วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2562

ทำไม่จึงมีเทศกาลมหาพรต



ในยุคแรกของพระศาสนจักร เทศกาลมหาพรตยังไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมของพระศาสนจักร เทศกาลนี้ค่อยๆพัฒนาขึ้นมาตามเวลา
 
อย่างไรก็ตามการพัฒนานี้เริ่มต้นเร็วมาก พระศาสนจักรเห็นความจำเป็นในการเตรียมการครั้งสุดท้ายสำหรับผู้เรียนคำสอนที่ปรารถนาจะรับศีลล้างบาปในวันก่อนวันอีสเตอร์ ซึ่งเป็นวันระลึกถึงการกลับฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูเจ้า
 
ในพระศาสนจักรยุคแรกผู้กลับใจเลื่อมใสส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ และเพื่อที่จะรับศีลล้างบาปในความเชื่อของคริสตศาสนา พวกเขาต้องได้รับการเตรียมตัวอย่างเข้มงวด อาจใช้เวลาหลายปีกว่าที่บุคคลนั้นจะได้รับอนุญาตให้รับศีลล้างบาปได้ เพราะพระศาสนจักรต้องการให้แน่ใจว่าเขามีความพร้อมทางจิตวิญญาณสำหรับการเปลี่ยนแปลงชีวิตมาสู่ความเชื่อคาทอลิกอย่างแท้จริง
 
หลังจากเรียนคำสอนเป็นเวลานานในความเชื่อคาทอลิกและการตรวจสอบอย่างละเอียด (อ้างอิงจากสารานุกรมคาทอลิก) “ชื่อของพวกเขาถูกจารึกไว้ในบรรดาผู้เหมาะสมได้รับศีลล้างบาป ที่เรียกว่า คริสตชนสำรอง”
 
หมายถึงพวกเขาอยู่บนเส้นทางแห่งความรอดแล้วก่อนรับศีลล้างบาป แต่ยังมีอีกช่วงเวลาหนึ่งของการเตรียมตัวครั้งสุดท้าย นั่นคือเทศกาลมหาพรตซึ่ง "เป็นเวลาที่มีการเตรียมตัวสามประการ คือ – การรับคำแนะนำ , การเข้าเงียบ และ พิธีกรรม – การเข้าเงียบ เป็นการเตรียมตัวด้วยการสวดภาวนาและการอดอาหาร คริสตชนสำรองจะได้รับการแนะนำให้รักษาความเงียบสงบของจิตใจ… (และมีการสารภาพบาปด้วย)”
 
กระบวนการในช่วงเวลานี้ พระศาสนจักรได้เริ่มขั้นตอนพิธีกรรมสำหรับผู้ใหญ่ที่เรียกว่า “ระยะเวลาของการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์และการให้ความรู้” พระสงฆ์จะอธิบายแก่คริสตชนสำรองถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องในขั้นตอนสุดท้ายนี้
 
ในช่วงระยะเวลาของการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์และการให้ความรู้ จะเป็นการเน้นที่การทำให้ชีวิตฝ่ายจิตมีความเข้มแข็งเพื่อเตรียมตัวสำหรับรับศีลล้างบาป แนวทางสำหรับช่วงเวลานี้ (ซึ่งปกติจะตรงกับช่วงเทศกาลมหาพรต) พร้อมทั้งพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกัน จะช่วยให้ผู้เรียนคำสอนแล้วสามารถนำคำสอนนั้นไปใช้ในชีวิตประจำวันของตน
 
ก่อนที่พวกเขาจะได้รับศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้น (ศีลล้างบาป) “ผู้ได้รับเลือกจะต้องมีความตั้งใจที่จะเรียนรู้เรื่องราวของพระคริสต์และพระศาสนจักรของพระองค์ พวกเขาถูกคาดหวังเป็นพิเศษในการมีชีวิตที่ก้าวหน้าในความรู้จักตนเองอย่างแท้จริงโดยอาศัยการตรวจทานชีวิตของตนและการมีความสำนึกผิดกลับใจที่แท้จริง”
 
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ เทศกาลมหาพรตจึงถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเตรียมตัวฝ่ายจิตวิญญาณและสัมพันธ์กับการสำนึกผิดกลับใจ ซึ่งผู้เรียนคำสอนแล้วจำเป็นต้องละทิ้งชีวิตบาปในอดีตของตน และเปลี่ยนมาสู่ชีวิตใหม่ในพระคริสตเจ้า   นอกจากนี้เทศกาลนี้ยังเป็นระยะเวลาสำหรับคริสตชนทุกคนที่จะได้เตรียมตัวสำหรับต้อนรับวันปาสกา (Easter) ซึ่งเป็นวันระลึกถึงการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูคริสตเจ้า
 
เทศกาลมหาพรตเป็นระยะเวลาแห่งการชำระจิตวิญญาณให้บริสุทธิ์ และถึงแม้ว่าเราจะไม่ใช่ผู้ที่เตรียมตัวรับศีลล้างบาป เทศกาลนี้ช่วยให้เราสำรวจจิตใจว่าเราพร้อมที่จะดำเนินชีวิตในความเชื่อคริสตชนอย่างเต็มที่หรือไม่
 
 
 
 
 
 

************************

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น