วันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2562

ผู้น่าเคารพ คอนชีต้าและสาส์นของพระเยซูเจ้า



วันที่ 20 ธันวาคม 1999 พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ทรงประกาศให้ คาเบรร่า เดอ อาร์มิดา (หรือ คอนชิตา) เป็นผู้น่าเคารพ Cabrera de Armida (Conchita) (1862-1937), เธอเกิดที่เม็กซิโก ในครอบครัวคาทอลิกที่ศรัทธา เธอแต่งงานและมีลูก 9 คน เธอเป็นผู้ก่อตั้งคณะ The Works of the Cross และเธอยังเป็นผู้ได้รับพรพิเศษที่ยิ่งใหญ่ของพระศาสนจักรเม็กซิกัน ด้วย
 
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงรับรองอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นโดยผ่านทางการวิงวอนขอของ Venerable Conchita Cabrera ซึ่งจะทำให้เธอได้รับการประกาศเป็นบุญราศีในเดือนพฤษภาคม 2019 นี้ ที่เม็กซิโกซิตี้ การประชุมเพื่อพระสงฆ์ที่กรุงโรมในปี 2017 ได้แถลงเป็นข้อเขียนว่า “ในอนาคต เธอจะมีความสำคัญยิ่งใหญ่สำหรับพระศาสนจักรทั้งมวล ความเอาใจใส่เยี่ยงมารดาฝ่ายจิตวิญญาณของเธอเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของพระสงฆ์เป็นสิ่งที่เธอใส่ใจตลอดเวลา แม้จนถึงเวลาที่เธอเสียชีวิตด้วยอายุ 75 ปี”
 
เธอใช้เวลาเฝ้าศีลมหาสนิทนานนับชั่วโมง เธอได้รับสาส์นจากพระเยซูเจ้าเกี่ยวกับสถานภาพพระสงฆ์(สังฆภาพ) พระศาสนจักรได้รับรองสาส์นเหล่านี้แล้ว และยังได้จัดทำเป็นหนังสือเล่มเล็กซึ่งให้ความรู้เกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของพระสงฆ์และชีวิตเยี่ยงมารดาฝ่ายจิตของพระสงฆ์( Spiritual maternity of clergy) สาส์นที่คอนชิตาได้รับจากพระเยซูเจ้านี้ถูกพิมพ์เผยแพร่ไปอย่างกว้างขวาง
 
การมีชิวิตเยี่ยงมารดาฝ่ายจิตของพระสงฆ์เป็นประเพณีที่มีอยู่ในพระศาสนจักรเป็นเวลานานและปรากฏอยู่ในสิ่งพิมพ์ของพระสงฆ์ (ตั้งแต่ปี 2007, 2013) ทำไมจึงต้องเป็นมารดาฝ่ายจิต? ซึ่งหมายถึงความเป็นมารดาของวิญญาณ, โดยเฉพาะอย่างยิ่งจิตวิญญาณของพระสงฆ์และนักบวช คำว่า “มารดา” ในที่นี้หมายถึงผู้ที่ทำงานให้กำเนิด พระเจ้าทรงเชื้อเชิญสตรีทั้งหลายให้ทำงานเพื่อให้กำเนิดชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ,เพื่อให้เกิดพระหรรษทานในวิญญาณพระสงฆ์และในพันธกิจของพระสงฆ์ทั้งหลายที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระคริสต์
 
ความเป็นมารดาฝ่ายวิญญาณที่แท้จริงนั้นได้รับมาจากชีวิตและดวงพระทัยของพระนางพรหมจารีย์มารีย์ ผู้ทรงเป็นมารดาของพระสงฆ์ทุกคน หลังจากที่พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสู่สวรรค์แล้ว บรรดาอัครสาวกและพระศาสนจักรยุคแรกถือว่าพระมารดาของพระเยซูเจ้าทรงเป็นมารดาฝ่ายจิตวิญญาณที่พวกเขารักยิ่ง คำว่ามารดาฝ่ายวิญญาณมีความหมายมากกว่าการเป็นมิตรสหายฝ่ายจิตวิญญาณเพราะเป็นการให้กำเนิดของพระหรรษทานที่จะได้รับโดยการอธิษฐานภาวนาและการพลีกรรม ดังที่พระเยซูทรงบอกกับคอนชิตาว่า “พระมารดาของเราไม่เคยหยุดที่จะอุทิศถวายดวงพระทัยแห่งมารดาของพระนางเพื่อพระประสงค์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระบิดาผู้น่ารักยิ่ง”
 
Ven. Concepcion Cabrera de Armida (Conchita)
 
พระคริสต์ตรัสกับคอนชิตาเกี่ยวกับพระทัยจดจ่อของพระมารดามารีย์ที่มีต่อความศักดิ์สิทธิ์ของพระสงฆ์และนักบวช:“พระแม่ทรงถูกเลือกจากบรรดาสตรีทั้งมวลเพื่อให้การมาบังเกิดขององค์พระวจนาตถ์ของพระเจ้าจะสัมฤทธ์ผลในพระครรภ์พรหมจรรย์ของพระนาง จากช่วงเวลานั้นเป็นต้นมา พระมารดาพรหมจารีย์ผู้นิรมลมิได้ทรงหยุดที่จะมอบถวายเราแด่พระบิดาในฐานะพระผู้ที่ยอมรับความทุกข์ทรมานที่มาจากสวรรค์เพื่อช่วยโลกให้รอด
 
พระนางทรงอุทิศดวงพระทัยเยี่ยงมารดาแด่พระประสงค์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระบิดาน่ารักยิ่ง ยัญบูชาของเราบนไม้กางเขนและยัญบูชาที่เกิดในดวงพระทัยของพระนางเป็นยัญบูชาหนึ่งเดียวกัน และยังคงดำเนินต่อมาอย่างต่อเนื่องในมรณะสักขีแห่งความโดดเดี่ยวของพระนาง , ในมรณะสักขีแห่งความทรงจำของพระนาง , และในความทุกข์ที่พระนางทรงมอบถวายเป็นหนึ่งเดียวกับเราต่อพระบิดานิรันดร “
 
พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยแก่คอนชิตาถึงบทบาทที่สำคัญยิ่งของพระสงฆ์และนักบวชสำหรับโลกและความจำเป็นสำหรับการเป็นมารดาฝ่ายวิญญาณของพระสงฆ์และนักบวชทั้งหลาย
 
“มีวิญญาณมากมายที่ได้รับศีลเจิมบวชเป็นพระสงฆ์ อย่างไรก็ตามยังมีวิญญาณเยี่ยงพระสงฆ์อีกมากมายที่ไม่ได้รับศักดิ์ศรีหรือได้รับการบวชเป็นพระสงฆ์ แต่พวกเขาได้ทำภารกิจพระสงฆ์ พวกเขาเสนอตัวเองเป็นหนึ่งเดียวกันกับเรา…. วิญญาณเหล่านี้ช่วยเหลือพระศาสนจักรในวิธีทางจิตวิญญาณที่ทรงพลังมาก…. ลูกจะเป็นแม่ของบรรดาบุตรฝ่ายวิญญาณจำนวนมาก แต่พวกเขาจะต้องพึ่งพาน้ำใจของลูกเป็นอย่างมากเทียบเท่ากับความตายของมรณะสักขีหนึ่งพันคน
 
เราต้องการให้แรงกระตุ้นอันมีพลังแก่พระศาสนจักรของเรา เราจะประทานพระจิตเจ้าลงมาเหนือพระสงฆ์ของเราเหมือนกับเป็นวันพระจิตตาคมครั้งใหม่ (new Pentecost) พระศาสนจักรและโลกต้องการพระจิตตาคมครั้งใหม่นี้ พระจิตตาคมของพระสงฆ์ พระจิตตาคมภายในวิญญาณ เราจะมอบมรณะสักขีที่แตกต่างออกไปให้แก่ลูก ลูกจะได้รับความทุกข์จากสิ่งที่บรรดาพระสงฆ์กระทำการขัดสู้เรา ลูกจะประสบรับรู้และจะถวายความไม่ซื่อสัตย์, ความอัปยศของพวกเขา” (Venerable Conchita quoted by Kathleen Beckman, Praying for Priests, Sophia Press, 2018)
 
ชีวิตในความศรัทธาต่อศีลมหาสนิทของคอนชิตา เป็นแบบอย่างที่ดีเยี่ยม การอธิษฐานภาวนาอย่างสุดจิตใจและการพลีกรรมโดยไม่เห็นแก่ตัวเพื่อความศักดิ์สิทธิ์ของพระสงฆ์นักบวชเป็นผลพวงจากความเป็นหนึ่งเดียวกันกับศีลมหาสนิทของพระผู้ทรงเป็นสมณะสูงสุดนิรันดร การอธิษฐานภาวนาเพื่อความศักดิ์สิทธิ์และเพื่อปกป้องคุ้มครองพระสงฆ์ ทั้งวอนขอให้การอภิบาลของพวกท่านประสบผลสำเร็จนั้นต้องเป็นการอธิษฐานภาวนาเช่นเดียวกับของพระนางมารีย์ คือการดำเนินชีวิตในศีลมหาสนิทเช่นเดียวกับที่พระนางมารีย์ทรงกระทำ
 
มารดาฝ่ายวิญญาณของพระสงฆ์นักบวชนับไม่ถ้วน
 
การดำเนินชีวิตอยู่ในครอบครัว การติดตรึงที่ไม้กางเขน การมีใจจดจ่ออยู่กับศีลมหาสนิท ทำให้ชีวิตของคอนชิตา เป็นเรื่องธรรมดาในวิถีชีวิตปกติที่มีพระคริสต์อยู่ด้วยตลอดเวลา ต่อไปนี้เป็นบันทึกจากสมุดบันทึกทางวิญญาณของเธอที่เผยให้เห็นว่าชีวิตครอบครัวธรรมดาเป็นตัวเร่งสำหรับการมีส่วนร่วมกับพระคริสต์ที่ทำให้ทุกสิ่งเป็นไปได้
 
ในฐานะภรรยา:“ ดิฉันจำได้ว่าก่อนงานแต่งงาน เมื่อตอนที่ทำขนมปังอยู่ ดิฉันมีความคิดที่จะถามเขา ผู้เป็นสามีของดิฉัน เพื่อให้เขาสัญญาว่าจะทำสองสิ่งให้ดิฉัน คืออนุญาตให้ดิฉันรับศีลมหาสนิททุกวันและอย่าอิจฉา และเขาช่างเป็นคนที่น้ำใจดีมาก หลายปีทีเดียวที่เขาอยู่บ้านกับลูกๆรอให้ดิฉันกลับมาจากโบสถ์ แม้แต่ในช่วงที่เขาเจ็บป่วยครั้งสุดท้าย เขาถามดิฉันว่าดิฉันได้ไปรับองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราหรือไม่ พระเจ้าจะต้องให้รางวัลแก่เขาอย่างแน่นอนสำหรับความดีนี้ซึ่งเขาได้ทำมาทั้งชีวิตของเขา” (M.M. Philipon, O. P., Conchita: A Mother’s Spiritual Diary, Albahouse.org, pg. 16)
 
ในฐานะมารดา “ดิฉันหวังว่าพระเจ้าจะทรงประทานลูกสาวแก่ดิฉันและประทานลูกชายไม่มากนัก ดิฉันมีลูกชายสามคนติดต่อกัน ต่อจากนั้นพระเยซูเจ้าทรงส่งเธอ(ลูกสาว)มาให้ดิฉันเพื่อพระองค์เอง ทรงแยกเธอไปเพื่อพระองค์ เธอชื่อมาเรีย เดอลา คอนเซปชั่น ดิฉันมอบถวายเธอต่อพระเจ้าทันทีด้วยสิ้นสุดใจของดิฉัน เพื่อที่เธอจะได้เป็นของพระองค์ทั้งหมด ดิฉันรักษาเธอไว้จนกว่าเธอจะถวายตนเองทั้งครบแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า ดิฉันได้บอกเธอในภายหลังในหลายปีต่อมาเมื่อเธอเจ็บป่วยด้วยไข้ไทฟอยด์เป็นเวลาสี่สิบวัน และชีวิตของเธอแขวนอยู่ระหว่างความเป็นและความตาย การรับศีลมหาสนิทครั้งแรกของเธอคือการมอบถวายครั้งแรก ดิฉันมอบเธอแด่พระเยซูเจ้าเพื่อเป็นดังหน่อที่เกิดขึ้นในสวรรค์หากนั่นเป็นพระประสงค์ของพระองค์” (M.M. Philipon, O. P., Conchita: A Mother’s Spiritual Diary, Albahouse.org pg. 21)
 
ในฐานะญาติมิตร “พระเยซูเจ้าทรงให้ดิฉันผ่านความอัปยศอดสูและความเจ็บปวดโดยผ่านทางพี่สะใภ้ของดิฉัน พระองค์ทรงประสงค์จะให้ดิฉันปรากฏต่อหน้าพวกเขาเป็นคนที่ไร้ประโยชน์และไม่น่าพอใจ ไม่ว่าดิฉันจะทำอะไรสิ่งนั้นก็ไม่เป็นที่พอใจของพวกเขา สิ่งนี้ดำเนินไปเป็นเวลาหลายปี แต่ด้วยพระหรรษทานของพระเจ้า ดิฉันก็สามารถควบคุมตัวเองได้ สิ่งนี้ส่งผลให้ดิฉันสามารถลืมตนเอง และทำให้ดิฉันตระหนักว่าดิฉันไม่สามารถทำอะไรได้เลยทั้งในความสัมพันธ์กับผู้อื่นและตัวดิฉันเอง” . (M.M. Philipon, O. P., Conchita: A Mother’s Spiritual Diary, Albahouse.org pg. 21)
 
ในฐานะมารดาฝ่ายวิญญาณต่อพระสงฆ์ “จงถวายตัวลูกเองเป็นเครื่องบูชาเพื่อพระสงฆ์ จงรวมการถวายของลูกเข้ากับการถวายของเราเพื่อรับพระหรรษทานสำหรับพวกเขา .... เราต้องการกลับมาที่โลกนี้อีกครั้ง ... ในบรรดาพระสงฆ์ของเรา เราต้องการสร้างโลกขึ้นใหม่ด้วยการเปิดเผยตัวเราเองโดยผ่านทางพระสงฆ์”
 
ผู้ได้รับพรพิเศษ (Mystic)
 
พระเยซูเจ้าทรงบอกดิฉันว่า “โลกถูกฝังอยู่ในราคะตัณหา ไม่มีความรักที่เสียสละอีกต่อไปและผู้คนไม่รู้จักความอ่อนหวานอีกต่อไป เราปรารถนาให้กางเขนครองราชย์ ทุกวันนี้กางเขนถูกเสนอต่อโลกโดยดวงพระทัยของเรา เพื่อที่ว่าจะได้นำพาวิญญาณให้อุทิศตนเอง ความรักที่แท้จริงไม่อาจมีได้โดยไม่มีการอุทิศตนเอง มีเพียงความรักที่อยู่ในดวงพระทัยที่ถูกตรึงของเราเท่านั้นที่จะได้ลิ้มรสความอ่อนหวานแห่งดวงพระทัยของเราที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เมื่อมองไม้กางเขนจากภายนอกดูเหมือนขมขื่นและน่าเศร้า แต่ทันทีที่ได้สัมผัสลิ้มรส ความอ่อนหวานก็จะแทรกซึมและให้ความหวานที่น่าพอใจไม่มีอะไรเทียบได้ เพราะในนั้นคือการพักผ่อนของวิญญาณ ให้ความรักอันดื่มด่ำ ในนั้นคือความปิติยินดี คือชีวิต” (Auto. 1,216-218).
 
ภารกิจของเธอในพระศาสนจักรคือ “เพนเตคอสต์ ใหม่ผ่านทางไม้กางเขน”
 
คอนชิตาเป็นผู้ก่อตั้งคณะ The Works of the Cross เธอยืนยันว่า “การเป็นภรรยาและมารดาไม่เป็นอุปสรรคต่อชีวิตฝ่ายจิตของดิฉันเลย” ในการสนทนาครั้งสุดท้ายกับสามีของเธอเมื่อเขาป่วยหนัก เธอถามเขาว่า “ความปรารถนาครั้งสุดท้ายของคุณต่อดิฉันคืออะไร?” เขาตอบว่า“ คือการที่คุณมอบตนเองทั้งครบแด่พระเจ้าและอุทิศตนให้กับลูกๆอย่างเต็มที่” พระเยซูเจ้าตรัสกับเธอในวันหนึ่งว่า:“ลูกแต่งงานด้วยแผนการณ์ยิ่งใหญ่ของเราเพื่อความศักดิ์สิทธิ์ของลูกโดยส่วนตัวและเพื่อเป็นแบบอย่างให้กับวิญญาณหลายคนที่คิดว่าการแต่งงานไปด้วยกันไม่ได้กับความศักดิ์สิทธิ์”
 
พระหรรษทานลึกลับที่ประเสริฐที่สุดซึ่งพระอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิญญาณทรงอธิบายนั้นไม่จำกัดสิทธิ์เฉพาะวิญญาณที่ถวายตัวแด่พระเจ้า, คือพระสงฆ์หรือนักบวชเท่านั้น พระหรรษทานนี้ถูกมอบให้แก่คริสตชนทุกคนไม่ว่าพวกเขาจะมีชีวิตในสถานะภาพใด สังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนเช่นที่กล่าวมานี้ (อ้างอิง cf. ch. V, especially #40, Lumen Gentium) คอนชิตาซึ่งเป็นเครื่องมือของพระเจ้า มีภารกิจสำหรับโลกปัจจุบัน (เรียนรู้เพิ่มเติม: www.foundationforpriests.org)ในเดือนพฤษภาคมปี 2019 ในเม็กซิโกซิตี้ คอนชิต้าจะได้รับการประกาศให้เป็นบุญราศีโดยพระสันตะปาปาฟรังซิส  หลังจากการอ่านพระวรสารเสร็จสิ้นแล้ว ขอให้เราอธิษฐานภาวนาให้ ”เพนเตคอสต์ใหม่ผ่านทางกางเขน” มาถึงโดยเร็ว
 
ต่อไปนี้เป็นข้อความจากบันทึกของคอนชิตา พระเยซูเจ้าทรงอธิบายความสัมพันธ์ของสถานะพระสงฆ์กับสามพระบุคคล(พระตรีเอกภาพ) และพระแม่มารีย์
 
1. พระบิดาทรงทอดพระเนตรพระสงฆ์ขององค์พระบุตร
 
"พระบิดาทรงอุทิศถวายพระสงฆ์แด่พระจิตเจ้าชั่วนิรันดร เพราะเรา – องค์พระบุตร – มีชัยชนะได้รับพวกเขามาโดยความดีไม่มีที่สิ้นสุดของเรา เพราะพระจิตเจ้าทรงชื่นชมยินดี เมื่อทรงทำให้องค์พระวจนาตถ์บังเกิดเป็นมนุษย์ในพระแม่มารีย์ฉันใด พระองค์ก็ทรงชื่นชมยินดีในกระแสเรียกของพระสงฆ์ที่เชื่อมโยงกับองค์พระวจนาตถ์ ผู้ทรงเป็นสงฆ์นิรันดรฉันนั้น  พระจิตเจ้าทรงสร้างสายใยในกระแสเรียกพระสงฆ์เข้ากับความอุดมบริบูรณ์ขององค์พระบิดา และทรงสร้างความบริสุทธิ์ดังภาพสะท้อนของเจ้าสาวผู้ไร้มลทินของพระองค์ ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ของพระศาสนจักร ...พระสงฆ์ไม่เคยอยู่เพียงลำพัง แต่พระตรีเอกภาพเสด็จมาอยู่กับพระสงฆ์ด้วยในทุกมิติด้วยวิธีพิเศษ "(To My Priests, ch. 72).
 
"ต่อจากพระนางมารีย์,พระสงฆ์ของเราบนโลกเป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบของพระบิดา โดยเป็นการสะท้อนภาพขององค์พระบุตรผู้ทรงไม่มีใครเหมือน...พระบิดาทรงเห็นพระสงฆ์เพียงองค์เดียวในหมู่พระสงฆ์ทั้งมวล พระองค์ทรงเห็นพระสงฆ์ในเรา" (To My Priests, ch. 72).
 
"ในเรา พระสงฆ์จะถูกเปลี่ยนแปลงอย่างลึกลับหลังจากที่พระบิดาของเราทรงคิดค้นพระศาสนจักรของเรามาตั้งแต่นิรันดรภาพ พระบิดาทรงทอดพระเนตรอย่างอ่อนหวานมายังเราในนิรันดร ในสายพระเนตรนิรันดรนั้น เราได้เข้าใจและรู้สึก พระสงฆ์ทั้งหลายถูกบ่มเพาะในเราผู้เป็นสงฆ์นิรันดร” (To My Priests, ch. 77).
 
"พระบิดา...ทรงทอดพระเนตรด้วยความรักอันอ่อนโยนไม่มีที่สิ้นสุดของพระองค์มายังเรา ผู้เป็นพระวจนะของพระองค์ เป็นปรีชาญาณหรือความเข้าใจของพระองค์ เป็นพระฤทธานุภาพและความรักของพระองค์ ในการทอดพระเนตรนิรันดรนั้นที่เราเข้าใจและรู้สึก พระสงฆ์ทั้งหลายได้พรั่งพรูออกมาจากเราผู้เป็นสงฆ์นิรันดร...มองดูเถิด , ลูกสาว , เราไม่สามารถแยกไปจากสิ่งที่เป็นของเรา” (Account of conscience, 51, 32)
 
2. พระบุตรและพระสงฆ์ทั้งหลายของพระองค์
 
"โดยอาศัยการมาบังเกิดเป็นมนุษย์อันลึกลับซึ่งพระสงฆ์ทุกคนควรคำนึงคิดถึงไว้เสมอ อย่างคุ้นเคยแต่ด้วยความเคารพด้วย ผลงานการบังเกิดมาเป็นมนุษย์นี้จะต้องถูกกระทำทุกวันบนพระแท่นบูชาในพิธีบูชามิสซาอันศักดิ์สิทธิ์ ที่แท่นบูชานี้ องค์พระวจนาตถ์ทรงบังเกิดมาอย่างลึกลับในแผ่นศีลที่เสกแล้วแต่ละแผ่น ซึ่งพระสงฆ์ได้เปลี่ยนให้เป็นพระกายของพระเยซูเจ้า
 
"แต่เพราะพระสงฆ์ได้กลายเป็นพระเยซูเจ้า,อันเป็นร่องรอยของการมาบังเกิดเป็นมนุษย์ของเราที่พระสงฆ์ควรเก็บรักษาไว้ในหัวใจของเขาและจารึกในจิตวิญญาณของเขา พระสงฆ์ทำให้พระเยซูเจ้าทรงบังเกิดในแผ่นศีล แต่เพราะพระสงฆ์ได้กลายเป็นพระเยซูเจ้า พระสงฆ์ได้กลายเป็นแผ่นศีลด้วย และพระสงฆ์ได้ถวายแผ่นศีลที่เป็นพระเยซูเจ้าแด่พระบิดาเจ้า พระสงฆ์เองเป็นแผ่นศีลด้วย พระสงฆ์เป็นผู้ถูกถวายด้วยเช่นกัน”
 
"หลังจากที่เราได้รับเนื้อหนังจากพระมารดามารีย์ หลังจากที่เราได้ให้ตัวเราเองอยู่ในความรักของพระบิดาของเรา เราทูลพระองค์ว่า ลูกอยู่ที่นี่แล้ว เราไม่ได้มอบตัวเองแด่พระบิดาเพียงผู้เดียวเท่านั้น แต่เราได้มอบพระสงฆ์ทั้งหมดที่อยู่ในเรา , ที่ถูกสร้างโดยพระบิดาของเรา โดยการทำงานของพระจิต, ในพระมารดามารีย์ ... และเรามาพร้อมกับพระสงฆ์ทั้งหมดที่อยู่ในเรา หลังจากที่เราบังเกิดที่เบธเลเฮม , ทำงานที่นาซาเร็ธ, ปฏิบัตภารกิจที่กาลิลี , รับความทุกข์ทรมานในกรุงเยรูซาเล็ม, ตายบนโกลโกธา และกลับฟื้นคืนชีพ เรารักษาไว้ในดวงพระทัยของเราเสมอซึ่งสายใยอันศักดิ์สิทธิ์ที่มีประสิทธิผลของพระบิดาของเรา นั่นคือพระสงฆ์ทั้งหลายของเรา"(To My Priests, ch. 77).
 
"เราต้องการแพร่กระจายตัวเราเข้าไปในพวกเขา - เปลี่ยนแปลงพวกเขา – ด้วยความรักของเราต่อพระบิดาและความรักของพระบิดาที่มีต่อเรา (To My Priests, ch. 98).
 
“ด้วยเหตุนี้ วันที่พระสงฆ์ทั้งหลายของเรากลายเป็นเราอีกคนหนึ่ง พวกเขาจะรู้สึกเหมือนอย่างที่เรารู้สึก จะรักอย่างที่เรารักและจะละทิ้งตนเองเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างที่เรากระทำ เราอาศัยอยู่โดยพระบิดาของเราเท่านั้น , ในพระบิดาของเราและในความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกับพระจิต” (To My Priests, ch. 98).
 
"ความเศร้าใจอย่างสุดซึ้งในหัวใจของเราคือเรื่องแหล่งกำเนิดของการเป็นพระสงฆ์ พระสงฆ์ทั้งหลายจะเป็นน้ำพุแห่งกระแสเรียกเสมอ...ไม่มีอะไรที่ใกล้ชิดดวงพระทัยของเรายิ่งไปกว่าพระสงฆ์” (To My Priests, ch. 120).
 
"พระสงฆ์ที่สมบูรณ์แบบ...ขอให้เขาไตร่ตรองถึงศีลมหาสนิทในจิตวิญญาณของเขาเถิด , ให้เขาหลอมรวมกับพระเยซูเจ้าในความรักความเมตตากรุณาสากลนี้ ทั้งหมดสำหรับทุกคน(All for All) ในขณะที่เขาได้มอบตัวเองทั้งหมดโดยสิ้นเชิงในการแพร่ธรรมเพื่อความรอดของวิญญาณทั้งหลาย” (To My Priests, ch. 112).
 
3.พระจิตเจ้าและพระสงฆ์ทั้งหลาย
 
"พระจิตเจ้าทรงมีส่วนร่วมในการสร้างโลก สำหรับพระจิตเจ้า, พระผู้ทรงเป็นองค์แห่งความรัก, ทรงประทานให้บังเกิดผลสำเร็จในพระมารดามารีย์ ... โดยลมหายใจของพระจิตเจ้า เราได้ก่อตั้งพระศาสนจักรของเราในพระสงฆ์สุดที่รักของเรา ดังนั้นพระศาสนจักรจึงเป็นผลแห่งความรักเป็นรากฐานแห่งความรักในพระสงฆ์ของเธอ " (To My Priests, ch. 134).
 
"ด้วยเหตุที่พระสงฆ์ถูกมอบให้และได้รับการยืนยันโดยพระจิตเจ้า พระสงฆ์จึงได้รับอำนาจที่จะทำให้พระวจนาตถ์กลับกลายเป็นมนุษย์ในพิธีมิสซา อันเป็นสถานที่ซึ่ง การบังเกิดเป็นมนุษย์, พระมหาทรมานและความตายของเราถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่" (Account of conscience, 50, 235).
 
"คุณลักษณะของพระจิตเจ้าคือการมอบพระองค์เอง เพื่อสื่อสารพระองค์เอง (Life 9, 346) พระจิตเจ้าทรงประสงค์วิญญาณที่อุทิศตนให้แก่พระองค์ - วิญญาณที่ถูกตรึง - เพื่อที่พระองค์จะเสด็จลงมาหาพวกเขา (Life 1, 271-273) พระองค์ทรงทำให้ผลงานแห่งกางเขนบังเกิดผลอย่างอุดมสมบูรณ์ (Life 6, 230) เป็นพระองค์ที่ทรงนำทางและดลใจพระเยซูเจ้าตลอดชีวิต (Life 4, 135; 7, 1.85) ทรงประทานชีวิตหนึ่งจากพระองค์โดยผ่านทางพระนางมารีย์ (Life 9, 332)
 
4.พระนางมารีย์ทรงเป็นของขวัญจากพระคริสต์แก่พระสงฆ์
 
"เราจะไม่คิดถึงการแยกจากพระสงฆ์ของเราได้อย่างไร? - หลังจากที่เราได้มอบผู้ที่เหมือนเราที่สุดไว้ให้แก่พวกเขา – ผู้ที่เรารักมากที่สุด และควรเป็นผู้ซึ่งพวกเขารักมากที่สุดด้วย เราได้มอบผู้ที่อ่อนโยนมากที่สุด , ผู้บริสุทธิ์และมีดวงพระทัยที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในโลก คือพระนางมารีย์ ให้แก่พวกเขา เพื่อที่พระนางจะทรงเป็น การปลอบประโลมใจของพวกเขา, เป็นผู้สนับสนุนของพวกเขา, เป็นผู้ให้ความอบอุ่นแก่พวกเขา, เป็นมารดาของพวกเขา , พระนางจะทรงเป็นช่องทางที่ซึ่งพระหรรษทานทั้งหมดจะมาสู่พวกเขาหรือไม่? ... (พระนาง) จะทรงมองเห็นพวกเขา...ไม่ใช่คนอื่น ไม่ใช่เป็นเพียงแค่มนุษย์ แต่เป็นเราในพวกเขา” (To My Priests, ch. 98).
 
"ต่อจากเรา พระมารดามารีย์ควรเป็นทุกอย่างสำหรับพระสงฆ์ พระนางเป็นผู้ที่เตรียมวิญญาณของพระสงฆ์เพื่อรับพระหรรษทานอันทรงคุณค่าแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างสูงส่งซึ่งดำเนินอย่างต่อเนื่องที่พระแท่นบูชา...ดังนั้นพระนางทรงสร้างคุณลักษณะของพระเยซูเจ้าในหัวใจของพระสงฆ์ทีละคน พระสงฆ์ที่ยอมจำนนต่อพระนาง พระนางทรงช่วยพระจิตเจ้าด้วยความเอาใจใส่เยี่ยงมารดาของพระนางในการเปลี่ยนแปลงพระสงฆ์อย่างสมบูรณ์แบบในเรา...พระนางมารีย์ทรงเป็นมรณะสักขีของพระสงฆ์ พระมารดาผู้ทรงโศกเศร้า ...
 
"ด้วยเหตุนี้ พระนางมารีย์จึงทรงมีบทบาทที่สำคัญในพระศาสนจักร บทบาทของความเป็นมารดา เพราะพระนางทรงสื่อสารกับพระสงฆ์แต่ละคนด้วยเชื้อของพระบิดาผู้ทรงอยู่ในองค์พระวจนาตถ์ และผู้ที่พระจิตเจ้าทรงทำให้พระองค์บังเกิดผลในวิญญาณพระสงฆ์แต่ละคนด้วยการก่อรูปร่างพระเยซูเจ้าในแผ่นศีล พระเยซูเจ้าผู้ทรงทนทุกข์ พระเยซูเจ้าผู้เป็นพระผู้ไถ่และพระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นพระสงฆ์ พระนางมารีย์ทรงเป็น....พระมารดาผู้ทรงทำงานเสมอโดยไม่พักผ่อน....ทรงบันดาลให้งานของพระนางบังเกิดในวิญญาณอย่างต่อเนื่อง แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพระสงฆ์ทั้งหลาย” (To My Priests, ch. 98).
 
“จงวอนขอเถิด, ลูกสาวเอ๋ย, เพื่อที่พระสงฆ์จะได้เป็นพระสงฆ์ เป็นผู้ทนทุกข์พร้อมกับพระผู้ทรงทนทุกข์, คือเราเอง, ด้วยคุณภาพของการเป็นผู้ร่วมทุกข์” ( Account of conscience, 49,62).
 
“ความสัมพันธ์ของพระสงฆ์กับพระมารดามารีย์ปรากฏอยู่ในศีลมหาสนิท เป็นความสัมพันธ์ที่คล้ายกับการทำให้พระคริสต์ทรงปรากฏมาโดยผลงานของพระจิตเจ้า “พระมารดามารีย์ทรงให้กำเนิดเราในครรภ์พรหมจรรย์ของพระนางโดยอาศัยพระจิตเจ้าด้วยเชื้อของพระบิดา ในพิธีมิสซา, พระสงฆ์ได้ทำให้ความลึกลับนี้เกิดขึ้นบนพระแท่นเสมอจวบจนสิ้นพิภพ พระนางพรหมจารีย์มารีย์ทรงประสงค์พระสงฆ์ผู้บริสุทธิ์(ศีลพรหมจรรย์)” (Account of conscience, 50, 152).

*********************

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น