่อนคาทอลิกผู้ที่มีส่วนในการเป็นพระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้า  ซึ่งมีองค์พระบุตรแต่พระองค์เดียวของพระเจ้าเป็นศีรษะและพระบุคคลที่สามในพระตรีเอกภาพเป็นจิตวิญญาณของพวกเรา?
 
พระเป็นเจ้าทรงประทับอยู่ใกล้กับประชากรของพระองค์ในพันธสัญญาเดิมมากเท่าไร?  เมื่อเปรียบเทียบกับความใกล้ชิดของพระองค์ต่อประชากรในพันธสัญญาใหม่  ประชากรในพันธสัญญาเดิมได้ยินเสียงของพระองค์ในพุ่มไม้ที่ลุกไหม้เป็นไฟ  แต่เราได้เห็นองค์พระวจนาตถ์ผู้ทรงมาอยู่ในเนื้อหนังเหมือนพวกเรา  และทรงเดินไปบนแผ่นดินเหมือนเรา  ในพันธสัญญาเดิม  พวกเขาได้รับแผ่นหินพระบัญญัติสิบประการภายใต้ฟ้าร้องฟ้าผ่าบนภูเขาโฮเร็บแห่งซีนาย  แต่เราได้รับพระบัญญัติแห่งความรักที่มาจากมนุษย์ผู้หัวใจแตกสลายเพราะความรัก  แต่นี่เป็นดวงพระทัยอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า ผู้เป็นพระเป็นเจ้า
 
ในพันธสัญญาเดิม พวกเขาได้รับการปกป้องด้วย เมฆในเวลากลางวันและเสาเพลิงในเวลากลางคืน  แต่เรามีองค์ เอ็มมานูเอล พระเจ้าประทับอยู่ท่ามกลางเรา เป็นผู้ปกป้องเรา  พวกเขาได้รับมานนาและนกคุ่มเป็นอาหาร  และดื่มน้ำที่ไหลออกมาจากก้อนหิน  แต่พวกเขาก็ตาย  ส่วนเราได้รับประทานปังซึ่งเป็นอาหารทรงชีวิตที่ลงมาจากสวรรค์  และทำให้เรามีชีวิตนิรันดร  พวกเขามีหีบพันธสัญญา ที่ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์เพื่อใช้บรรจุมานนา  หนังสือกฎบัญญัติ และไม้เท้าของอารอน  ส่วนเรามีองค์พระเยซูเจ้าในพระกายและพระโลหิต, พระวิญญาณ และพระเทวภาพ  ทรงประทับอยู่บนพระแท่นในรูปของแผ่นปังเล็กๆสีขาว  พวกเขาได้รับคำสัญญาของพระเจ้า  ส่วนเราได้รับสิ่งที่สำเร็จสมบูรณ์แล้ว  พวกเขาเห็นเพียงสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์  สิ่งที่เป็นเพียงเงา  ส่วนเราเห็นสิ่งที่เป็นรูปธรรม  พวกเขามีคนของพระเจ้าซึ่งเป็นเพียงผู้นำสาส์นของพระองค์  ส่วนเรามีองค์พระเจ้าเองเลยทีเดียว และพระองค์ทรงส่งพระบุตรแต่องค์เดียวของพระองค์มาให้แก่เราพร้อมด้วยองค์พระจิตเจ้า  พวกเขามีพระวิหารของพระเจ้าซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย  ส่วนเราตัวเราเป็นพระวิหารของพระเจ้าและมีความศักดิ์สิทธิ์ด้วยพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเป็นเจ้า
 
สิ่งสุดท้ายนี้เป็นความจริงที่พิสูจน์แล้วโดยปราศจากข้อสงสัยถึงความน่ามหัศจรรย์ใจอันปรากฏอยู่บนพื้นพิภพนี้  นั่นคือพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นพระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้า  เป็นประชากรที่พระเป็นเจ้าทรงเลือกสรร และเราก็เป็นหนึ่งในนี้ด้วย  เพราะพระศาสนจักรมีความศักดิ์สิทธิ์ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของพระเป็นเจ้าเอง  สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ อยู่นอกเหนือโลกนี้
 
พระเป็นเจ้าทรงเชื้อเชิญเราให้เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์
 
นักบุญเบอร์นาร์ดแห่งแคลร์วอยซ์ มีความเข้าใจเรื่องนี้ ท่านอธิบายคำพูดในพระคัมภีร์ที่ว่า ขอให้พระองค์จุมพิตข้าพเจ้าด้วยพระโอษฐ์ของพระองค์  ท่านอธิบายถึงความปรารถนาในใจของมนุษย์  ท่านบอกกับเพื่อนนักพรตของท่านถึงจิตใจของมนุษย์ที่ปรารถนาการ จุมพิตของพระเจ้า  นี่เป็นการดลใจจากพระจิตเจ้า  เพราะมีเพียงพระจิตเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณและนำความสุขเหลือล้นเช่นนี้มาให้
 
ท่านนักบุญกล่าวต่อไปว่า องค์พระบุตรทรงแสดงพระองค์เองและพระบิดาทรงโปรดปราน  แต่การเผยแสดงนี้กระทำโดยการจุมพิต  นั่นคือโดยองค์พระจิตเจ้า  ดังที่อัครสาวกได้เป็นพยานในเรื่องนี้โดยท่านได้กล่าวว่า แต่พระเป็นเจ้าทรงเผยแสดงพระองค์แก่เราโดยทางพระจิตเท่านั้น...  โดยการเผยแสดงนี้ พระจิตเจ้าไม่เพียงประทานแสงสว่างแห่งความรอบรู้เท่านั้น  แต่ยังประทานไฟแห่งความรักเผาผลาญวิญญาณด้วย  ดังคำพูดของนักบุญเปาโลว่า ความรักของพระเจ้าฉายเงาปกคลุมหัวใจของเราโดยอาศัยองค์พระจิตเจ้าผู้ถูกมอบให้แก่พวกเรา
 
ความรอบรู้และความรัก นักบุญเบอร์นาร์ดยืนยันในเรื่องนี้ได้อย่างไร?  ท่านยืนยันกับบรรดาเพื่อนนักพรตของท่านให้ทราบถึงสถานภาพของวิญญาณ  ท่านบอกให้รู้ว่าทั้งสองอย่างนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรด้วย การจุมพิตจากพระโอษฐ์ของพระองค์  นั่นคือจากพระจิตเจ้า ถ้าหากท่านเป็นทาส  ท่านจะรู้สึกกลัวเมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้านาย  ถ้าท่านเป็นทายาท  ท่านจะมีความหวังว่าจะได้รับมรดก  ถ้าท่านเป็นศิษย์  ท่านจะตั้งใจฟังคำสอนของอาจารย์  ถ้าท่านเป็นบุตร  ท่านจะซื่อสัตย์ต่อบิดา  แต่ถ้าท่านเป็นคนรัก  ท่านจะขอให้สุดที่รักของท่านจุมพิตท่าน
 
 ในจิตวิญญาณของมนุษย์ น.เบอร์นาร์ดา กล่าวต่อ ความรักอยู่เหนือความพึงพอใจทุกอย่าง  แล้ว น.เบอร์นาร์ดอธิบายต่อไปว่าความรักชนิดใดที่ท่านควรมี เธอรักเขาด้วยความรักเร่าร้อน  ทำให้เธอเคลิบเคลิ้มจนมองไม่เห็นความยิ่งใหญ่ของสุดที่รักของเธอ  จนทำให้เธอกล้าที่จะขอการจุมพิตจากเขา โลกต้องสั่นสะท้านเธอเมาไปแล้วหรือ? เธอต้องเมาอย่างแน่นอนและเมาอย่างหนักด้วย"

 
---------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น