วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2562

ประตูที่กว้างที่สุดของนรก



"ทางที่นำไปสู่ความหายนะนั้นกว้างขวาง คนที่เข้าทางนี้มีจำนวนมาก" (มท 7.13) เส้นทางที่นำไปสู่นรกนั้นมีประตูที่แตกต่างกันตั้งอยู่ ประตูเหล่านี้อยู่บนโลกของเรา “ประตูของเจ้าติดอยู่กับพื้นดิน” (Lam 2.9) ประตูเหล่านี้คือความชั่วที่มนุษย์ทำให้พระเจ้าทรงขุ่นเคืองและชักนำโทษทัณฑ์และความตายชั่วนิรันดรมายังพวกเขา ในท่ามกลางความชั่วทั้งหลาย มีความชั่วสี่ประเภทที่ส่งวิญญาณส่วนใหญ่ไปยังนรก ความชั่วทั้งสี่นี้ได้แก่ ความเกลียดชัง , การดูหมิ่นพระเจ้า, การลักขโมย และความไม่บริสุทธิ์ จงดูประตูทั้งสี่ที่นำวิญญาณจำนวนมากไปสู่นรกเถิด ความชั่วทั้งสี่คือสิ่งที่ข้าพเจ้าจะพูดถึงในวันนี้ เพื่อที่ท่านจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขชีวิตของท่านให้พ้นจากความชั่วทั้งสี่อย่างนี้ มิฉะนั้น พระเจ้าก็จะทรงทำให้ท่านพ้นจากมัน แต่ด้วยความพินาศของท่านเอง (See "The Four Gates of Hell" at archive.org)
 
ประตูกว้างที่สุดของนรกคือ ความไม่บริสุทธิ์
 
(โดย นักบุญอัลฟองโซ ลิโกวรี (St. Alphonsus d’Liguori)
 
ตอนนี้เราต้องพูดถึงประตูที่สี่ของนรก ซึ่งก็คือความไม่บริสุทธิ์ [ความผิดบาปทางเพศ] คนบาปจำนวนมากได้เข้าสู่นรกทางประตูนี้ บางคนอาจจะพูดว่ามันเป็นบาปขี้ประติ๋ว มันเป็นบาปเล็ก ๆ น้อย ๆ ? แต่แท้จริงแล้วมันเป็นบาปหนัก นักบุญแอนโทนินัสเขียนว่าความน่ารังเกียจของบาปชนิดนี้ แม้แต่ปีศาจเองก็ไม่สามารถทนได้ ยิ่งไปกว่านั้นบรรดานักปราชญ์ของพระศาสนจักรเองก็กล่าวว่า ปีศาจบางตัวที่เคยมีตำแหน่งสูงเหนือกว่าปีศาจตัวอื่นๆ เมื่อระลึกถึงศักดิ์ศรีดั้งเดิมของพวกมันแล้ว มันก็รู้สึกดูถูกเหยียดหยามบาปประเภทนี้
 
ลองพิจารณาดูสิว่าคนที่ทำบาปชนิดนี้ เขาจะต้องน่าขยะแขยงต่อพระพักตร์พระเจ้าสักเพียงใด พวกเขาเป็นเหมือนสุนัขที่กินสิ่งที่มันสำรอกออกมา หรือเหมือนหมูที่คลุกอยู่ในโคลนตมแห่งคำสาปแช่งของพวกเขาเอง (2 ปต. 2.22) ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ไม่บริสุทธิ์ยังกล่าวอีกว่า “ พระเจ้าทรงเมตตาต่อเราผู้อยู่ในบาปนี้ เพราะพระองค์ทรงทราบว่าเราเป็นแต่เพียงเนื้อหนัง” พูดอะไรเช่นนี้? พระเจ้ามีความเมตตาต่อผู้ที่ทำบาปประเภทนี้หรือ? ท่านพึงรู้ไว้เถิดว่า พระเจ้าทรงลงโทษอย่างสาหัสน่ากลัวที่สุดเท่าที่พระองค์ทรงกระทำต่อโลกก็เพราะบาปเนื้อหนังนี้นี่เอง (น้ำท่วมโลก) นักบุญเจโรมกล่าวว่า “จากพระคัมภีร์ปฐมกาลเราพบว่า นี่เป็นบาปชนิดเดียวที่ทำให้พระเจ้าทรงรู้สึกเสียพระทัยที่ได้สร้างมนุษย์ขึ้นมา” เพราะมนุษย์ในสมัยนั้นหมกมุ่นในบาปแห่งเนื้อหนัง (ปฐมกาล 6.6-12) และมันก็เป็นเช่นนั้น นักบุญเจโรมกล่าวว่า “ไม่มีบาปใดที่พระเจ้าลงโทษอย่างสาหัสบนแผ่นดินโลกเช่นนี้ ครั้งหนึ่งพระองค์ทรงส่งไฟจากสวรรค์ให้ตกลงมายังเมืองห้าเมืองและเผาผลาญชาวเมืองจนหมดสิ้น (เมืองโซโดมและเมืองโกโมราห์ Gen 18-19) เพราะบาปนี้ พระเจ้าจึงทรงทำลายมนุษย์ทุกคนด้วยน้ำท่วมโลก ยกเว้นมนุษย์แปดคน มันเป็นบาปที่พระเจ้าลงโทษ เพราะพระเจ้าตรัสว่า “เจ้าได้ลืมเราและหันหลังให้กับเรา เพียงเพื่อความสุขที่น่าสังเวชของเนื้อหนัง เราขอบอกเจ้าว่า แม้ในชีวิตนี้พวกเจ้าก็จะต้องชดใช้ในการกระทำที่ชั่วร้ายของเจ้า” (Ezek 23.35) แล้วท่านยังพูดอีกหรือว่า “พระเจ้าจะทรงมีพระเมตตาต่อมนุษย์ที่ทำบาปชนิดนี้” มันเป็นบาปที่ส่งคนส่วนใหญ่ไปสู่นรกนะ St. Remigius กล่าวว่าคนจำนวนมากถูกสาปแช่งให้ไปสู่นรกโดยบาปชนิดนี้ Father Segneri เขียนไว้ว่า “เมื่อโลกนี้เต็มไปด้วยคนบาปที่ทำบาปแห่งเนื้อหนัง ดังนั้นนรกก็จะเต็มไปด้วยวิญญาณที่ถูกสาปแช่ง” และก่อนหน้าท่าน , นักบุญเบอร์นาดีนแห่งเซียนนาได้เขียนไว้ว่า:“ความชั่วประเภทนี้ลากดึงคนทั้งโลกให้ไปสู่การกระทำบาป” และก่อนหน้าท่าน ,นักบุญเบอร์นาร์ดและนักบุญอิสิดอร์ได้กล่าวว่า “เผ่าพันธุ์มนุษย์ตกอยู่ภายใต้อำนาจของปีศาจด้วยบาปแห่งเนื้อหนังมากยิ่งกว่าความชั่วร้ายอื่นๆทั้งหมด" เหตุผลก็เพราะบาปเนื้อหนังมีที่มาจากความโน้มเอียงตามธรรมชาติของเนื้อหนัง ดังนั้นนักบุญโทมัส อไควนัสจึงกล่าวว่า “ปีศาจไม่ได้รับความพึงพอใจมากเช่นนี้ เมื่อมีคนทำความผิดบาปชนิดอื่นๆ เนื่องจากผู้ที่ยอมให้ตนเองถูกขังอยู่ในโคลนตมแห่งบาปเนื้อหนัง ยังคงติดใจในบาปและพวกเขาเกือบจะไม่สามารถปลดปล่อยตัวเองให้รอดได้”
 
“ไม่มีใครที่ดื้อรั้นอยู่ในบาปเท่ากับคนที่ทำบาปแห่งความไม่บริสุทธิ์” นักบุญโทมัสแห่งวิลลาโนวากล่าว
 
ยิ่งไปกว่านั้น ความชั่วประเภทนี้ยังกีดกั้นความสว่างทุกอย่าง เพราะคนที่ไม่บริสุทธิ์กลายเป็นคนตาบอดจนเกือบลืมพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง นักบุญลอเรนซ์ จัสติเนียนพูดสอดคล้องกับสิ่งที่ประกาศกโฮเชยากล่าวไว้: “พวกเขาจะไม่คิดที่จะกลับมาหาพระเจ้าของพวกเขา เพราะจิตแห่งการล่วงประเวณีอยู่ท่ามกลางพวกเขาและพวกเขาไม่รู้จักพระเจ้า” (โฮเชยา 5.4) คนที่ไม่บริสุทธิ์ไม่รู้จักพระเจ้า เขาไม่เชื่อฟังพระเจ้าหรือเหตุผล ตามที่นักบุญเจโรมพูด “เขาเชื่อฟังแต่เพียงความกระหายในราคะตัณหาซึ่งทำให้เขาทำตัวเหมือนสัตว์ป่า" บาปชนิดนี้เป็นความโน้มเอียงของเนื้อหนัง ทำให้เราตกอยู่ในความเคยชินของมันทันทีซึ่งเป็นนิสัยที่ติดตัวพวกเขาไปตลอดจนกระทั่งถึงเวลาแห่งความตาย ดังนั้นเราจึงจะเห็นผู้เป็นสามีและชายชราที่หลงระเริงในความคิดของบาปนี้และจะทำบาปเดียวกันกับที่พวกเขาเคยทำในวัยหนุ่ม และเนื่องจากบาปประเภทนี้กระทำได้ง่าย พวกเขาจึงยิ่งทำบาปมากขึ้นเป็นทวีคูณโดยไม่คิดคำนึง ลองถามคนบาปดูสิว่า เขามีความคิดที่ไม่บริสุทธิ์กี่ครั้ง: เขาจะตอบว่ามากจนเขาจำไม่ได้ แต่พี่น้องเอ๋ย, ถ้าหากท่านไม่สามารถบอกจำนวนได้ แต่พระเจ้าทรงสามารถบอกได้ และท่านจงรู้ไว้ว่าความคิดที่ไม่บริสุทธิ์อย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะส่งท่านไปยังนรก
 
คำพูดที่ลามกมากมายสักเท่าไรที่ท่านได้พูดออกมา ท่านพูดดูหมิ่นเพื่อนบ้านและท่านก็รู้สึกพึงพอใจ? จากความคิดและคำพูด มันก็พาท่านไปสู่การกระทำ ความไม่บริสุทธิ์จำนวนมากมายซึ่งท่านได้ลงไปคลุกเหมือนหมูอยู่ในโคลนตม แม้กระนั้นท่านก็ยังรู้สึกว่าไม่เพียงพอ เพราะความชั่วประเภทนี้ไม่ทำให้รู้สึกเพียงพอ ถึงตอนนี้,ท่านอาจจะถามว่า ฉันจะต้องทำอย่างไรจึงจะต่อสู้กับการประจญล่อลวงของความชั่วนี้ได้? เพราะ ฉันเป็นคนอ่อนแอ ฉันเป็นแต่เพียงเนื้อหนัง ด้วยเหตุที่ท่านเป็นคนอ่อนแอ ทำไมท่านจึงไม่ขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าและต่อพระแม่มารีย์ ผู้ทรงเป็นพระมารดาแห่งความบริสุทธิ์เล่า? และด้วยเหตุที่ท่านเป็นแต่เพียงเนื้อหนัง   ทำไมท่านจึงไม่ปิดตาของท่านเสีย? ทำไมท่านจึงมองสิ่งที่มาประจญล่อลวงท่านเล่า?...ยิ่งไปกว่านั้น บาปชนิดนี้ยังนำบาปอื่นๆอีกมากมายติดตามมาด้วย อาทิเช่น บาปลักขโมย, บาปอิจฉาริษยา ความเกลียดชัง ฯลฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ บาปการทำทุรจารต่อศีลศักดิ์สิทธิ์ อันได้แก่ ศีลอภัยบาปและศีลมหาสนิท เป็นเพราะความรู้สึกอับอายจึงไม่กล้าสารภาพบาปความไม่บริสุทธิ์ ท่านจึงปิดบังไม่สารภาพบาปนี้ การทำทุรจารเช่นนี้จะเป็นเหตุนำความเจ็บป่วยและความตายมาให้ท่าน เพราะ อัครสาวกกล่าวไว้ว่า “ผู้ที่กินและดื่มอย่างไม่สมควร ก็กินและดื่มการตัดสินลงโทษตัวของเขาเอง เพราะเขาไม่รับรู้ถึงพระกายของพระเจ้า” แล้วท่านยังกล่าวเสริมอีกว่า “เพราะเหตุนี้ จึงมีหลายคนในพวกท่านอ่อนแอ เจ็บป่วย และบางคนก็ตายไป” (1คร. 11:29-31)
 
และนักบุญยอห์น คริสโซสตมให้อรรถธิบายข้อความดังกล่าวว่า นักบุญเปาโลได้พูดถึงบุคคลที่ถูกลงโทษด้วยความอ่อนแอทางร่างกาย เพราะพวกเขารับศีลมหาสนิททั้งที่ยังมีความผิดบาปอยู่ พี่น้องทั้งหลาย, หากท่านเคยตกลงไปในความชั่วเช่นนี้ ข้าพเจ้าขอให้ท่านอย่าได้ท้อแท้ แต่จงลุกออกมาในทันทีจากหลุมเน่าเหม็นของนรกแห่งนี้ จงวอนขอจากพระเจ้าทันทีเพื่อพระองค์ทรงประทานแสงสว่างแก่ท่านและทรงยื่นพระหัตถ์มายังท่าน สิ่งแรกที่ท่านต้องทำคือ กำจัดโอกาสแห่งบาปเสีย หากไม่ทำเช่นนี้ การเทศน์สอน ความเสียใจต่อบาป การแก้ปัญหาและการสารภาพบาปก็จะปราศนาการไป จงกำจัดโอกาสของบาป และจงเสนอตนเองต่อพระเจ้าและต่อพระมารดามารีย์ผู้บริสุทธิ์ยิ่งอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าท่านจะถูกล่อลวงหนักหนาสักเพียงใดก็ตาม จงอย่าท้อแท้ แต่จงเรียกหาความช่วยเหลือจากพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์ทันที จงเอ่ยพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ พระนามนี้มีอำนาจในการทำให้ปีศาจหนีไปและยับยั้งเปลวไฟชั่วร้ายที่อยู่ภายในตัวของท่าน หากปีศาจร้ายยังยืนกรานล่อลวงท่านอยู่ จงเรียกหาพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์ แน่นอนว่าท่านจะไม่ล้มลง เพื่อกำจัดนิสัยชั่วร้ายของตัวท่านเอง ท่านจงอุทิศตนเป็นพิเศษต่อพระแม่มารีย์ เริ่มอดอาหารเพื่อเป็นเกียรติแก่พระนางในวันเสาร์ พยายามมองพระรูปของพระนางบ่อยๆทุกวัน และวอนขอให้พระนางทรงช่วยปลดปล่อยท่านจากความชั่วร้ายนี้
 
ทุกเช้า , ทันทีที่ลุกขึ้นจากการหลับนอน จงอย่าละเว้นที่จะสวดบท ”วันทามารีย์” สามครั้งเพื่อเป็นการเทิดเกียรติความบริสุทธิ์ของพระนาง และทำเช่นเดียวกันเมื่อเข้านอน * และเหนือสิ่งอื่นใดตามที่ได้กล่าวไว้ เมื่อการประจญล่อลวงถึงจุดยากลำบากที่สุด จงเรียกหาพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์โดยเร็ว
**************************

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น