วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2562

เจ้าชายฟิลิปและเจ้าหญิงอลิส แห่งราชวงศ์อังกฤษ

 
จากข่าวเจ้าชายฟิลิป พระสวามีของควีนอลิซาเบ็ธได้สิ้นพระชนม์ เราจึงขอนำเสนอเรื่องราวชีวิตของพระองค์โดยสังเขป
 
เจ้าชายฟิลิปแห่งกรีซประสูติเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 1921 ที่เกาะคอร์ฟู พระบิดาคือเจ้าชายแอนดรูว์แห่งกรีซ พระโอรสในกษัตริย์จอร์จที่หนึ่งแห่งกรีซ ส่วนพระมารดาคือเจ้าหญิงอลิซแห่งแบตเทนเบิร์ก พี่สาวของลอร์ด หลุยส์ เมาท์แบตเทน เอิร์ลเมาท์แบตเทนที่หนึ่งแห่งพม่า
 
หลังเกิดเหตุปฏิวัติในกรีซเมื่อปี 1922 พระบิดาของเจ้าชายฟิลิปทรงถูกเนรเทศและจำต้องเสด็จลี้ภัยไปประทับยังฝรั่งเศส เล่ากันว่าพระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักรซึ่งเป็นพระญาติ ได้ส่งเรือรบอังกฤษมารับพระราชวงศ์กรีซเพื่อนำเสด็จออกนอกประเทศ โดยในครั้งนั้นเจ้าชายฟิลิปซึ่งยังทรงเป็นทารกต้องบรรทมมาในกล่องที่ใช้บรรจุส้มตลอดเส้นทาง
 
เจ้าชายฟิลิปทรงเริ่มเข้ารับการศึกษาในวัยเยาว์ที่ฝรั่งเศส แต่เมื่อพระชนมายุได้ 7 ชันษา ทรงย้ายมาประทับที่สหราชอาณาจักรภายใต้การดูแลของพระญาติฝ่ายพระมารดาที่หันมาใช้นามสกุลเป็นแบบอังกฤษว่า "เมาท์แบตเทน" ต่อมาทรงเข้าศึกษาที่โรงเรียนประจำกอร์ดอนสตูนในสกอตแลนด์ ซึ่งขึ้นชื่อว่ามีความเข้มงวดและเน้นการฝึกฝนให้นักเรียนมีนิสัยเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้ นับว่าเหมาะกับเจ้าชายฟิลิปซึ่งในขณะนั้นทรงต้องแยกจากพระบิดาและพระมารดา ทั้งต้องทรงอยู่อย่างโดดเดี่ยวด้วยพระองค์เองเป็นส่วนใหญ่
 
ขณะที่สงครามโลกครั้งที่สองกำลังจะปะทุขึ้น เจ้าชายฟิลิปได้ตัดสินพระทัยที่จะดำเนินรอยตามพระญาติทางฝ่ายพระมารดาหลายพระองค์ในเส้นทางอาชีพทหารเรือ โดยทรงเข้าศึกษาที่วิทยาลัยราชนาวีบริแทนเนียในเมืองดาร์ตมัธ ซึ่งที่แห่งนี้เองได้ทำให้พระองค์ทรงมีโอกาสเฝ้ารับเสด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 รวมทั้งพระราชธิดาพระองค์โตคือเจ้าหญิงเอลิซาเบธในวัย 13 พรรษา โดยเจ้าชายฟิลิปทรงเป็นผู้นำเสด็จเจ้าหญิงเอลิซาเบธทอดพระเนตรทั่วบริเวณวิทยาลัย ซึ่งได้สร้างความประทับใจแก่เจ้าหญิงผู้ทรงเป็นรัชทายาทอย่างยิ่ง
 
ในระหว่างที่เจ้าชายฟิลิปทรงประจำการในกองทัพเรือนั้น พระองค์และเจ้าหญิงเอลิซาเบธได้มีพระหัตถเลขาถึงกันอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองพระองค์คืบหน้าไปจนถึงขั้นที่เจ้าชายฟิลิปทรงได้รับเชิญให้เสด็จประทับร่วมกับพระบรมวงศานุวงศ์ในหลายโอกาส แม้จะมีข้าราชสำนักบางคนแสดงความไม่พอใจ เนื่องจากเห็นว่าเจ้าชายฟิลิปนั้นมีพระอุปนิสัยโผงผางและทรงไม่สงบเสงี่ยมเรียบร้อยนัก
 
อย่างไรก็ตาม เจ้าชายฟิลิปได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากพระเจ้าจอร์จที่ 6 เพื่ออภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเอลิซาเบธได้ในที่สุด โดยก่อนที่ทั้งสองพระองค์จะได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสที่วิหารเวสต์มินสเตอร์ ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 1947 นั้น เจ้าชายฟิลิปต้องทรงสละสัญชาติกรีซและพระฐานันดรในราชวงศ์กรีซเสียก่อน เพื่อทรงเข้าเป็นพลเมืองอังกฤษ โดยในตอนแรกทรงใช้นามสกุล "เมาท์แบตเทน" ตามพระญาติฝ่ายพระมารดา แต่ก่อนวันอภิเษกสมรสหนึ่งวัน พระเจ้าจอร์จที่ 6 ได้พระราชทานพระยศ His Royal Highness แก่เจ้าชายฟิลิป และทรงแต่งตั้งให้เป็นดยุคแห่งเอดินบะระ เอิร์ลแห่งเมอเรียนเนธและบารอนกรีนิช ในวันต่อมา
 
*****
 
ส่วนเรื่องราวของพระมารดาของเจ้าชายฟิลิป คือ เจ้าหญิงอลิส แห่งราชวงศ์อังกฤษ เธอเป็นเจ้าหญิงที่สวยงามที่สุดในยุโรปและมีประวัติชีวิตที่น่าสนใจมาก
 


เจ้าหญิงอลิส แห่งราชวงศ์อังกฤษ ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าหญิงที่สวยงามที่สุดในบรรดาเจ้าหญิงทั้งหมดของยุโรปในสมัยนั้น เธอเป็นเหลนของราชินีวิคตอเรีย แต่เธอหูหนวกโดยกำเนิด เมื่อได้เรียนการอ่านริมฝีปากในวัยเด็ก จึงทำให้เธอสามารถพูดได้สองภาษาคือ ภาษาอังกฤษและเยอรมัน
 
เมื่ออายุ 17 ปีเธอแต่งงานกับเจ้าชายแอนดรูแห่งกรีซและย้ายไปพำนักอยู่ที่กรุงเอเธนส์ ในกรีซ  ทั้งสองมีลูกสาว 4 คน และลูกชายอีก 1 คนคือเจ้าชายฟิลิปซึ่งเมื่อโตขึ้นได้แต่งงานกับราชินีอลิซาเบ็ธแห่งอังกฤษ อย่างไรก็ดี ชีวิตสมรสไม่ค่อยราบรื่นเพราะสามีเป็นหนุ่มเพลย์บอยจึงไม่ให้เวลากับครอบครัวมากนัก   อลิสได้เปลี่ยนนิกายที่นับถือเป็นกรีกออร์โธดอกซ์ ซึ่งทำให้เธอมีจิตใจที่เข้มแข็ง เธอมีความศรัทธามากและวันหนึ่งเธอบอกผู้คนว่าเธอได้รับสาส์นบางอย่างจากสวรรค์ แต่พวกเขากลับหาว่าเธอเสียสติไป  ปี 1930 เธอมีอาการทางประสาทและถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลโรคจิตที่สวิส ฟิลิปลูกชายเวลานั้นอายุ 9 ขวบกลับมาจากไปปิคนิคต้องพบว่าแม่ถูกนำตัวไปแล้ว อลิสพยายามจะหนีจากโรงพยาบาลแต่ไม่สำเร็จ เธอติดอยู่ที่นั่นนานเกือบสามปี เพราะเหตุนี้เธอจึงไม่ได้ไปร่วมงานแต่งงานของลูกสาวทั้งสี่คนของเธอ 
 
เมื่อเธอถูกปล่อยตัวกลับมาที่กรีซ เธอไปอยู่ในอพาร์ตเมนท์เล็กๆแห่งหนึ่ง นาซึเข้ายึดครองเอเธนส์ในปี 1941 อลิสช่วยเหลือเด็กกำพร้าหลายคน เลี้ยงดูให้อาหารและที่พักแก่พวกเขา ปี 1942 นาซีควานหาชาวยิวเพื่อส่งไปที่ค่ายกักกัน อลิสมีเพื่อนสนิทชื่อ ราเชล โคเฮน สามีของเขา(ที่เสียชีวิตแล้ว)เป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์กรีซ อลิสให้ที่หลบซ่อนแก่ราเชลลูกๆและครอบครัวนานปีกว่าเพื่อให้พ้นจากพวกนาซี เมื่อพวกนาซีมาถาม อลิสใช้อาการที่หูหนวกของเธอเลี่ยงที่จะตอบคำถามของทหารนาซี ช่วยทำให้รอดพ้นจากการตรวจสอบ 
 
หลังสงคราม อลิส บวชเป็นแม่ชีและก่อตั้งคณะของตนเอง เธอย้ายไปอยู่บริเวณที่ยากจนที่สุดของเอเธนส์เพื่อช่วยเหลือคนยากจนและช่วยเด็กกำพร้าที่ไร้บ้าน 
 
ในปี 1967 อลิสออกจากเอเธนส์ไปอยู่กับฟิลิปลูกชายและภรรยา (ราชินีอลิซาเบ็ธที่ 2) ที่วังบักกิงแฮมส์ในอังกฤษ อลิสเสียชีวิตในปี 1969 โดยไม่มีทรัพย์สมบัติเพราะได้ให้แก่คนยากจนหมดแล้ว ความต้องการสุดท้ายของอลิสคือให้ฝังศพของเธอที่กรุงเยรูซาเล็ม แต่พวกเขาฝังเธอที่อังกฤษในสุสานของพระราชวงศ์ 
 
ในปี 1988 ความปรารถนาของอลิสก็สัมฤทธ์ผล ศพของเธอถูกย้ายไปฝังที่ภูเขามะกอกในกรุงเยรูซาเล็ม อลิสเป็นบุคคลในพระราชวงศ์อังกฤษเพียงคนเดียวที่ได้รับเกียรติจากอนุสรณ์สถานระลึกถึงการฆ้าล้างเผ่าพันธ์ชาวยิว ยาด วาดเช็ม ของอิสราเอล ให้เป็น “ผู้ทรงคุณธรรมของนานาชาติ” ปี 2018 เจ้าชายวิลเลียม ได้ไปแสวงบุญที่อิสราเอลและได้ไปเยี่ยมที่ฝังศพของคุณย่าทวดของพระองค์ 

********************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น