Natural Revelation
"ตั้งแต่เมื่อทรงสร้างโลก คุณลักษณะที่ไม่อาจแลเห็นได้ของพระเจ้า คือพระอานุภาพนิรันดรและพระเทวภาพของพระองค์ ได้ปรากฏอย่างชัดเจนแก่ปัญญามนุษย์ในสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมา ดังนั้นคนเหล่านั้นจึงไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ" (โรม 1: 20 )
พระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งเพื่อ "ประกาศ" และ "เผยแสดง" พระคุณลักษณะของพระองค์ให้ประจักษ์แก่สายตาของมนุษย์ พระองค์ทรงทำให้สิ่งสร้างทั้งหลายเป็นประจักษ์พยานอันชัดเจนของพระอานุภาพของพระองค์ ซึ่งเรามนุษย์สามารถเข้าใจได้ “แต่ถ้าหากเรายังไม่ยอมรับหรือทำเป็นไม่เข้าใจนั่นก็เท่ากับเราเป็นปฏิปักษ์ต่อความจริง” (โรม 1:21-25).
การเนรมิตสร้างสรรพสิ่งเป็นการประกาศถึงความยิ่งใหญ่ของพระเป็นเจ้า “กฏเกณฑ์ของพระองค์นั้นสมบูรณ์.....พยานยืนยันก็มั่นคง...พื้นฐานของพระเจ้าก็เที่ยงธรรม" (สภษ. 19:7-8). การเนรมิตสร้างสรรพสิ่งอธิบายบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับพระคุณลักษณะของพระเป็นเจ้า “แต่พระวาจาที่ไขแสดงในพระคัมภีร์นี้มีไว้เพื่อให้แรงบันดาลใจแก่เราด้วย นอกเหนือจากการอธิบาย การสั่งสอนและการวางกฏเกณฑ์” (God-breathed, 2 ทิโมธี 3:16-17).
การเผยแสดงของพระเป็นเจ้าในธรรมชาติ เป็นความจริงที่ประจักษ์แก่ตามนุษย์ผู้ซึ่งมีขอบเขตความสามารถและสติปัญญาอันจำกัด ดังนั้นพระคัมภีร์จึงกล่าวอย่างง่ายๆว่าพระเป็นเจ้าทรง "ระบายลมหายใจเข้าไปในร่างของมนุษย์" เราสามารถเข้าใจเหตุการณ์ของการเนรมิตสร้างได้จากการไขแสดงจากพระเป็นเจ้า ไม่ใช่จากการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ไม่สามารถเนรมิตสร้างแบบเดียวกับที่พระเป็นเจ้าทรงกระทำ มนุษย์ทำได้เพียงศึกษาและอธิบายบางสิ่งบางอย่าง (2 เปโตร 3:8-9).
การเล่าเรื่องของการเนรมิตสร้างของพระเป็นเจ้า ก็เป็นการเล่าเรื่องเกี่ยวกับองค์พระผู้ไถ่เช่นเดียวกัน
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นทั้งพระผู้สร้างและพระผู้ไถ่ ตามที่นักบุญยอห์นได้นิพนธ์ในจดหมาย ยอห์น 1:1-14, โคโลสี 1:16-19, และ ฮีบรู 1:1-3 ท่านประกาศว่า พระเยซูเจ้าคือ พระวจนาตถ์ที่มารับเอาเนื้อหนัง และพระองค์ทรงเป็นพระเป็นเจ้าและพระผู้สร้าง สิ่งที่เผยแสดงแก่เราเกี่ยวกับพระลักษณะของพระผู้สร้างก็บ่งบอกถึงพระลักษณะของพระผู้ไถ่ด้วย พระคัมภีร์ชี้แนะเราให้ "นมัสการพระองค์ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดิน ท้องทะเลและน้ำพุ" (วิวรณ์ 14:7).
พระธรรมล้ำลึกแห่งการเนรมิตสร้างไม่สามารถแยกจากพระธรรมล้ำลึกแห่งการไถ่กู้ให้รอด ด้วยพระฤทธานุภาพ, พระสัพพัญญูญาณ และการสถิตในทุกแห่ง ขององค์พระผู้สร้าง เท่านั้นที่บันดาลให้งานแห่งการไถ่กู้สัมฤทธ์ผล ณ.เขากัลวารีโอ บันดาลให้สรรพสิ่งกลับคืนดีและประสานกับน้ำพระทัยเมตตาอันไม่มีที่สิ้นสุดและพระประสงค์ขององค์พระผู้สร้าง - พระผู้ไถ่ ตลอดนิรันดร
เนื่องด้วยพระคัมภีร์ได้เผยแสดงให้ทราบว่า การเนรมิตสร้างเป็นการเปิดเผยพระคุณลักษณะขององค์พระผู้สร้าง และพระสัมพันธภาพอันไม่อาจแยกจากได้ขององค์พระบิดา พระบุตร และพระจิต การเปิดเผยนั้นย่อมไม่ขัดกันกับสิ่งสร้าง หรือ สาส์นในพระคัมภีร์ย่อมไม่ขัดแย้งกับสาส์นที่มีอยู่ในการเนรมิตสร้าง ด้วยเหตุว่า "พระเป็นเจ้าไม่ทรงตรัสเท็จ" (ทิตัส 1:2)-- ทั้งโดยพระวาจาและโดยพระกิจการ
การเนรมิตสร้างเป็นรากฐานที่นำไปสู่การมองโลกตามแบบพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ได้แสดงให้เรารู้ทุกสิ่งรวมทั้ง "พระประสงค์ทุกประการของพระเป็นเจ้า" (กิจการ 20:27) มุมมองตามแบบอย่างของโลกนั้นตรงกันข้ามอย่างชัดเจนกับขององค์พระผู้สร้าง เพราะมันไม่รับรู้อะไรเกี่ยวกับความสำคัญจำเป็นของการไถ่กู้นิรันดรของพระเป็นเจ้า มันพูดถึงแต่ความต้องการของตัวเองในลักษณะของอัตวิสัยเท่านั้น ลัทธิธรรมชาตินิยมโดยแก่นแท้แล้วเป็นการไม่เชื่อในพระเป็นเจ้า หากแต่เชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการซึ่งอธิบายเรื่องราวการกำเนิดของมนุษย์โดยปราศจากพระเป็นเจ้า
ด้วยเหตุนี้ เราจึงเป็นผู้ที่ได้รับสิทธิพิเศษอันสูงสุดที่ได้เป็น "เอกอัครราชทูตของพระคริสต์" (2 โครินทร์ 5:20) เราจึงต้องมั่นใจว่าการสั่งสอนของเราเกี่ยวกับ การเนรมิตสร้าง , อำนาจที่ทรงประทานให้, การตกต่ำของมนุษย์ และแผนการณ์แห่งการไถ่กู้ให้รอด นั้นถูกต้องแน่นอนเท่าที่จิตใจมนุษย์จะสามารถซึมซับความรู้นี้ได้ โดยอาศัยการนำทางและการยอมรับในพระวาจาขององค์พระผู้สร้างที่ทรงเผยแสดงแก่เรา
By - Henry Morris III, D.Min
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น