บ่อยครั้งที่มีคนถามคำถามนี้ และคำตอบโดยทั่วไปคือ “เพื่อช่วยเราให้รอดพ้นจากโทษบาปความผิดของเรา” ตามคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิก (CCC) ให้เหตุผล 6 ข้อที่เราจำเป็นต้องเข้าใจในเรื่องของ การเสด็จมาบังเกิด, การรับทนทรมาน , การรับความตาย และการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า เรื่องนี้สำคัญเพราะจะทำให้เราสามารถตอบคนอื่นได้เมื่อเราถูกถาม
ดังนั้นทำไมพระวจนาตถ์จึงมาบังเกิดเป็นมนุษย์?
1. พระวจนาตถ์มาบังเกิดเป็นมนุษย์....เพื่อช่วยให้เราคืนดีกับพระเจ้า(CCC 457).
มนุษย์ได้รับการช่วยให้รอดและคืนดีกับพระเจ้าโดยผ่านการพลีพระองค์เป็นยัญบูชของพระคริสต์บนเขากัลวารี มนุษย์ได้ทำบาปซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ของมนุษย์กับพระเจ้าสูญเสียไป ดังนั้นพระวจนาตถ์ผู้อยู่กับพระบิดามาตลอดเวลา จึงได้รับเอาเนื้อหนังกลายเป็นมนุษย์ในกาลเวลา (ทรงเป็นพระเจ้าและมนุษย์อย่างสมบูรณ์) ทรงดำเนินชีวิตเพื่อสั่งสอนและประทับอยู่ท่ามกลางพวกเรา เพื่อจุดประสงค์ในการแก้ไขความสัมพันธ์ที่แตกสลายระหว่างมนุษยชาติและพระบิดา นักศาสนศาสตร์หลายคนระบุว่าในขณะที่มนุษย์ทุกคนเกิดมาด้วยจุดประสงค์เพื่อการมีชีวิตอยู่ แต่พระคริสต์ทรงเป็นมนุษย์คนเดียวที่เกิดจากสตรีและเข้ามาในโลกโดยมีภารกิจที่จะตาย พระองค์ทรงทำภารกิจจนสำเร็จเพื่อที่มนุษย์จะได้มีชีวิต
นักบุญเปาโลกล่าวว่า “…เราได้รับการคืนดีกับพระเจ้าเดชะการสิ้นพระชนม์ของพระบุตรขณะที่เรายังเป็นศัตรูอยู่ ยิ่งกว่านั้นเมื่อกลับคืนดีแล้ว เราก็จะรอดพ้นด้วยเดชะพระชนม์ชีพของพระองค์ด้วย” (โรม 5: 10)
2. พระวจนาตถ์มาบังเกิดเป็นมนุษย์....เพื่อช่วยให้เรารู้จักความรักของพระเจ้า(CCC 458).
นักบุญยอห์นอัครสาวกกล่าวว่า: “ความรักอยู่ที่ว่าพระเจ้าทรงรักเรา และทรงส่งพระบุตรมาเพื่อชดเชยบาปของเรา มิใช่อยู่ที่เรารักพระเจ้า” (1 ยน. 4:10) ความรักไม่ใช่ความรู้สึกหรือแนวคิดที่จับต้องไม่ได้ ความรักคือพระบุคคลศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งเรารู้จักพระเยซูเจ้ามากเท่าไหร่เราก็ยิ่งรู้จักความรักมากขึ้นเท่านั้น สิ่งนี้คือการเติบโตในความรัก ความเข้าใจว่าความรักคืออะไรและการแบ่งปันความรัก, ความสุขและการเสียสละให้แก่โลกที่อยู่ภายใต้เงามืดแห่งความตาย เราถูกซื้อมาในราคาที่เราไม่สามารถจ่ายคืนได้ เราเป็นหนี้ที่ไม่สามารถชำระได้ หนี้ของเราคือการที่พระเยซูเจ้าทรงลบล้างบาปของเรา ทุกครั้งที่เรามองดูไม้กางเขน เราเห็นความรักที่ถูกการทดสอบถึงขั้นสูงสุด ความรักถูกพิสูจน์อย่างสมบูรณ์ในการรับทนทรมาน“ด้วยไม้กางเขน”ที่เต็มไปด้วยความทุกข์ ดังนั้นเราควรขอบพระคุณชั่วนิรันดร และพยายามปฏิบัติภารกิจของพระคริสต์ในการทำให้มนุษยชาติกลับคืนดีกับพระบิดา ซึ่งเป็นการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง
3. พระวจนาตถ์มาบังเกิดเป็นมนุษย์....เพื่อเป็นแบบอย่างความศักดิ์สิทธิ์ให้แก่เรา(CCC 459).
เราไม่สามารถมีแบบอย่างใดที่ดีมากไปกว่าแบบอย่างของพระคริสต์ “…ผู้ทรงผ่านการทดลองทุกอย่างเหมือนกับเรา ยกเว้นบาป” (ฮบ 4:15) พระองค์ทรงเป็น “มนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ” (CCC 520) และเราไม่อาจเทียบเคียงกับพระองค์ เป็นความจริงที่ว่าเราทุกคนมีความโน้มเอียงในบาปซึ่งเป็นผลมาจากบาปกำเนิดทำให้มนุษย์สูญเสียพระหรรษทาน แต่ขอให้เราอย่าท้อใจ เพราะพระคริสต์ทรงมาอยู่กับเราและได้รับการทดสอบแบบเดียวกับเรา แต่พระองค์ไม่ทรงมีบาปมลทินใดๆ พระองค์อาจทรงคาดหวังต่อเราไว้สูงมาก และเราก็คาดหวังเช่นเดียวกันว่าจะทำได้เหมือนพระองค์ หากมีใครบอกเราว่า "ไม่มีใครคาดหวังว่าคุณจะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบหรอก" อย่าเชื่อเขาเลย! เพราะพระเยซูเจ้าเองตรัสว่า “จงเป็นผู้ดีครบบริบูรณ์เหมือนที่พระบิดาเจ้าสวรรค์ทรงดีครบบริบูรณ์เถิด” (มธ . 5:48) เราจึงต้องพยายามเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อหรือพี่น้องที่ดีที่สุดเท่าที่เราสามารถทำได้ และความรักคือวิธีการที่เราใช้ ความรักอย่างสมบูรณ์หมายถึงการเสียสละ และบ่อยครั้งการเสียสละทำให้เจ็บปวด
4. พระวจนาตถ์มาบังเกิดเป็นมนุษย์....เพื่อทำให้เราเข้ามีส่วนร่วมในธรรมชาติอันศักดิ์สิทธิ์ (CCC 460).
“ …พระองค์จึงทรงประทานพระพรยิ่งใหญ่ล้ำค่าให้เรา ตามที่ทรงสัญญาไว้เพื่อท่านทั้งหลายจะได้หลุดพ้นจากความเสื่อมที่มาจากราคตัณหาในโลก เข้ามามีส่วนร่วมในพระธรรมชาติของพระเจ้า” (2 ปต. 1: 4) . เราได้รับการเตือนถึงคำสัญญาเหล่านี้ทุกครั้งที่น้ำถูกเทลงผสมในเหล้าองุ่นในพิธีมิสซา หากเราฟังอย่างตั้งใจเราจะได้ยินพระสงฆ์สวดภาวนาว่า :“ด้วยความลึกลับแห่งน้ำและเหล้าองุ่นนี้ พระธรรมชาติพระเจ้าของพระคริสต์ได้ถ่อมพระองค์ลงมามีส่วนร่วมในธรรมชาติมนุษย์ของเรา” เป็นเรื่องลึกลับที่เราได้รับเชิญให้กลายเป็น “ผู้ศักดิ์สิทธิ์” ที่เข้ารวมอยู่ในพระกายลึกลับของพระคริสตเจ้าในชีวิตนี้และตลอดกาล นี่คือจุดหมายปลายทางแห่งชีวิตของเรา เราจึงควรยึดมั่นในองค์พระเยซูคริสตเจ้าผู้ทรงเป็น ”หนทาง ความจริงและชีวิต”
5. พระวจนาตถ์มาบังเกิดเป็นมนุษย์....เพื่อแผนการณ์แห่งความรอดของเราจะสำเร็จไปโดยการรับธรรมชาติเป็นมนุษย์นั้น (CCC 461).
“ …พระเยซูคริสตเจ้า…ทรงบังเกิดจากพระนางพรหมจารีย์มารีย์โดยฤทธิ์อำนาจของพระจิตเจ้า…” (บทข้าพเจ้าเชื่อ) พระเจ้าสามารถใช้วิธีใดก็ได้เพื่อไถ่กู้มนุษยชาติ แต่พระองค์ทรงเลือกที่จะมาเป็นมนุษย์ พระองค์ทรงทำงานด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เองในหมู่พวกเรา พระองค์จึงทรงรู้ถึงความต้องการและความทุกข์ของเราในแต่ละวัน แน่นอนว่าพระองค์ทรงคุ้นเคยกับงานหนักและมีการพักผ่อนน้อยแทบทุกวัน แต่บางทีเราก็อาจลืมไปว่าพระองค์เคยหัวเราะและร้องไห้, กินและดื่ม, มีชีวิตและตายเหมือนเราทุกคนด้วย แม้กระนั้นพระองค์ก็ยังทรงเลือกธรรมชาติมนุษย์เพื่อที่จะไถ่กู้มนุษยชาติทั้งหมดจากการถูกบาปยึดครอง พระคริสต์ทรงเป็นเหมือนเราเพื่อเราจะได้กลับกลายเป็นเหมือนพระองค์ พระวจนาตถ์ทรงรับเอาเนื้อหนังและเป็นเหมือนเรา ...
6. พระวจนาตถ์มาบังเกิดเป็นมนุษย์....เพราะพระองค์ทรงประสงค์ที่จะเชื่อฟังพระบิดาในทุกสิ่ง พระองค์ทรงตัดสินพระทัยร่วมกับพระบิดาและพระจิตเพื่อความรอดของเรา (CCC 475)
ถึงแม้พระเยซูเจ้าจะทรงศักดิ์สิทธิ์สูงสุด แต่พระองค์ยังทรงมีความเชื่อฟังด้วย ย่อมไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ถ้าหากปราศจากความเชื่อฟัง และพระเยซูเจ้าทรงพิสูจน์แล้วว่าพระองค์เชื่อฟังพระบิดาเสมอ “ข้าแต่พระบิดา หากเป็นไปได้แล้ว โปรดทรงให้กาลิกษ์นี้พ้นไปจากลูกเถิด แต่ขออย่าให้เป็นไปตามความต้องการของลูก แต่ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์” (ลก 22:42) “ข้าแต่พระบิดา ลูกขอมอบวิญญาณของลูกไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์” (ลก 23:46) พระคริสตเจ้าทรงนำทางเราไปในหุบเขาแห่งน้ำตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรงเน้นที่ความอ่อนน้อมถ่อมตนและการเชื่อฟัง นี่เป็นกฎในการดำเนินชีวิตของเรา พระแม่มารีย์ทรงเป็นแบบอย่างของการเชื่อฟังสำหรับพวกเราทุกคน พระแม่ไม่เคยล่วงละเมิดบทบัญญัติ ทรงผ่องแผ้วไม่มีมลทินบาปแม้แต่เล็กน้อย พระแม่ทรงตั้งพระทัยที่จะเชื่อฟังพระบิดาสวรรค์ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้พระนางจึงทรงเป็นคนกลางแห่งพระหรรษทานทั้งปวง พระนางทรงให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับพระบิดาและพระจิต ผลแห่งกิจการของพระเยซูคริสตเจ้าและพระนางมารีย์ได้ช่วยเราให้พ้นจากบาปและกลับคืนดีกับพระบิดาสวรรค์, ช่วยให้เรารู้จักความรักของพระเจ้า, ให้แบบอย่างความศักดิ์สิทธิ์สำหรับเรา, ช่วยให้เรามีส่วนร่วมในพระธรรมชาติอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า, ทำให้เราบรรลุความรอดโดยผ่านทางธรรมชาติมนุษย์ และแสดงให้เรารู้ว่าความเชื่อฟังคือประตูสู่ชีวิตนิรันดร
****************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น