วันเสาร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ชายที่ฟื้นคืนจากความตายเลือกที่จะกลับไปไฟชำระ


ชายผู้หนึ่งชื่อ ปีเตอร์ ไมลส์ ได้ฟื้นคืนชีพจากความตายโดยการวอนขอต่อพระเจ้าของท่านนักบุญ สตานิสเลาส์แห่งคราคูฟ พระสังฆราชแห่งโปแลนด์ แต่เมื่อฟื้นคืนชีพมาแล้ว เขากลับขอไปอยู่ในไฟชำระแทนที่จะมีชีวิตอยู่บนโลก อัศจรรย์นี้เกิดขึ้นในปี 1070

 
นักบุญ สตานิสเลาส์ ถูกใส่ความอย่างอยุติธรรม
ท่านจึงวอนขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า
 
นักบุญ สตานิสเลาส์ (St. Stanislaus) เป็นพระสังฆราชแห่งคราคูฟ,โปแลนด์ ในสมัยที่ท่านดยุค โบเลสลอว์ที่ 2 (Duke Boleslaw II) ปกครองประเทศโปแลนด์ (1058-1079) ท่านักบุญไม่ละเลยที่จะว่ากล่าวตักเตือนกษัตริย์พระองค์นี้ในการปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้อง แต่กษัตริย์กลับไม่ใยดีต่อการตักเตือนของพระสังฆราช และดูถูกพระสังฆราชต่อหน้าคนทั้งหลาย
 
ดยุค Boleslaw รู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจคำตักเตือนด้วยความหวังดีของพระสังฆราช และต้องการแก้แค้น  พระองค์ได้พูดยั่วยุทายาทของปีเตอร์ ไมล์ ผู้ซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อสามปีก่อนหลังจากที่ได้ขายที่ดินบางส่วนให้กับโบสถ์ในคราคูฟ
 
ทายาทของปีเตอร์ ไมลส์ กล่าวหาว่าท่านนักบุญว่าได้ยึดครองที่ดินโดยไม่จ่ายเงินค่าที่ดินให้เจ้าของ   นักบุญสตานิสเลาส์ ประกาศว่าท่านได้จ่ายเงินสำหรับที่ดินแล้ว   อย่างไรก็ตามพยานที่ควรจะปกป้องท่านได้รับการติดสินบนหรือถูกข่มขู่และพวกเขากลับใส่ความพระสังฆราชแทน ทำให้ท่านนักบุญถูกประณามว่าเป็นผู้โกงทรัพย์สินที่ดินและถูกตัดสินให้ชดใช้
 
เมื่อพระสังฆราชเห็นว่าไม่สามารถคาดหวังอะไรได้จากความยุติธรรมของมนุษย์ นักบุญสตานิสเลาส์จึงยกจิตใจขึ้นหาพระเจ้าและท่านได้รับแรงบันดาลใจอย่างฉับพลัน ท่านขอเวลาสามวันต่อศาล และสัญญาว่าจะทำให้ปีเตอร์ ไมล์ มาปรากฏตัวเพื่อที่เขาจะได้เป็นพยานถึงการซื้อและการชำระเงินตามกฎหมายสำหรับที่ดินนั้น
 
ท่านได้รับอนุญาติให้ยืดเวลาออกไปอีกสามวัน ท่านนักบุญได้ทำพลีกรรมอดอาหาร เฝ้าสวดภาวนาขอให้พระเจ้าทรงปกป้อง
 
ในวันที่สาม หลังจากประกอบพิธีมิสซา นักบุญสตานิสเลาส์พร้อมกับพระสงฆ์และผู้ซื่อสัตย์หลายคนก็เดินทางไปสถานที่ซึ่งได้มีการฝังศพของปีเตอร์ ไมลส์ ท่านออกคำสั่งให้เปิดหลุมฝังศพ ในโลงศพนั้นไม่มีอะไรนอกจากกระดูก ท่านสตานิสเลาส์สัมผัสกระดูกด้วยคทา และในพระนามของพระคริสต์ผู้ทรงกลับเป็นขึ้นมาจากความตายและผู้ทรงเป็นชีวิต ท่านนักบุญก็สั่งคนตายให้ลุกขึ้น

 
นักบุญสตานิสเลาส์ ปลุกคนตายให้ฟื้นคืนชีพ
เพื่อให้เขาเป็นพยานในศาลสู้คดีความกับดยุค Boleslaw
 
ทันใดนั้นกระดูกก็กลับมารวมกันอีกครั้ง เนื้อหนังก็มาปกคลุมกระดูกไว้ ต่อหน้าสายตาของคนทั้งหลายในที่นั้นที่จ้องมองด้วยความพิศวงงงงวย พวกเขาเห็นคนตายจับมือของพระสังฆราชและเดินไปที่ศาล ที่ซึ่งดยุค Boleslaw กับผู้พิพากษาในศาลและฝูงชนมากมายกำลังรอคอยผลลัพท์ด้วยความคาดหวังอย่างใจจดใจจ่อ
 
ท่านนักบุญพูดกับดยุค Boleslaw ว่า "เจ้าชาย , มองดูปีเตอร์เถิด.....เขามาแล้ว , เพื่อให้การเป็นพยานหลักฐานต่อหน้าพระองค์ จงสอบปากคำเขาเถิด เขาจะตอบพระองค์"
 
เป็นไปไม่ได้ที่จะอธิบายถึงความพิศวงและมึนงงของท่านดยุค ของบรรดาที่ปรึกษาและประชาชนทุกคน พวกเขาตกตะลึงในสิ่งที่ได้เห็น เป็นอัศจรรย์ที่เหนือคำบรรยาย
 
ปีเตอร์ยืนยันว่าเขาได้รับการจ่ายเงินสำหรับการขายที่ดินแล้ว จากนั้นเขาก็หันไปหาทายาท เขาตำหนิติเตียนทายาทที่กล่าวหามุขนายกของพระศาสนจักรผู้ทรงเกียรติผู้มีสิทธิที่จะได้รับความยุติธรรม จากนั้นเขาก็เตือนให้ทายาทเหล่านั้นสำนึกผิดกลับใจและทำกิจใช้โทษบาปสำหรับบาปหนักที่ได้ทำไปในครั้งนี้

ดังนั้น ความชั่วช้าที่เชื่อว่าตัวเองประสบความสำเร็จ จึงต้องพ่ายแพ้และเสียหน้า

นักบุญสตานิสเลาส์ปรารถนาให้อัศจรรย์ครั้งนี้เป็นการเทิดพระเกียรติของพระเจ้า ท่านจึงให้ข้อเสนอแก่ปีเตอร์ว่า ถ้าเขาประสงค์จะมีชีวิตอยู่ต่ออีกสักสองสามปี เขาก็จะได้รับสิ่งนั้นตามพระประสงค์ของพระเจ้า พระผู้ทรงฤทธานุภาพและไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพระองค์

ปีเตอร์กลับตอบว่าเขาไม่มีความปรารถนาดังกล่าวเลย เวลานี้เขาอยู่ในไฟชำระ และเขาอยากจะกลับไปที่นั่นทันที เพื่อรับความทุกข์ทรมานมากกว่าที่จะมีชีวิตเพียงชั่วคราวในโลกที่เสื่อมทรามนี้ เขาวิงวอนท่านนักบุญโปรดวอนขอต่อพระเจ้าให้ทรงเมตตาลดระยะเวลาแห่งความทุกข์ทรมานของเขาลงเพื่อที่เขาจะได้เข้าพำนักในสถานที่แห่งความบรมสุขได้เร็วขึ้น
 
หลังจากนั้น ท่านพระสังฆราชและฝูงชนมากมายก็เดินไปส่งปีเตอร์กลับไปยังที่ฝังศพของเขา ปีเตอร์นอนลงในที่ฝังศพ แล้วร่างกายของเขาก็หลุดเป็นชิ้น ๆ กระดูกกลับไปอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่พบครั้งแรก
 
เรามีเหตุผลที่เชื่อได้ว่านักบุญสตานิเลาส์ได้รับพระคุณการุณย์ที่อุทิศแก่ปีเตอร์ เพื่อปลดปล่อยวิญญาณของปีเตอร์ให้พ้นจากความทุกข์ทรมานของไฟชำระ
 
สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดในตัวอย่างนี้ก็คือการที่จิตวิญญาณของชายที่มาจากไฟชำระนี้ หลังจากที่ได้ประสบกับความทุกข์ทรมานมากที่สุดของไฟชำระแล้ว ก็ยังต้องการที่จะมีสภาพทุกข์ทรมานในไฟชำระมากกว่าที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ เหตุผลที่เขาแจ้งให้ทราบสำหรับการเลือกนี้ก็คือ การมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เราต้องเผชิญกับอันตรายที่จะต้องสูญเสียวิญญาณและได้รับการสาปแช่งชั่วนิรันดร์ .


หลายปีต่อมา นักบุญสตานิเลาส์ก็ถูกดยุค Boleslaw ตัดความสัมพันธ์
และพระองค์ทรงสังหารท่านนักบุญในขณะที่ท่านกำลังประกอบพิธีมิสซา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น