วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องบังเอิญ



โดย : คุณพ่อเซอร์จิโอ อาร์กีอิลโล เวนเซส วันที่ 28 มี.ค. 2017
 
ผมตื่นนอนและเตรียมตัวที่จะไปประกอบพิธีมิสซาในโบสถ์ ผมลงจากเตียงนอนพร้อมที่จะไปให้ทันเวลานัดกับพระเยซูเจ้าและประชากรของพระองค์ พิธีมิสซาดำเนินไปอย่างสวยงาม
 
เมื่อเสร็จพิธีมีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งมาพูดกับผมว่า “คุณพ่อคะ ช่วยฟังสารภาพบาปของพวกเราได้ไหมคะ?”
 
ผมตอบรับ พวกเขามีเพียงสามคนเท่านั้น แต่หลังจากที่ฟังสารภาพบาปผู้หญิงสามคนนี้แล้ว ผมเห็นผู้คนอีกหลายคนมายืนเข้าแถวเพื่อสารภาพบาป ต่อมาก็มีผู้คนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ....จนผ่านไปสามชั่วโมง ผมรู้สึกหิว กระหาย และอยากจะหยุดพัก
 
ผมกำลังจะกลับไปที่สามเณราลัย และพักการอภิบาลไว้ก่อน แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งมาพูดกับผม “คุณพ่อเป็นพระสงฆ์ใช่ไหมคะ? พ่อของดิฉันสิ้นใจเมื่อวานนี้และพวกเขากำลังจะฝังศพของท่าน แต่ดิฉันหาพระสงฆ์ไม่ได้เลยแม้แต่องค์เดียวค่ะ”
 
ผมคิดในใจ “พระเยซูเจ้า ผมเห็นแล้วว่าพระองค์ต้องการให้ผมทำงานในพระนามของพระองค์ในวันนี้   แต่ ผมขอให้พระองค์ช่วยท้องที่ว่างเปล่าของผมด้วย”
 
ผมประกอบพิธีมิสซาสำหรับผู้สิ้นใจเพื่อบิดาของผู้หญิงคนนั้น เมื่อเสร็จแล้วผมก็ขึ้นแท็กซี่กลับมายังบ้านพักพระสงฆ์เพื่อทานอาหารเช้า และอาจจะนอนพักสักเล็กน้อยด้วย คุณไม่รู้หรอกว่า การประกอบพิธีมิสซาสองมิสซาและฟังสารภาพบาปสามชั่วโมงขณะที่ท้องว่างนั้นมันไม่ง่ายเลย
 
ดังนั้นด้วยความหิวผมจึงทำแซนด์วิชและพร้อมที่จะกินมัน....แต่ดูราวกับว่า โลกเดินช้าลงในทันทีทันใด....บราเดอร์คนหนึ่งมาและพูดกับผม “พวกเขากำลังตามหาคุณพ่ออยู่ครับ มีพระสงฆ์องค์หนึ่งป่วยและไม่มีพระสงฆ์ประกอบพิธีมิสซาเวลาบ่ายโมง....”
 
ความอ่อนแอตามประสามนุษย์ของผมเริ่มประท้วงและผมบ่นกับพระเจ้า “พระเยซูเจ้าครับ พระองค์ทราบว่าผมยังไม่ได้กินอาหารเช้าเลย แต่ผมก็จะไป หลังจากนั้นโปรดให้ผมมีเวลาพักบ้าง...หรือดีที่สุดก็คือ ส่งพระสงฆ์องค์อื่นไปแทนผม” 
 
พระเจ้าไม่หยุดที่จะทำให้ผมประหลาดใจ เพราะเมื่อผมเสร็จสิ้นการบ่น ผมรู้สึกถึงการตอบสนองของพระองค์ “ในวันที่ลูกบวช ลูกบอกเราว่าลูกมอบถวายตนเองทั้งหมดแก่เราและแก่ประชาชนของเรา”
 
“นอกจากประกอบพิธีมิสซาแล้ว เรายังมีเรื่องประหลาดใจให้ลูกอีก”
 
ผมวางแซนด์วิชของผมลงและไปประกอบพิธีมิสซา พูดตามตรง ผมรู้สึกโมโหนิดๆ 
 
ผมไปด้วยความรู้สึกว่าเป็นภาระที่ต้องทำไม่ใช่ไปเพราะปรารถนาที่จะไป
 
ขณะที่ผมเข้าไปในห้องซาคริสตีเพื่อสวมชุด ความโกรธของผมก็สงบลง คนสองคนมาหาผมและพูดว่า “คุณพ่อครับ ลูกสาวของเราพยายามฆ่าตัวตายเมื่อเดือนที่แล้ว  และวันนี้เราได้ให้เธอมาร่วมพิธีมิสซากับเราด้วย โปรดระลึกถึงเธอในระหว่างพิธีด้วยนะครับ”
 
นี่ต้องเป็นเรื่องประหลาดใจของพระองค์แน่นอน พระเจ้าทรงส่งผมให้มาประกอบพิธ๊มิสซานี้เพื่อให้ผมพูดกับลูกสาวของสองคนนี้ที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือของพระองค์เป็นอย่างมาก ในฐานะพระสงฆ์ผมตระหนักใจว่าไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องบังเอิญ พระเจ้าทรงเป็นผู้ชี้นำหนทางของเรา
 
มันเป็นช่วงเวลาอันมหัศจรรย์ของพระญาณเอื้ออาทร เพราะพระวรสารวันนั้นเป็นเรื่องราวที่หญิงสาวผู้นั้นต้องการเป็นอย่างมาก พระเยซูเจ้าตรัสว่า “จงมาหาเราเถิด ผู้ที่เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก แล้วเราจะทำให้ท่านได้พักผ่อน”
 
ขณะที่ผมกำลังประกอบพิธีมิสซา ผมมั่นใจว่าพระเจ้าทรงจัดวางให้ผมอยู่ที่นั่น....ก่อนที่ทุกอย่างเริ่มต้น ผมได้สวดภาวนาที่พระแท่น วอนขอพระองค์ให้ตรัสโดยผ่านทางผม ผมเตือนพระองค์ด้วยว่าผมยังไม่ได้ทานอาหารเช้า และผมรู้สึกโมโหนิดๆ....
 
พิธีมิสซาเต็มไปด้วยพระหรรษทาน ผมไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร แต่เป็นพระเยซูเจ้าเองที่ทรงนำทาง พระองค์ตรัสขณะที่ผมเทศน์ เป็นพระวาจาของพระองค์...แม้แต่ในวันนี้ผมก็ยังอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นได้...พระวาจาของพระองค์เป็นพระวาจาที่ปลอบโยน , เอาใจใส่ , ให้กำลังใจ
 
หลังจากเสร็จพิธี สองคนนี้ก็มาหาผมอีก ครั้งนี้มาพร้อมกับลูกสาวของพวกเขาด้วย เธอร้องไห้และเข้ามากอดผม “คุณพ่อคะ ทุกสิ่งที่คุณพ่อพูดเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับลูกจริงๆ   ลูกจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้าเป็นอย่างมาก ลูกได้นำตัวเองให้ห่างไกลจากพระองค์ บัดนี้ลูกต้องการอยู่เบื้องหน้าพระองค์ และวอนขอพระองค์ให้รักลูกและช่วยให้ลูกดำเนินชีวิตต่อไปได้...”
 
เมื่อหญิงสาวผู้นี้เข้ามากอดผม ผมรู้สึกว่าพระเจ้าทรงกระซิบว่า “เราต้องการลูกในศีลมหาสนิทนี้ นี่เป็นสาเหตุที่เราให้ลูกมา...”
 
ผมรักพระเยซูเจ้า....พระองค์ทรงมีวิธีไปหาประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือของพระองค์ หญิงสาวที่พยายามจะฆ่าตัวตายเป็นปกติดีแล้วในพิธีมิสซาบ่ายโมง พระเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอ และตั้งแต่วันนั้น ทุกครั้งที่ผมรู้สึกเหนื่อยหรือโมโหเพราะทำงานหนักเกินไป ผมจะคิดว่า “จงทำต่อไป ไปประกอบพิธีมิสซาและทำเหมือนกับว่านี่เป็นมิสซาแรกและมิสซาสุดท้าย....พระเจ้าต้องการคุณ”
 
และเหมือนกับว่า พระเจ้าจะทรงตอบว่า “จงไป และมีสันติสุขเถิด เราจะประกอบพิธีมิสซาพร้อมกับลูก เ  พียงแต่ลูกต้องให้เรายืมมือและปากของลูก...”
 
ขอให้สวดภาวนาเพื่อพระสงฆ์ของคุณในวันนี้ อย่าสงสัย ท่านจะไปประกอบพิธีมิสซา หนึ่งหรือสองมิสซาแน่นอนโดยไม่ได้ทานอาหารเช้า และแม้แต่จะรู้สึกโมโหนิดๆ

*********************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น