ในยุคแรกของพระศาสนจักร เทศกาลมหาพรตยังไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมของพระศาสนจักร เทศกาลนี้ค่อยๆพัฒนาขึ้นมาตามเวลา
อย่างไรก็ตามการพัฒนานี้เริ่มต้นเร็วมาก พระศาสนจักรเห็นความจำเป็นในการเตรียมการครั้งสุดท้ายสำหรับผู้เรียนคำสอนที่ปรารถนาจะรับศีลล้างบาปในวันก่อนวันอีสเตอร์ ซึ่งเป็นวันระลึกถึงการกลับฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูเจ้า
ในพระศาสนจักรยุคแรกผู้กลับใจเลื่อมใสส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ และเพื่อที่จะรับศีลล้างบาปในความเชื่อของคริสตศาสนา พวกเขาต้องได้รับการเตรียมตัวอย่างเข้มงวด อาจใช้เวลาหลายปีกว่าที่บุคคลนั้นจะได้รับอนุญาตให้รับศีลล้างบาปได้ เพราะพระศาสนจักรต้องการให้แน่ใจว่าเขามีความพร้อมทางจิตวิญญาณสำหรับการเปลี่ยนแปลงชีวิตมาสู่ความเชื่อคาทอลิกอย่างแท้จริง
หลังจากเรียนคำสอนเป็นเวลานานในความเชื่อคาทอลิกและการตรวจสอบอย่างละเอียด (อ้างอิงจากสารานุกรมคาทอลิก) “ชื่อของพวกเขาถูกจารึกไว้ในบรรดาผู้เหมาะสมได้รับศีลล้างบาป ที่เรียกว่า คริสตชนสำรอง”
หมายถึงพวกเขาอยู่บนเส้นทางแห่งความรอดแล้วก่อนรับศีลล้างบาป แต่ยังมีอีกช่วงเวลาหนึ่งของการเตรียมตัวครั้งสุดท้าย นั่นคือเทศกาลมหาพรตซึ่ง "เป็นเวลาที่มีการเตรียมตัวสามประการ คือ – การรับคำแนะนำ , การเข้าเงียบ และ พิธีกรรม – การเข้าเงียบ เป็นการเตรียมตัวด้วยการสวดภาวนาและการอดอาหาร คริสตชนสำรองจะได้รับการแนะนำให้รักษาความเงียบสงบของจิตใจ… (และมีการสารภาพบาปด้วย)”
กระบวนการในช่วงเวลานี้ พระศาสนจักรได้เริ่มขั้นตอนพิธีกรรมสำหรับผู้ใหญ่ที่เรียกว่า “ระยะเวลาของการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์และการให้ความรู้” พระสงฆ์จะอธิบายแก่คริสตชนสำรองถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องในขั้นตอนสุดท้ายนี้
ในช่วงระยะเวลาของการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์และการให้ความรู้ จะเป็นการเน้นที่การทำให้ชีวิตฝ่ายจิตมีความเข้มแข็งเพื่อเตรียมตัวสำหรับรับศีลล้างบาป แนวทางสำหรับช่วงเวลานี้ (ซึ่งปกติจะตรงกับช่วงเทศกาลมหาพรต) พร้อมทั้งพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกัน จะช่วยให้ผู้เรียนคำสอนแล้วสามารถนำคำสอนนั้นไปใช้ในชีวิตประจำวันของตน
ก่อนที่พวกเขาจะได้รับศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้น (ศีลล้างบาป) “ผู้ได้รับเลือกจะต้องมีความตั้งใจที่จะเรียนรู้เรื่องราวของพระคริสต์และพระศาสนจักรของพระองค์ พวกเขาถูกคาดหวังเป็นพิเศษในการมีชีวิตที่ก้าวหน้าในความรู้จักตนเองอย่างแท้จริงโดยอาศัยการตรวจทานชีวิตของตนและการมีความสำนึกผิดกลับใจที่แท้จริง”
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ เทศกาลมหาพรตจึงถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเตรียมตัวฝ่ายจิตวิญญาณและสัมพันธ์กับการสำนึกผิดกลับใจ ซึ่งผู้เรียนคำสอนแล้วจำเป็นต้องละทิ้งชีวิตบาปในอดีตของตน และเปลี่ยนมาสู่ชีวิตใหม่ในพระคริสตเจ้า นอกจากนี้เทศกาลนี้ยังเป็นระยะเวลาสำหรับคริสตชนทุกคนที่จะได้เตรียมตัวสำหรับต้อนรับวันปาสกา (Easter) ซึ่งเป็นวันระลึกถึงการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูคริสตเจ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น