วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2562

เหตุก่อการร้ายในวันอิสเตอร์ที่ศรีลังกา

 21 เมษายน 2019
 
ระเบิดในศรีลังกา: ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งอย่างน้อย 359 คน ส่วนเป้าหมายการก่อเหตุคือโบสถ์คริสต์และโรงแรมหรู
 
สภาพของโรงแรมแห่งหนึ่ง
 
ประชาชนอย่างน้อย 359 คนเสียชีวิต ขณะที่กว่า 450 คนได้รับบาดเจ็บ จากเหตุระเบิดที่โบสถ์และโรงแรมภายในประเทศศรีลังกา
 
เกิดเหตุระเบิดขึ้นอย่างน้อย 8 ครั้ง ในจำนวนนี้เกิดขึ้นที่โบสถ์ 3 แห่งในย่านโกชชิกาเด ในกรุงโคลัมโบ, เมืองเนกอมโบ และเมืองบัตติคาโลอา ในระหว่างที่ประชาชนกำลังร่วมประกอบพิธีทางศาสนาเนื่องในเทศกาลอีสเตอร์
 
ส่วนอีก 3 ครั้งเกิดขึ้นที่โรงแรมแชงกรีล่า โรงแรมซินนามอน แกรนด์ และโรงแรมคิงส์บิวรี ในกรุงโคลัมโบ
 
สำหรับวันอีสเตอร์ ถือเป็นวันเฉลิมฉลองหลักของชาวคริสตศาสนิกชนในโอกาสที่พระเยซูคริสต์ทรงคืนพระชนม์ชีพจากความตาย
 
มีการประกาศเคอร์ฟิวตั้งแต่บ่าย 3 โมง (เวลาท้องถิ่น) โดยยังไม่มีกำหนดเวลาสิ้นสุด และล่าสุด รัฐบาลระบุว่า ได้มีการระงับการใช้เครือข่ายโซเชียลมีเดียเจ้าใหญ่ ๆ เป็นการชั่วคราวแล้ว
เหตุระเบิดร้ายแรงเกิดขึ้นหลายแห่งในศรีลังกา
 
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เหตุระเบิดครั้งที่ 8 บริเวณย่านเดอมาตาโกดา ในกรุงโคลัมโบ เป็นการระเบิดฆ่าตัวตาย และทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 3 ราย แหล่งข่าวในโรงพยาบาลบอกกับบีบีซีว่า มีชาวต่างชาติอย่างน้อย 9 รายที่เสียชีวิตจากเหตุโจมตีในกรุงโคลัมโบ
 
ภาพจากสื่อสังคมออนไลน์แสดงให้เห็นสภาพภายในโบสถ์ เซนต์ เซบาสเตียน ในเมืองเนกอมโบ ซึ่งฝ้าเพดานแตกละเอียดและมีเลือดบนม้านั่ง

คำบรรยายภาพ สภาพความเสียหายภายในโบสถ์ เซนต์ แอนโทนี
 
การรายงานข่าวจำนวนผู้เสียชีวิตยังคงสับสน อย่างสื่อบางสำนักรายงานโดยอ้างแหล่งข่าว ทำให้ยอดรวมของผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่รอยเตอร์สอ้างแหล่งข่าวจากตำรวจระบุว่ามีผู้เสียชีวิต 50 คนเฉพาะในเมืองเนกอมโบเพียงเมืองเดียว
 
สื่อศรีลังการายงานว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติหลายคนกลายเป็นผู้เคราะห์ร้ายในเหตุการณ์นี้ด้วย
 
เจ้าหน้าที่โรงแรมซินนามอน แกรนด์ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้บ้านพักนายกรัฐมนตรี บอกกับเอเอฟพีว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน
 
นายรานิล วิครามาสิงเห นายกรัฐมนตรีศรีลังกา เรียกประชุมฉุกเฉินหลังเกิดเหตุระเบิดในครั้งนี้ ส่วนกระทรวงศึกษาธิการ สั่งปิดโรงเรียนของรัฐบาลทั้งหมดเป็นเวลา 2 วัน (22-23 เม.ย.)
 
ด้านหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นรายงานว่า ทางการได้ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยในสนามบินนานาชาติ
 
ขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มใดออกมากล่าวอ้างว่าอยู่เบื้องหลังโจมตีที่เกิดขึ้น
 
ทั่วโลกส่งกำลังใจ
 
สมเด็จพระสันตะปาปา หรือโป๊ปฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ทรงกล่าวขณะร่วมพิธีเทศกาลอีสเตอร์ที่นครวาติกัน ประณาม "ความรุนแรงอันโหดร้าย" ที่เกิดขึ้นกับชาวคริสต์ขณะประกอบพิธีทางศาสนา
 
นางเทรีซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า การโจมตีโบสถ์และโรงแรมอย่างรุนแรงในศรีลังกาเป็นการกระทำที่โหดร้ายมาก ส่วนประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ของสหรัฐฯ แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งผ่านทวิตเตอร์ต่อ "การก่อการร้ายครั้งเลวร้าย"
 
ไม่มีใครคาดคิด
 
มีข่าวลือว่าจะเกิดเหตุโจมตีขึ้นอีก และขณะนี้ ตำรวจบอกกับประชาชนให้อยู่บ้านและพยายามตั้งสติ อย่างไรก็ดี ผู้คนก็รู้สึกหวั่นวิตก
 
ขณะนี้มีทหารไปประจำการอย่างแน่นหนาบริเวณอาคารรัฐสำคัญ ๆ ทุกแห่ง ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องจะเกิดขึ้นในเช้าวันอาทิตย์อันเงียบสงบวันนี้ ผู้คนกำลังเดินทางไปสวดมนต์เนื่องในเทศกาลอีสเตอร์ ผมได้พูดคุยกับบาทหลวงหลายท่าน ซึ่งก็ต่างตกตะลึงกับเหตุที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เช่นกัน
 
นี่เป็นการโจมตีที่วางแผนมาอย่างดีและประสานงานร่วมมือกัน ฝ่ายความมั่นคงของศรีลังกันระบุว่ายังเร็วไปที่จะบอกได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุในครั้งนี้
 
ประวัติศาสตร์การสู้รบในศรีลังกาเป็นอย่างไร
 
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานับจากสิ้นสุดสงครามกลางเมืองของศรีลังกาในปี 2009 มีความรุนแรงเกิดขึ้นบ้าง โดยชาวพุทธสิงหลได้โจมตีมัสยิดและทรัพย์สินของชาวมุสลิม ทำให้รัฐต้องประกาศภาวะฉุกเฉินในเดือนมีนาคม 2018
 
สงครามกลางเมืองสิ้นสุดลงด้วยความพ่ายแพ้ของกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬ หลังจากต่อสู้กันมากว่า 26 ปี เพื่อปลดปล่อยชนชาติทมิฬเป็นอิสระจากศรีลังกา สำหรับสงครามที่ยืดเยื้อดังกล่าว เชื่อว่าคร่าชีวิตคนไปราว 70,000- 80,000 คน

ศาสนาในศรีลังกา
 
ชาวศรีลังกาส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท มากกว่าร้อยละ 70.2 ของประชากรทั้งประเทศ
ขณะที่ชาวฮินดูและมุสลิมมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 12.6 และร้อย 9.7 ตามลำดับ
ส่วนชาวคริสต์มีราว 1.5 ล้านคน และนับถือนิกายโรมันคาทอลิกเป็นส่วนใหญ่
 
เงียบสงัด
 
บรรยากาศที่เมืองแคนดี สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่ออีกแห่งของศรีลังกา เงียบเหงาถนัดตา หลังรัฐบาลประกาศเคอร์ฟิวตั้งแต่บ่าย 3 โมงที่ผ่านมา
 
ผู้คนรีบปิดร้าน เก็บข้าวของ ซื้อเสบียงอาหารตุนไว้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน และรีบเดินทางกลับบ้าน มีการอพยพผู้คนออกไปจากโบสถ์หลายแห่งในตัวเมือง และปิดประตู-รั้วแน่นหนา

คำบรรยายภาพ โบสถ์แห่งหนึ่งในเมืองแคนดี
 
พนักงานโรงแรมแนะนำให้นักท่องเที่ยวงดเว้นการเดินทางออกไปภายนอก และแนะนำให้เผื่อเวลาเดินทางไปสนามบิน เพราะมาตรการควบคุมแน่นหนา ควรถึงสนามบินก่อนเครื่องบินออก 4 ชม. เป็นอย่างน้อย
 ***********************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น