วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2561

คริสต์มาสครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อไร่?



พระคัมภีร์ไม่ได้บอกวันเดือนปีที่แน่นอนของการบังเกิดของพระเยซูเจ้า แต่ได้ให้เบาะแสบางอย่างกับเรา
 
25ธันวาคม เป็นวันที่คริสตชนเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซูคริสตเจ้ามาตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 หรือศตวรรษที่ 5 แต่นักวิชาการสงสัยว่าวันที่ทำการเฉลิมฉลองนั้นมีความถูกต้องหรือไม่ในทางประวัติศาสตร์ พระวรสารเองไม่ได้ระบุวันที่แน่นอน แต่ได้ให้เบาะแสบางอย่าง นักบุญลูกาให้ข้อมูลที่ดีที่สุดเกี่ยวกับการกำเนิดของพระเยซูเจ้าว่า
 
ครั้งนั้นพระจักรพรรดิออกัสตัสทรงออกพระราชกฤษฏีกาให้มีการสำรวจสำมะโนประชากรทั่วจักรวรรดิโรมัน การสำรวจสำมะโนประชากรครั้งแรกนี้ มีขึ้นเมื่อคีรีนีอัสเป็นผู้ว่าราชการแคว้นซีเรีย ทุกคนต่างไปลงทะเบียนในเมืองของตน โยเซฟออกเดินทางจากเมืองนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลีไปยังเมืองของกษัตริย์ดาวิดชื่อเบ็ธเลเฮมในแคว้นยูเดีย เพราะโยเซฟสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์กบัตริย์ดาวิด ท่านไปลงทะเบียนพร้อมกับพระนางมารีย์ซึ่งกำลังทรงพระครรภ์ ขณะที่อยู่ที่นั่นก็ถึงกำหนดเวลาที่พระนางมารีย์จะมีพระประสูติกาล พระนางประสูติพระโอรสองค์แรก ทรงใช้ผ้าพันพระวรกายพระกุมารนั้นแล้วทรงวางไว้ในรางหญ้า เนื่องจากไม่มีที่พักแรมเลย (ลูกา 2: 1-4,7)
 
จากข้อความนี้และความจริงที่ว่าคนเลี้ยงแกะออกไปพร้อมกับแกะในตอนกลางคืน นักวิชาการจึงลงความเห็นว่าเวลาของการประสูตินั้นอาจเป็นช่วง “ฤดูใบไม้ผลิ” ที่มีอาหารสำหรับเลี้ยงแกะ อย่างไรก็ตาม ในภูมิภาคนี้สามารถพบแกะได้ตลอดเวลาและตลอดทั้งปี หลักฐานนี้จึงไม่ได้ชี้ชัดถึงฤดูกาลเฉพาะที่แน่นอนของวันดังกล่าว
 
หลักฐานที่น่าทึ่งที่สุดคือดาวที่อยู่เหนือเบ็ธเลเฮม ในพระวรสารนักบุญมัทธิวกล่าวว่า นักปราชญ์จากตะวันออกมาถึงกรุงเยรูซาเล็ม พวกเขาถามประชาชนชาวอิสราเอลว่า “กษัตริย์ชาวยิวที่เพิ่งประสูติอยู่ที่ใด พวกเราได้เห็นดาวประจำพระองค์ขึ้น จึงพร้อมใจกันมาเพื่อนมัสการพระองค์'” ( มธ. 2: 1-2)
 
เมื่ออ้างอิงจากการศึกษาของ Colin J. Humphreys มีตัวเลือกที่แตกต่างกันหลายอย่างเมื่อเปรียบเทียบข้อมูลทางดาราศาสตร์กับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์
 
ถ้าหากดาวแห่งเบ็ธเลเฮมเป็นดาวหาง ก็จะมีปีที่เป็นไปได้อยู่ 3 ปีคือปีที่ 12, ปีที่ 5 และปีที่ 4 ก่อนคริสตกาล และโดยการใช้วันที่ที่ได้ระบุไว้แน่ชัดซึ่งกล่าวในพระวรสารว่า ในปีที่ 15 ของรัชสมัยจักรพรรดิทีเบเรียสซีซาร์ Tiberius Caesar (A.D. 28/29) พระเยซูเขจ้าทรงมีอายุ “ ประมาณ 30 ปี” [cf ลก 3] ดังนั้นปีที่ 12 ก่อนคริสตศักราช ก็จะเร็วเกินไปสำหรับวันเดือนปีเกิดของพระเยซูเจ้า เพราะ 28 ก่อน ค.ศ. พระองค์จะมีอายุ 40 ปี จึงตัดปีที่ 12 ก่อน ค.ศ. ออกไปได้   กษัตริย์เฮโรดมหาราชสิ้นพระชนม์ในฤดูใบไม้ผลิปีที่ 4 ก่อนคริสต์ศักราช แต่ยังมีชีวิตอยู่เมื่อพระเยซูเจ้าประสูติ จึงทำให้ปีที่ 4 ก่อนคริสต์ศักราชไม่น่าเป็นไปได้อีกเช่นเดียวกัน และถึงแม้ว่าจะเป็นไปได้ ตามบันทึกของชาวจีนก็ไม่ได้เล่าถึงดาวหางที่มีในปีที่ 4 ก่อน ค.ศ. จะมีบันทึกแต่ในปีที่ 5 ก่อน ค.ศ.เท่านั้น เพราะฉะนั้น Humphreys จึงคิดว่าน่าจะเป็นปีที่ 5 ก่อน ค.ศ. นี้เอง เพราะบันทึกของจีนบอกว่าในปีนั้นมีดาวหางปรากฏระหว่างวันที่ 9 มีนาคมถึง 6 เมษายนและกินเวลานานกว่า 70 วัน
 
เมื่อสรุปทุกสิ่งทุกอย่างเข้าด้วยกัน “Humphreys จึงระบุว่าพระเยซูเจ้าทรงประสูติระหว่างวันที่ 9 และ 4 พฤษภาคม ในปีที่ 5 ก่อนคริสตศักราช”
 
ถ้าหากดาวแห่งเบ็ธเลเฮมไม่ใช่ดาวหางล่ะ  นักดาราศาสตร์คนอื่น ๆ เช่น Dave Reneke กล่าวว่า “เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนในปีที่ 2 ก่อนคริสตศักราช ดาวศุกร์และดาวพฤหัสบดีเข้ามาอยู่ใกล้กันมาก และทำให้เกิดเป็น “แสงที่สว่างจ้า” บนท้องฟ้าในเวลากลางคืน  ซึ่งนั่นอาจจะเป็นดาวแห่งเบ็ธเลเฮม 
 
ไม่ว่านักดาราศาสตร์จะบอกอย่างไรก็ตาม บางคนก็ยังเชื่อว่าดาวเหนือเบธเลเฮมนั้นเป็น “สิ่งอัศจรรย์” และเป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ สิ่งนี้จะลบล้างข้อมูลก่อนหน้าใด ๆ ทำให้วันเดือนปีเกิดของพระคริสต์อาจเป็นวันใดก็ได้
 
ในท้ายที่สุดนี้ เป็นการแน่นอนว่า เราไม่มีทางรู้ว่าวันเดือนปีเกิดของพระเยซูเจ้าในมิติทางด้านนิรันดรภาพได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความเป็นจริงของการมาบังเกิดและวิธีที่พระคริสต์เสด็จมาบนโลกเพื่อนำความรอดมาให้เรานั้นเป็นเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงโลกและหวังว่าจะเปลี่ยนแปลงจิตใจของเราทุกครั้งที่เรามาเฉลิมฉลองในวันนี้ด้วย

************************

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น